ตอนที่ 774 เราต่างตายกันหมด

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

หลังจากที่การทดลองจอห์นสันแอนด์จอห์นสันประสบความสำเร็จ ศาสตราจารย์เกรนจ์ก็เป็นศูนย์กลางของการวิพากษ์วิจารณ์โดยสาธารณชน

คนส่วนใหญ่ต่อต้านการพัฒนาเทคโนโลยีการแช่แข็งมนุษย์

ถึงแม้ว่ามันจะเพิ่มโอกาสให้กับผู้ป่วยโรคร้ายแรง คนส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินมากพอที่จะใช้งานตู้แช่แข็งนานหลายสิบปี

เทคโนโลยีเช่นนี้มีมาเพื่อรับใช้แค่ชนชั้นสูง ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนชนชั้นล่างจะสนับสนุนการมีอยู่ของมัน

ศิลปินชาวดัตช์ยังได้วาดรูปน้ำมันล้อเลียนประเด็นนี้ เขาวาดรูปมัมมี่แช่แข็งในโลงศพน้ำแข็งนั่งอยู่บนบัลลังก์ มีกลุ่มบริวารในชุดสูทคุกเข่ารอบมัมมี่ เขากำลังล้อเลียนว่าพวกบริวารคิดว่าตัวเองอาจจะได้นั่งบนบัลลังก์ คล้ายกับฟาโรห์เมื่อหลายพันปีก่อน

นักเขียนไซไฟชาวอเมริกันวาดรูปสังคมที่ล่มสลายถูกปกครองโดยบริวารที่ไม่เคยปลุกเจ้านายให้ตื่น

ในสังคมล่มสลาย ผู้คนมีชีวิตที่ยากจนมาก การพัฒนาสังคมถูกชะงักไว้ และสังคมแข็งตัวถึงจุดที่มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนชนชั้นผ่านการพยายามด้วยตัวเอง นี่เป็นเพราะว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดย ‘มัมมี่แช่แข็ง’

ในมุมหนึ่ง แง่มุมพวกนี้ค่อนข้างสุดโต่ง แต่มันก็มีตรรกะเบื้องหลังเรื่องพวกนี้ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ดึงดูดความสนใจได้อย่างมาก

คำถามว่าเทคโนโลยีนี้ถูกศีลธรรมหรือไม่ถูกถกเถียงทั้งในและนอกแวดวงวิชาการ

ระหว่างที่การโต้เถียงกำลังดำเนินอยู่ มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น

ระหว่างที่ทุกคนวุ่นวายกับการเขียนความเห็นตัวเองเรื่องเทคโนโลยีนี้ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงค่อยๆ ก่อตั้งกลุ่มวิจัยการแช่แข็งจำศีลมนุษย์ พวกเขาเชิญหลิวจัวปิง ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการห้องแล็บการแพทย์การแช่แข็งเซลล์ที่โรงพยาบาลทั่วไป PLA ให้เป็นผู้จัดการโปรเจกต์

เมื่อข่าวนี้หลุดออกไป มีเสียงอื้ออึงเกิดขึ้นในชุมชนสากล

พวกเขาจะไม่สนใจถ้ามันเป็นสถาบันไม่มีชื่อเสียง แต่นี่เป็นสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง!

คนเหล่านี้เป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้

คนเหล่านี้เป็นผู้ออกแบบยานอวกาศสกายโกลว์!

ที่สำคัญที่สุด ศาสตราจารย์ลู่เป็นหัวหน้าสถาบัน…

คนที่ต่อต้านการแช่แข็งเริ่มกังวลขึ้นกะทันหัน

บ้าเอ๊ย!

ศาสตราจารย์ลู่สนใจ!

ถ้าเขาทำสำเร็จได้จริงล่ะ?

ถึงแม้ว่าลู่โจวไม่เคยแสดงความสามารถในด้านชีววิทยาหรือว่าเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับการวิจัยทางชีววิทยา ไม่มีใครแน่ใจกับทักษะที่แท้จริงของเขา

ท้ายที่สุดแล้ว ลู่โจวสร้างปาฏิหาริย์มาแล้วนับไม่ถ้วน

หลายคนที่ช่างสังเกตการณ์มากกว่าเห็นว่าศาสตราจารย์หลิวจัวปิงเป็นหัวหน้าโปรเจกต์วิจัย และพวกเขาชี้ว่าชื่อของหลิวจัวปิงถูกอ้างอิงในธีสิสของศาสตราจารย์เกรนจ์…

สัญญาณทั้งหมดนี้ชี้ว่าลู่โจวไม่ได้ล้อเล่น และเขาจริงจังเรื่องการแก้ปัญหานี้

อาคารภาคเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน

แองกัส ดีตันออฟฟิศ นั่งในออฟฟิศของเขา เขาถอดแว่นตาและโยนหนังสือพิมพ์ไว้บนโต๊ะ

“ไม่อยากจะเชื่อเลย!”

ศาสตราจารย์วิทเทนนั่งตรงข้ามเขา วิทเทนยิ้มและจิบชา

“มีอะไรเหรอ? เพื่อน”

ห้าปีก่อน วิทเทนเริ่มหัวล้านและตอนนี้เขาเหลือผมบนหัวไม่กี่เส้น

นี่ล่ะชีวิต

เขาเกิดปี 1951 ตอนนี้เขาอายุ 70 กว่าปีแล้ว และเขาเข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิตแล้ว

สองปีก่อน ศาสตราจารย์อติยาห์เสียชีวิตระหว่างที่ทำภารกิจหาทางไขการคาดคะเนของรีมันน์ เรื่องนี้ส่งผลอย่างมากต่อวิทเทน จนถึงตอนนี้ วิทเทนอยู่อย่างสันโดษที่พรินซ์ตัน

“ผมไม่รู้ว่าทำไมลู่โจวถึงทำเรื่องแบบนี้! ไม่มีทางที่คนฉลาดแบบเขาจะไม่รู้เรื่องแบบนี้!” ศาสตราจารย์แองกัสเปิดอีเมลอย่างโกรธเกรี้ยว นิ้วของเขาสั่นระหว่างที่กำลังพิมพ์ลงคีย์บอร์ด

วิทเทนมองดูเพื่อนของเขาแล้วยิ้ม

“ใจเย็นก่อน เพื่อน เราไม่ได้เด็กๆ กันแล้ว ระวังเรื่องความดันด้วย”

“แต่…ผมต้องหยุดเขา!”

วิทเทนวางถ้วยชาลงแล้วคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดต่อ “บางที…เขาอาจจะมีเหตุผลของตัวเอง?”

แองกัสหยุดพิมพ์ลงคีย์บอร์ด เขาขมวดคิ้วและหันมองวิทเทน

“คุณกำลังพูดว่า…รัฐบาลจีนกำลังบังคับให้เขาทำสิ่งนี้?”

“ไม่น่าหรอกแต่มันก็เป็นไปได้!” เอ็ดเวิร์ด วิทเทน ยิ้มและพูดว่า “เขาเป็นคนที่ดื้อดึงมาก เขาไม่น่าจะทำอะไรที่เขาไม่อยากทำ ในทางกลับกัน เขาทำทุกอย่างที่เขาตั้งเป้าไว้สำเร็จ”

แองกัสเงียบไปและเขาเอนหลังที่เก้าอี้

“ในเมื่อคุณรู้จักเขาดี ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?”

“คุณพูดผิดแล้ว ผมไม่รู้จักเขาดีขนาดนั้น แม้แต่ตอนที่เขาอยู่ที่พรินซ์ตัน ผมแค่รู้จักเขาในฐานะนักวิชาการที่มีความสามารถ” วิทเทนพูด “ในทางกลับกัน ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนรู้จักเขาดีมากกว่าผมเยอะ ผมแค่เห็นว่าเขาเป็นนักวิชาการที่มีเกียรติ”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดด้วยความโกรธ “แต่เขากำลังใช้ความรู้ทำเรื่องผิดศีลธรรม!”

“ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต บางทีผมอาจจะไม่ถูกต้องทางการเมือง แต่ผมไม่คิดว่าการแช่แข็งจำศีลมนุษย์นั้นแย่แบบที่คุณคิด” ศาสตราจารย์วิทเทนยิ้มและพูดว่า “มันจะไม่ใช่กว่าการประดิษฐ์คิดค้นโทรศัพท์มือถือใช่ไหม? สิ่งที่พวกมิลเลนเนียมทำทุกวันนี้คือเล่นโทรศัพท์มือถือ”

แองกัสส่ายหน้าและพูดว่า “คุณไม่เข้าใจ”

วิทเทนยิ้มและพูดว่า “คุณพูดถูก ผมไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์ ผมเป็นแค่นักฟิสิกส์ แต่ผมคิดว่าเราคล้ายกันมากกว่าที่คุณคิด ผมใช้คณิตศาสตร์เพื่อศึกษาฟิสิกส์ คุณใช้คณิตศาสตร์เพื่อศึกษาเศรษฐศาสตร์”

แองกัสพูดว่า “แต่โมเดลเศรษฐศาสตร์ของผมเป็นโมเดลปรากฏการณ์ที่ได้รับการทดสอบมาอย่างละเอียด! มันคาดการณ์พฤติกรรมของมนุษย์โดยไม่ลำเอียง” จากนั้นแองกัสพูดอย่างเสียดสี “ถ้าคุณคิดว่ามันง่ายแบบนั้น ทำไมคุณไม่ใช้โมเดลเศรษฐศาสตร์เชิงคณิตศาสตร์เพื่อชนะรางวัลโนเบลล่ะ?”

วิทเทนยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้…ผมแก่ไปสำหรับเรื่องนั้น บางทีผมอาจจะใช้เทคโนโลยีการแช่แข็งเพื่อชนะรางวัลโนเบล”

“เพื่อน เราต่างตายกันหมดในท้ายที่สุด การยอมรับความตายไม่มีอะไรผิดเลย” แองกัสมองดูวิทเทนและพูดว่า “ผมรู้ว่าการจากไปของวิทเทนส่งผลอย่างมากต่อคุณ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเราด้วย ไม่มีอะไรต้องกังวลไป”

“ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับคุณ” วิทเทนยิ้มและพูดตอบ “ในเมื่อคุณมีเรื่องจะพูดกับลู่โจว ทำไมคุณไม่ไปถามเขาต่อหน้าล่ะ? ทุกครั้งที่ผมคุยกับเขาต่อหน้า ผมฉลาดมากขึ้นเล็กน้อย…ถ้าหมอไม่ได้แนะนำให้ผมบินน้อยลง ผมคงจะไปกับคุณ”

“ไอเดียเยี่ยม!”

ศาสตราจารย์แองกัสปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ เขาเริ่มเดินออกจากออฟฟิศ

วิทเทนมองดูเพื่อนเก่าเดินออกจากออฟฟิศแล้วยิ้ม

“ฝากสวัสดีศาสตราจารย์ลู่เผื่อผมด้วย แล้วบอกเขาด้วยว่าเพื่อนของเขาอยากเล่นไพ่ด้วย!”

แองกัสไม่ได้ตอบอะไร

เขาจากไปนานแล้ว

วิทเทนยิ้มและส่ายหน้า เขาจับแขนโซฟาและลุกขึ้นอย่างช้าๆ

“เมื่อคุณแก่ขึ้น เวลามักจะผ่านไปรวดเร็วมาก…”

เขามองดูนอกหน้าต่างแล้วเห็นนกพิราบเต่าเกาะกิ่งไม้ ทันใดนั้น เขาพึมพำกับตัวเอง ‘ดีจัง’

…………………………………………….