ราชันเร้นลับ 977 : ปฐมเทศนา

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สำหรับคำตอบของแพทริค·เบรน ไคลน์ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพียงพยักหน้าเบาๆ และกล่าว

“ชีวิตที่เท่าไรแล้ว?”

จากที่มันทราบ ‘อมรณา’ จะตายทุกๆ หกสิบปี จากนั้นก็คืนชีพโดยที่ความทรงจำส่วนใหญ่สูญหาย ต้องค่อยๆ ฟื้นฟูกลับคืนมา ไม่ต่างอะไรกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่

นี่คือความรู้ที่โอสถบอกกับมัน แพทริค·เบรนจึงเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ

“ผมยังอายุไม่ถึงห้าสิบปี อีกกว่าสิบปีจึงจะกลายเป็นอมรณาที่แท้จริง”

ไคลน์ถามโดยไม่มองหน้า

“เปลี่ยนมานับถือพระองค์เมื่อไร?”

‘พระองค์’ ในทีนี้หมายถึง ‘พระองค์ผู้ปกครองโลกแห่งความตาย’

เบรนครุ่นคิดสองสามวินาทีและกล่าว

“ในตอนนั้น ผมเพิ่งฉลองวันเกิดครบอายุสามสิบปีได้ไม่นาน”

เข้าสู่โลกของผู้วิเศษหลังจากอายุสามสิบ จนกระทั่งกลายเป็นลำดับ 4 ได้ด้วยอายุยังไม่ถึงสี่สิบ… เป็นความเร็วที่น่าทึ่งมาก เร็วระดับเดียวกับ ‘ข้ารับใช้’ เลยทีเดียว… จริงสิ… ในพิธีกรรมดังกล่าว ทั้งร่างกายและวิญญาณล้วนได้รับอิทธิพลจากเอกลักษณ์ของเส้นทางมรณา… ไคลน์ครุ่นคิดขณะฟัง สามารถยืนยันสมมติฐานของหน้าของตนได้

แน่นอน หากเทียบกับมันที่กลายเป็นครึ่งเทพได้ภายในหนึ่งปี อัตราการเติบโตของแพทริค·เบรนก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำอะไร

สำหรับเรื่องนี้ ไคลน์ไม่คิดโอ้อวดแต่อย่างใด เพราะมันคือ ‘ข้ารับใช้’ โดยแท้จริง เต็มไปด้วยตัวช่วยในการเลื่อนลำดับมากกว่าใคร

ปัญหาเดียวก็คือ มันไม่ทราบว่าผลงานของตนคู่ควรแก่การได้รับสิ่งตอบแทนหรือยัง

ไตร่ตรองสักพัก ไคลน์หันไปถาม

“ตัวตนในปัจจุบันคืออะไร?”

“เป็นนักธุรกิจ ตั้งโรงงานตัดเย็บสองแห่งในเบ็คลันด์ ศรัทธาเทพธิดารัตติกาล เป็นผู้สนับสนุนพรรคหัวก้าวหน้า” แพทริค·เบรนแนะนำ

ไคลน์เกือบพ่นลมหายใจ มันถามต่อ

“มีสมาชิกนิกายวิญญาณเป็นลูกน้องกี่คน พวกเขากำลังทำอะไร?”

เบรนตอบอย่างคล่องแคล่วประหนึ่งคิดไว้ล่วงหน้า

“สองทีม ผู้วิเศษสิบสองคน บ้างทำงานในโรงงานตัดเย็บของผม บ้างทำในโรงงานนาฬิกา ทั้งหมดประกอบอาชีพสุจริต… นอกเวลา พวกเขาจะแอบเผยแผ่ความเชื่ออย่างระมัดระวัง ส่งผลให้ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลัก จึงมีจำนวนสมาชิกไม่เกินหนึ่งร้อย… เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการรวบรวมเงื่อนงำที่พระองค์เหลือทิ้งไว้ รวมถึงวัตถุต่างๆ สำหรับประกอบพิธีกรรม… เมื่อพบเงื่อนงำ พวกเราจะแอบดำเนินการตามแผน จัดเตรียมวัตถุดิบให้พร้อม ทดสอบพิธีกรรมคืนชีพต่างๆ เพื่อเลือกวิธีที่ได้ผลที่สุด ตัวผมเป็นผู้นำพิธี และเป็นกุญแจสำคัญของพิธี”

ฟังดูภูมิใจมาก… ไคลน์ซักถามเกี่ยวกับสถานการณ์อื่น ทั้งหมดถูกตอบโดยละเอียด

จนกระทั่ง มันครุ่นคิดสักพักก่อนจะถามด้วยสีหน้าขึงขัง

“จากวิวรณ์ของพระองค์ นับแต่นี้ไป คุณต้องทำตามที่ผมบอก”

แพทริค·เบรนลุกขึ้นคำนับทันที สีหน้าเผยความเคร่งขรึม

“ครับ ท่านเจ้าคุณ”

ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว

“อันดับแรก ช่วงนี้หยุดพิธีกรรมต่างๆ ไปก่อน และไม่ต้องรวบรวมวัสดุเพิ่มเติม พระองค์ตื่นขึ้นมาแล้วในขั้นต้น ช่วงนี้กำลังพักฟื้น อย่าส่ง ‘เสียง’ ดังรบกวนพระองค์”

ตามความคิดของไคลน์ พิธีกรรมคืนชีพของเบรน ไม่ว่าจะมีรูปแบบอย่างไร ทั้งหมดล้วนมุ่งเป้าไปยังมรณาเทียม หรือเอกลักษณ์แห่งเส้นทางมรณา พิธีกรรมเหล่านี้อาจทำให้เอกลักษณ์ถูกกระตุ้นจนเกิดสัญญาณชีพ เป็นอุปสรรคการเข้าควบคุมของเทพธิดา

ไม่ว่าไคลน์จะยินดีกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ แต่ในเมื่อเทพธิดารัตติกาลชักนำเบรนมาหาตนแล้ว มันไม่มีทางเลือกนอกจากเล่นไปตามน้ำ

สำหรับข้ออ้างของไคลน์ แพทริค·เบรนมิได้เคลือบแคลงแม้แต่น้อย เพราะเทพมรณาได้ตื่นขึ้นแล้วจริงๆ และหลักสำคัญของการ ‘ตื่น’ คือห้าม ‘รบกวน’

อมรณาครุ่นคิดสักพัก ถามอย่างกระตือรือร้น

“ท่านเจ้าคุณ แล้วพวกเราควรทำอะไรต่อ?”

ไคลน์ปรบมือและยิ้ม

“ค้นหาเบาะแสของพระองค์ สิ่งนี้จะช่วยให้พระองค์ฟื้นตัวได้เร็ว”

กล่าวถึงตรงนี้ ไคลน์อยากเพิ่มคำสั่งที่สอง แต่เมื่อตระหนักว่าตนมีข้อมูลน้อยเกินไป การสั่งส่งเดชอาจทำให้สมาชิกนิกายวิญญาณออกไปก่อปัญหามากกว่าสร้างประโยชน์ จึงเสริมด้วยประโยคอื่น

“นอกจากนั้น คุณและลูกน้อง ไม่ว่าจะที่โรงงานตัดเย็บหรือโรงงานนาฬิกา ทุกคนต้องรู้หนังสือ ต้องอ่านหนังสือ จากนั้นก็จัดตั้งโรงเรียนภาคค่ำหรือคาบเรียนชั่วคราว ขจัดความเขลาและความป่าเถื่อนให้คนรอบข้าง”

เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ไคลน์เหยียดมือขวากดหน้าอก เริ่มเทศนาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“พระองค์ตรัสว่า คุณต้องเข้าใจในสิ่งที่เชื่อ จึงจะเชื่อได้อย่างสุดหัวใจ… พระองค์ตรัสว่า กับคนที่กำลังสับสน จงให้พละกำลังแก่เขา และติดอาวุธให้พวกเขาด้วยปัญญา เพราะอาณาจักรที่พระองค์รับปากไว้จะไม่อนุญาตให้คนเขลาหรือป่าเถื่อนเข้าร่วม”

แพทริค·เบรนมิได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับคำพูดของดอน·ดันเตส ไม่แปลกใจว่าทำไมประโยคทั้งสองจึงไม่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ของนิกายวิญญาณ นั่นเพราะบุรุษตรงหน้าคือข้ารับใช้แห่งเทพ เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งเทพที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าพระคัมภีร์!

มันพยักหน้าขึงขังก่อนจะกล่าว

“ผมจะจดจำคำสอนของพระองค์… ขอให้วิญญาณทุกดวงได้รับโอกาสเข้าไปในอาณาจักรแห่งพระองค์!”

ขณะกล่าว มันทำท่าสวดวิงวอนของนิกายวิญญาณ ยกมือขึ้นสูง หันนิ้วหัวแม่มือเข้าหากันและนำมาวางไว้กึ่งกลางหน้าผาก

ในทางศาสตร์เร้นลับ จุดดังกล่าวคือแก่นของโลกแห่งความตายสำหรับ ‘ผู้เฝ้าประตู’ ทุกคน หมายถึงตำแหน่งของโลกแห่งความตาย

ไคลน์ทำท่าเดียวกันตอบ จากนั้นก็กล่าว

“เรื่องที่สอง หากมีคำสั่งจากทวีปใต้ ไม่ว่าจะมาจากใคร คุณต้องส่งให้ผมก่อน อำนาจในการตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ขึ้นอยู่กับผมคนเดียว หากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามแอบไปทำกันเองเด็ดขาด… ส่วนการตอบกลับ ห้ามตอบกลับเกินกว่าที่ผมสั่ง”

มันเป็นกังวลว่า ผู้นำนิกายวิญญาณฝักใฝ่มรณาเทียมอย่างไฮเทล จะยังกระตือรือร้นในการคืนชีพมรณาเทียม ส่งผลให้แพทริคและคนที่เหลือได้รับคำสั่งจากทวีปใต้เป็นบางคราว

ในขณะเดียวกัน มันต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เทพธิดาควบคุม ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาให้สมบูรณ์ก่อนที่ไฮเทลและเทวทูตอีกสองตนจะสังเกตเห็น จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงระหว่างนั้น

เบรนยังคงไม่คัดค้าน

“ครับ ท่านเจ้าคุณ”

หลังจากออกคำสั่งไปสองข้อ สีหน้าไคลน์ยังไม่แปรเปลี่ยนแม้ภายในใจจะผ่อนคลายลง

“ข้อสาม หากผมไม่เรียก คุณห้ามแวะมาหาเองเด็ดขาด ให้ติดต่อผ่านผู้ส่งสาร… คุณเองก็คงทราบ ตัวตนจำนวนมากบนโลกดาราไม่ปรารถนาจะให้พระองค์คืนชีพ”

แพทริค·เบรนพยักหน้ารับ

“เข้าใจแล้วครับ… คำอัญเชิญผู้ส่งสารของผมก็คือ: วิญญาณเร่ร่อนแห่งโลกเบื้องบน สิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรอย่างไร้เงื่อนไข ผู้ทำพันธสัญญากับแพทริค·เบรน”

อย่างที่คิด สำหรับครึ่งเทพเส้นทางมรณา เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ส่งสาร… เส้นทางนี้สามารถมีผู้ส่งสารได้ตั้งแต่ลำดับ 6 แล้ว… ไคลน์ตอบอย่างเชื่องช้าโดยปราศจากความลังเล

“คำอัญเชิญผู้ส่งสารของผมก็คือ… ผู้เตร็ดเตร่ในความว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรและพร้อมรับคำสั่ง ผู้ส่งสารของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แต่เพียงผู้เดียว อา… ไม่ว่าจะรับหรือส่งจดหมาย คุณจะต้องใช้เหรียญทองเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนเสมอ”

ไคลน์จงใจเปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างดอน·ดันเตสกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ตรวจสอบว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีตอบสนองเช่นไร

“เกอร์มัน·สแปร์โรว์…” แพทริค·เบรนทวนคำด้วยสีหน้าสงสัย จากนั้นก็โพล่งขึ้นอย่างประหลาดใจ “ท่านเจ้าคุณกงสุลมรณะ?”

โชคยังดี… แม้จะเป็นแค่ผลผลิตจากพิธีกรรมจนเปี่ยมไปด้วยความศรัทธา แต่อย่างน้อยก็มีสมองปรกติ สามารถรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ได้อย่างใจเย็น… ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก ตอบด้วยรอยยิ้ม

“ผมไม่ใช่เขา… ท่านเป็นอาจารย์ของผม”

เบรนพยักหน้าครุ่นคิด คล้ายกับเข้าใจในหลายๆ เรื่องพร้อมกัน

ไคลน์พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่มิได้ใส่ใจนัก ไขว่ห้างขวาทับซ้าย วางสองมือบนเข่าและถาม

“ตอนนี้มีข้อมูลของนิกายวิญญาณกลุ่มอื่นมากน้อยแค่ไหน?”

แพทริค·เบรนนั่งลงอีกครั้งและตอบ

“กลุ่มที่ทรงอำนาจที่สุดคือฝ่ายราชวงศ์ สมาชิกหลักคือลูกหลานโดยตรงของพระองค์ แบ่งออกเป็นหลายองค์กรย่อย… ผู้นำในปัจจุบันเป็นทายาทที่มีสายเลือดเจือจาง เธอมีนามว่าเซีย·ปาลังเก้·อายเกส อาจเป็นนางฟ้าหรือไม่ก็ถือครองมรดกที่สำคัญของพระองค์ เรียกตัวเองว่าราชินีสีซีด… นอกจากเธอ ยังมีนักบุญอีกห้าตน ส่วนหนึ่งเป็นครึ่งเทพแท้จริง ส่วนหนึ่งพึ่งพาสมบัติปิดผนึก… นอกจากราชวงศ์และเรา สาขาที่เหลือค่อนข้างอ่อนแอ หลักๆ คือโรงเรียนนิทราและโรงเรียนแห่งความตาย… หากผนึกกำลังกัน พวกเขาจะมีผู้วิเศษที่ทรงพลังทัดเทียมนักบุญ”

รอจนกระทั่งเบรนพูดจบ ไคลน์พยักหน้าเล็กๆ และกล่าว

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ถ้ามีเรื่องเร่งด่วน ติดต่อผมได้ทุกเมื่อ”

“ครับ ท่านเจ้าคุณ” แพทริค·เบรนลุกขึ้นคำนับและเดินออกจากห้อง

ประตูเปิดออกเองอย่างเชื่องช้า เงาดำและวิญญาณด้านนอกพลันอันตรธานหายไปพร้อมกับสายลมหนาว

รอจนกระทั่งทุกสิ่งจบลง ไคลน์มองประตูที่ปิดสนิท เดินไปทางหน้าต่าง เปิดผ้าม่านและมองไปที่ถนน

รถม้าหลายคันมาจอดตั้งแต่ตอนไหนก็มิอาจทราบได้ หน้ารถทุกคนมีโคมไฟแขวนไว้สองดวง แสงของตะเกียงซีดผิดปรกติ เรืองแสงสีเขียวขุ่น โดยรอบพร่ามัว

ท่ามกลางฉากที่คลุมเครือ เค้าโครงของร่างกายล่องหนกระจายตัวเต็มด้านหน้าและด้านหลัง ทั้งหมดกำลังสวมเสื้อผ้ามายาอย่างสุภาพเรียบร้อย

รอจนกระทั่งแพทริค·เบรนร่อนลงจากกลางอากาศ กลับไปถึงจุดดังกล่าว ร่างกายเหล่านั้นต่างกรูเข้ามารวมตัวข้างครึ่งเทพและวิญญาณรอบกาย ทักทายด้วยความเคารพ จากนั้นก็แยกย้ายขึ้นรถม้าสองสามคันที่มองเห็นได้อย่างยากลำบาก เริ่มออกตัวและแล่นไปไกล

กลุ่มแสงสีเขียวซีดๆ จางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหายไปในความมืด ราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

ไคลน์ถอนสายตากลับ สีหน้าเคร่งขรึมพลางพึมพำ

แม้แพทริค·เบรนจะได้รับวิวรณ์จากเทพธิดาโดยตรง แต่เรากลับเกิดความรู้สึกแปลกๆ ว่ากรุงเบ็คลันด์กำลังทวีความปั่นป่วน คล้ายกับกระแสแห่งความชั่วร้ายใกล้ปะทุเต็มที…

ไม่มีใครเดาได้ว่า อีกนานแค่ไหนคลื่นจะก่อตัว…

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ไม่รีรอ รีบติดต่อแม่มดทริสซี่ทันที เพื่อยืนยันว่าไม่มีความผิดปรกติเกิดขึ้นกับเธอ

………………………………………….