เฉินโม่ได้เหมือนกับเฉินเยว่ที่รู้สึกแปลกใจที่เฉินกั๋วเหลียงเอาแต่พูดเรื่องกฎหมายของหัวเซี่ย เขาเข้าใจดีท่านปู่ที่อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ของหัวเซี่ยมาเกือบค่อนชีวิต ต้องการให้ท่านเข้าใจทัศนคติของคนในโลกบู๊โบราณที่เคารพกันที่ความแข็งแกร่ง คงต้องใช้เวลาพอสมควร
“คุณปู่วางใจเถอะ ฉันต้องช่วยคุณปู่สั่งสอนพวกมันอย่างแน่นอน” เฉินโม่ยิ้มกล่าว
เมื่อเห็นเฉินโม่กลับมา สมาชิกตระกูลเฉินที่บ่นเกี่ยวกับพฤติกรรมที่บ้าบิ่นของเฉินกั๋วเหลียง ตอนนี้ล้วนหุบปากไม่กล้าพูดอีก
ใครจะกล้า พวกเขานั้นเคยเห็นฝีมือเทพสังหารอย่างเฉินโม่มาแล้ว อีกทั้งเฉินโม่ก็ไม่ได้เห็นพวกเขาเป็นญาติด้วย พวกเขากล้าที่จะทำตามอำเภอใจต่อหน้าเฉินกั๋วเหลียง แต่กลับไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อหน้าเฉินโม่เลยแม้แต่นิดเดียว
เฉินโม่มองไปทางเฉินเยว่แล้วถาม “พี่ คนพวกนั้นมันแย่งสำนักของพี่ไปนานแค่ไหนแล้ว?”
เฉินเยว่กล่าว “ไม่กี่วันมานี่เอง คาดว่าตอนนี้กำลังเคลื่อนย้ายกันอยู่”
เฉินโม่พยักหน้า หันร่างมองไปทางเฉินกั๋วเหลียง ยิ้มแล้วพูด “คุณปู่ ตอนนี้ร่างกายของปู่ฟื้นฟูเป็นอย่างไรบ้าง?”
เฉินกั๋วเหลียงปรับลมปราณแล้วชกหมัดไปหลายที ทั้งแข็งแรงและทรงพลัง แล้วหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “ปู่หายนานแล้ว ไม่ต้องห่วงแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็เราก็ไปคิดบัญชีกับพวกมันตอนนี้เลยดีมั้ย?” เฉินโม่ถาม
บนใบหน้าของเฉินกั๋วเหลียงปรากฏขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาหัวเราะและพยักหน้า “ได้ ไปกันเลย!”
เฉินกั๋วเหลียงมองไปยังเฉินตงซุ่นที่อยู่ด้านข้าง “ตงซุ่น เรื่องในตระกูลมอบให้นายเป็นคนจัดการดูแล ฉันกับเสี่ยวโม่จะไปคิดบัญชีกับคนพวกนั้นแล้ว!”
“พ่อครับ พ่อต้องระวังตัวนะครับ!” เฉินตงซุ่นคิ้วขมวด ไม่ค่อยเต็มใจที่จะให้เฉินกั๋วเหลียงไปเสี่ยงอันตรายอีก
อย่างไรก็ตามเขาคิดว่ามีเฉินโม่ไปด้วย น่าจะไม่เป็นไร เลยไม่ได้พูดห้าม
เฉินกั๋วเหลียงมองไปทางเฉินเยว่แล้วพูดขึ้น “เยว่เอ๋อร์ ตอนนี้เสี่ยวโม่กลับมาแล้ว เราจะไปช่วยเธอชิงสำนักกลับคืนมา!”
“อืม!” เฉินเยว่พยักหน้า มีเฉินโม่อยู่ คนพวกนั้นของโลกบู๊โบราณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราอย่างแน่นอน
หลังจากสั่งการแล้ว เฉินโม่กับเฉินกั๋วเหลียงที่อยู่ภายใต้การนำของเฉินเยว่ ก็มุ่งหน้าไปที่ตั้งของสำนักซานเหอ
ครั้งที่แล้วที่มาถึงที่นี่ คนของตระกูลหยูกำลังกำจัดศพของคนในสำนักซานเหอที่เสียชีวิตระหว่างต่อสู้ แล้วถูกเฉินกั๋วเหลียงเห็นเข้า เฉินกั๋วเหลียงอดไม่ได้ ก็ออกไปต่อว่าคนพวกนั้นทันที
ครั้งนี้เมื่อมาถึง ทั้งสำนักซานเหอได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก
เต่าสองตัวที่อยู่ตรงหน้าประตู ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสิงโตหินสองตัวที่ดุดันน่าเกรงขาม ประตูที่พังได้ถูกเปลี่ยนใหม่แล้ว ดูแล้วมันโอ่อ่ากว่าเมื่อก่อนมาก
นักบู๊แดนในสองคนยืนอยู่ทั้งสองด้านของประตู ยืนสะเปะสะปะ ดูไม่เป็นระเบียบเลย
“ใช้นักบู๊แดนในมาเฝ้าประตู ตระกูลหยูช่างฟุ่มเฟือยจริงๆ!” เฉินเยว่พูดเยาะ
เฉินโม่ก้าวเข้าไปโดยตรง กลับถูกเฉินเยว่ดึงตัวเอา “น้องชาย นายคิดจะทำอะไร?”
เฉินโม่มองเฉินเยว่อย่างกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ พูดด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา “ก็จะไปให้พวกมันคืนสำนักไง!”
เฉินเยว่ขมวดคิ้ว พูดด้วยเสียงต่ำ “นายก็จะเข้าไปแบบนี้เลยเหรอ?”
เฉินโม่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่เข้าไปแบบนี้ แล้วต้องเข้าไปยังไง?”
เฉินเยว่อึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอแดงโดยไม่รู้สาเหตุ เธอลืมไปว่าเฉินโม่ไม่ใช่นักบู๊ธรรมดา แต่เป็นนักบู๊ที่สามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนเทพได้
“ฉันลืมไปน่ะ” เฉินเยว่ก้มหน้าอย่างอายๆ อายที่จะมองหน้าเฉินโม่
เฉินกั๋วเหลียงกลับใจกล้ามาก เดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างโจ่งแจ้ง แล้วตะโกนพูด “พวกนายสองคน ไปตามคนที่ดูแลที่นี่ออกมา!”
“เป็นแกอีกแล้วเหรอ ครั้งก่อนที่ให้แกหนีไป แกยังไม่รีบหาที่หลบซ่อนตัว คิดไม่ถึงยังกล้ากลับมาที่นี่อีก!”
นักบู๊ที่เฝ้าประตูอยู่นั้น เป็นคนสองคนที่พ่ายแพ้ให้กับเฉินกั๋วเหลียงครั้งที่แล้ว เมื่อเห็นเฉินกั๋วเหลียง ก็จำได้ในทันที
“ฮ่าๆ บังเอิญจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกนาย งั้นก็ดีเลย รีบไปเรียกไอ้หนุ่มที่ชนะฉันครั้งก่อนออกมา ครั้งนี้ปู่อย่างฉันจะสั่งสอนเขาอย่างดีเลย!” เฉินกั๋วเหลียงที่มือเท้าเอว ท่าทางนักเล็ง