ดาบคลั่งของข่งชัว เป็นที่รู้จักกันดีว่าโหดเหี้ยม

ถ้าดาบนี้ตกลงบนร่างของใคร มันจะตัดคนผู้นั้นออกเป็นพัน ๆ ชิ้นในทันที

อีกทั้งยังไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ชิ้นเดียว!

“ข่งชัว เจ้ากล้าดียังไง!”

เขาใช้วิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้กับมู่เฉียนซี แน่นอนว่าเขาทำให้เฟิงอวิ๋นซิวโกรธเคืองอย่างถึงที่สุด

พลังวิญญาณธาตุลมกวาดออกไป เฟิงอวิ๋นซิวดึงมู่เฉียนซีไปด้านข้าง

“เฉียนเยี่ย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าบ้านี่หรอก ส่งมันให้ข้าจัดการเอง”

ซวนอีเหลือบมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เจ้าหนู แม้ว่าเมื่อครู่เจ้าจะทำได้ดีแต่ในตอนนี้…”

เมื่อเทียบกับคนตรงหน้าเหล่านี้แล้ว พวกเมื่อครู่นั้นล้วนเป็นทหารไร้น้ำยาทั้งสิ้น

แต่ทหารชั้นยอดเหล่านี้กลับรับมือได้ยากนัก

ข่งชัวดูอายุราวยี่สิบสามสิบปีเท่านั้นเอง แต่ความจริงเขาอายุร้อยกว่าปีแล้ว ถึงกระนั้นการที่เขาสามารถฝึกจนถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าได้ก็ถือว่ามีพรสวรรค์สูงมาก

แต่คนที่มองตัวเองสูงส่งมาตลอดกลับต้องมาเจอกับเฟิงอวิ๋นซิว เดิมทีตำแหน่งนายน้อยก็ถูกเขาพรากไปแล้ว ชื่อเสียงก็ยังจะถูกเขากดทับจากทุกทิศทุกทางอีก

ข่งชัวจ้องเขม็งมองเฟิงอวิ๋นซิว เขานับว่าเฟิงอวิ๋นซิวเป็นหนามยอกอกมาโดยตลอด ตอนนี้ก็แทบอยากจะให้เขาได้ตายไปเร็ว ๆ!

ปัง!

เฟิงอวิ๋นซิว ซวนอีและคนอื่น ๆ เริ่มต่อสู้กับคนเหล่านี้ ส่วนมู่เฉียนซีถูกทิ้งไว้อยู่ด้านข้าง

จับเจ้าเด็กไป๋อีเป็นตัวประกัน เล่นตลกอะไรกัน?

นายน้อยอวิ๋นซิวดูราวกับจะคบหากันได้ง่าย แต่เขากลับไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเลย พวกเขารู้ดี!

ตูม! ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายข่งชัวก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้

ต้องยอมรับว่าข่งชัวนั้นแข็งแกร่งมาก แต่เขาต้องใช้ทักษะวิญญาณ อาวุธวิญญาณ และยาในการต่อสู้ด้วย ซึ่งเทียบไม่ได้กับเฟิงอวิ๋นซิวที่มีพรสวรรค์ ดังนั้นจึงทำให้ข่งชัวเกือบจะกระอักเลือดออกมา

“พอได้แล้ว!” เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งดังขึ้น

ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมา พลังของขอบเขตมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าเต็มขั้น ทำให้ต้นไม้โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง

ชายชราผู้นี้ปกปิดใบหน้าของเขาเอาไว้ แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายนี้ เฟิงอวิ๋นซิวรู้ดีว่าชายผู้นี้เป็นใคร?

“ท่านผู้อาวุโสที่สี่ คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้ท่านจะออกหน้าอีกแล้ว?”

“ก่อนที่ข้าจะมาถึงเมืองโอสถ ข้าคิดว่าเจ้าถูกวางยาพิษจนตายไปนานแล้ว กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าพวกนั้นจะปล่อยให้เจ้าพบวิธีแก้พิษนั่น เจ้าพวกนั้นมันทำงานไม่ได้เรื่อง จึงถูกข้าสังหารไปทั้งหมดแล้ว”

“ครั้งนี้ ข้าจะตัดหัวเจ้าด้วยตัวข้าเอง รับรองว่าจะไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสที่สี่หัวเราะอย่างชั่วร้าย

ข่งชัวทำท่าทางเหมือนคางคกขึ้นวอ เขายิ้มพลางกล่าวว่า “เฟิงอวิ๋นซิว วันนี้ที่นี่คือที่ที่เจ้าต้องตาย!”

และด้วยเหตุนี้ชายชราผู้นั้นและข่งชัวทั้งสองก็ได้ล้อมเฟิงอวิ๋นซิวไว้ ดวงตาสีเหลืองอำพันที่สวยงามคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิวยิ่งดูเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ

ปัง!

“นายน้อย!” เฟิงอวิ๋นซิวถูกล้อม จึงทำให้ซวนอีและคนอื่น ๆ เป็นกังวล

ผู้อาวุโสที่สี่กล่าว “นายน้อยอวิ๋นซิว เจ้าอย่าได้คาดหวังให้คนของเจ้ามาช่วยเจ้าเลย พวกมันล้วนถูกสกัดไว้หมดแล้ว ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษที่ตัวเจ้าเอง พอได้ยินข่าวเกี่ยวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ก็รีบวิ่งแจ้นไปยังเมืองโอสถอย่างไม่ทันตั้งตัว ”

เฟิงอวิ๋นซิวไม่มีจุดอ่อน และเป็นคนที่ฉลาดมาก จะมีก็เพียงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่เขาต้องการเป็นพิเศษเท่านั้น ที่จะทำให้เขาขาดสติได้

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสที่สี่ มู่เฉียนซีถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดเฟิงอวิ๋นซิวทั้งที่รู้ว่าตนเองตกอยู่ในวงล้อมศัตรู แต่ก็ยังให้คนวิ่งมั่วไปทั่วจนข้างกายไม่มียอดฝีมือขั้นสูงสุดสักคน

กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์…เขาต้องการกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี่เอง

และไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนอื่น!

“พรูด!” ใบมีดโลหะถูกกรีดลงบนร่างของเฟิงอวิ๋นซิว

ซวนอีและคนอื่น ๆ เห็นเขาได้รับบาดเจ็บก็กระวนกระวายใจยิ่งนัก

“นายน้อย พวกเราจะขวางพวกเขาไว้ ท่านรีบออกไปเร็วเข้า!”

ดวงตาของซวนอีแดงก่ำ ราวกับว่าเขาตัดสินใจที่จะเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อคุ้มกันเฟิงอวิ๋นซิวให้ออกไปได้

ปัง ปัง ปัง! ซวนอีพุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจสิ่งใด แต่กลับถูกผู้อาวุโสที่สี่ตบกระเด็นออกไปด้วยฝ่ามือเดียว

“วันนี้ เฟิงอวิ๋นซิวต้องตาย ใครก็อย่าได้คิดว่าจะมาขวางข้าได้!”

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงเกียจคร้านเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“เฮ้! พวกเจ้าต้องการแผ่นเหล็กนั่นไม่ใช่เหรอ? ที่จริงแผ่นเหล็กชิ้นนั้นตอนนี้อยู่ในมือของข้า”

มู่เฉียนซีที่ถูกมองข้ามมาตลอดเริ่มมีตัวตนขึ้นมาแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าค่อย ๆ สู้กันไปแล้วกันนะ ข้าจะพาแผ่นเหล็กนั่นหนีไปก่อน”

พูดจบมู่เฉียนซีก็วิ่งหนีไป

ดวงตาของซวนอีลุกเป็นไฟ เขาแทบอยากจะแปลงร่างเป็นมังกรพ่นไฟเผามู่เฉียนซีให้เป็นเถ้าถ่าน

“นายน้อยดีกับเขามากเพียงนี้ เจ้าหมอนี่กลับ…”

“บ้าเอ๊ย! เจ้าหนู เจ้าอย่าคิดหนี!”

แม้ว่าข่งชัวอยากที่จะฆ่าเฟิงอวิ๋นซิวมากเพียงใด แต่แผ่นเหล็กแผ่นนั้นคือเป้าหมายของเขา

เขาต้องการที่จะไล่ตามมู่เฉียนซีไป แต่กลับถูกเฟิงอวิ๋นซิวขวางเอาไว้

มู่เฉียนซีหนีไปเช่นนี้ เฟิงอวิ๋นซิวกลับไม่ได้โกรธเหมือนซวนอี

ดวงตาของเขาหม่นหมองลง และโคจรพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะลงมือกับข่งชัว

ข่งชัวโมโหเป็นอย่างมาก “เฟิงอวิ๋นซิว เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! เจ้าเด็กนั่นนำของที่เจ้าซื้อมาวิ่งหนีไปแล้ว เจ้าไม่ไล่ตามไปก็ช่างเถอะ แต่กลับมาขวางข้าไว้อย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ได้อย่างไร”

ธาตุลมและธาตุไฟกักขังข่งชัวไว้ ทำให้เขาไม่มีเวลาแยกร่าง

เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกำลังจะหายตัวไป ข่งชัวจึงกล่าวขึ้นว่า “ผู้อาวุโสที่สี่ อย่าปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นหนีไปได้”

“ข้าจะสังหารเฟิงอวิ๋นซิว!” ภารกิจของท่านผู้อาวุโสที่สี่คือสังหารเฟิงอวิ๋นซิว เขาจะไม่ยอมไปง่าย ๆ

ข่งชัวกล่าว “บนร่างของเจ้าเด็กนั่นมีความลับเกี่ยวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ พลังระดับเขานั้นไม่อาจหนีเอาตัวรอดไปได้ ภายในไม่กี่ยามท่านคงสามารถแก้ปัญหาได้ ดังนั้นแล้วในช่วงเวลานี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เฟิงอวิ๋นซิวหนีไปได้”

ผู้อาวุโสที่สี่รู้ว่าแผ่นเหล็กนั้นสำคัญมาก เมื่อเห็นว่าเจ้าขยะข่งชัวไม่สามารถหนีออกมาได้ เขาจึงกระโดดและพุ่งไปยังทิศทางที่มู่เฉียนซีหนีไป

“ไสหัวไปซะ!” เฟิงอวิ๋นซิวในตอนนี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

ข่งชัวยิ้มแล้วกล่าวว่า “เฟิงอวิ๋นซิว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสนใจเจ้าเด็กนั่นมาก? ข้าไม่เคยเห็นเจ้าใส่ใจเรื่องใครขนาดนี้มาก่อน”

“โอ้! จริงสิ หลายปีมานี้เจ้าไม่เคยแตะต้องสตรีเลย คงไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกนะ!”

ข่งชัวกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวยิ่งเย็นชาขึ้นและกระแสลมก็ยิ่งกระโชกแรงขึ้นเช่นกัน

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หมาป่าสวรรค์พิฆาต!”

อากาศโดยรอบแทบจะแข็งตัวในทันที

สีหน้าของข่งชัวแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก และรีบใช้อาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ออกมาป้องกัน มิเช่นนั้นเขาคงต้องตายอย่างแน่นอน!

ซวนอีก็ตกใจเช่นกัน นายน้อยโกรธเข้าแล้ว เมื่อครู่ที่ถูกผู้อาวุโสที่สี่โจมตีเขาไม่ได้ใช้กระบวนท่านี้ แต่ตอนนี้…

ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าเด็กที่ชื่อมู่หรงเฉียนเยี่ยนั่น!

บึ้ม! เสียงระเบิดดังขึ้นมาจากรอบ ๆ ตัวของเฟิงอวิ๋นซิว

ข่งชัวถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป สีหน้าของเขาซีดเผือด แม้ว่าเขาจะใช้อาวุธวิญญาณระดับสวรรค์เพื่อสกัดกั้นการโจมตีแล้วก็ตาม

เฟิงอวิ๋นซิวไม่อยากสนใจเจ้าหมอนี่ในตอนนี้ เขาอยากจะไป…

อย่างไรก็ตาม ข่งชัวกลับกัดฟันแล้วเข้ามาขัดขวางเฟิงอวิ๋นซิวไว้อีกครั้ง

“เจ้าต้องการที่จะไปช่วยเจ้าเด็กนั่น! ข้าจะไม่ไปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด”

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะเฟิงอวิ๋นซิวได้ แต่เรื่องถ่วงเวลาไว้ย่อมไม่เป็นปัญหา

ตราบเท่าที่เขาถ่วงเวลาไว้ได้ ผู้อาวุโสที่สี่ก็จะมีเวลาเพียงพอที่จะจัดการกับเจ้าเด็กนั่นได้

เนื่องจากการขัดขวางของข่งชัว เฟิงอวิ๋นซิวจึงลงมืออย่างโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนมู่เฉียนซีที่หนีผ่านไปในป่า โดยมีชายชราคนหนึ่งไล่มาด้วยความเร็วอันน่าหวาดหวั่นนั้น เขาได้ปล่อยพลังวิญญาณอันมหาศาลมาขวางทางมู่เฉียนซีเอาไว้ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เจ้าหนู เจ้าหนีไม่พ้นหรอก! ส่งของมาซะ ข้าจะให้ความสุขกับเจ้า”