ตอนที่ 1072 สถานการณ์

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1072 สถานการณ์

ณ หยวนเป่ยเต้า เมืองต้าติ้ง

หนิงหยู่ชุนดูซูบผอมลงไปมากโข เขามาอยู่ที่นี่ได้เดือนกว่าแล้ว

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้มอบราชโองการอันใดให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการทุกอย่างเพียงลำพัง

สิ่งที่เขาต้องเผชิญคือถนนที่มีพื้นที่กว้างขวางคล้ายกับอดีตราชวงศ์หยู !

ถนนสายนี้ยากจนข้นแค้นเนื่องจากมีสงครามติดต่อกันมานานหลายปี การค้าบนถนนสายนี้ยังห่างไกลกับถนนสายใดสายหนึ่งของต้าเซี่ย !

ระหว่างเดินทางเขาได้คิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของที่นี่ ทว่าเมื่อเขาเดินทางมาถึงหยวนเป่ยเต้าเมืองต้าติ้ง เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาเคยคิดไว้ก่อนหน้านี้ มันดีกว่านี้มากโข

การคราดไถดินเพื่อเตรียมการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิ ทุ่งนามากกว่าครึ่งถูกทิ้งร้าง

ชาวนาใช้ชีวิตเยี่ยงสุกรและสุนัขที่มิมีอาหารให้กินอิ่ม มิมีเสื้อผ้าอาภรณ์ให้สวมใส่

บ้านสิบหลัง ว่างเปล่ามิมีผู้อาศัยเก้าหลัง หลายหมู่บ้านเหลือคนชราและเด็กน้อยมากยิ่งนัก

ข้าวและเงินถูกจ่ายให้เป็นเบี้ยหวัดให้แก่ขุนนางที่เกียจคร้าน ซึ่งมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตนเองจริง ๆ

การจัดเก็บภาษีอย่างโหดร้ายทารุณเหมือนดั่งภูเขาลูกใหญ่ที่หนักอึ้งทับอยู่บนศีรษะของราษฎร พวกเขาพอจะประคองชีวิตให้รอดไปวัน ๆ ได้เท่านั้น มิอาจลุกขึ้นมายืนหยัดได้

ดังนั้นต้าเซี่ยจึงทำลายราชวงศ์เหลียวให้สูญสิ้น แม้ว่าราษฎรจะมิได้สรรเสริญ แต่พวกเขาก็มิได้แสดงท่าทีที่รุนแรงออกมา

อย่าว่าแต่ราษฎรเลย แม้แต่เหล่าพ่อค้าของราชวงศ์เหลียวก็ล้วนเฝ้าดูอยู่อย่างสงบ พวกเขามิได้คิดที่จะดึงราชวงศ์เหลียวที่ล่มสลายไปแล้วกลับคืนมาอีกครา พวกเขาเพียงคอยมองดูความเป็นไปอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น

สิ่งแรกที่หนิงหยู่ชุนทำเมื่อเข้ารับตำแหน่งคือยกเว้นภาษีเกษตร การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยในหมู่ราษฎรหยวนเป่ยเต้า หลังจากที่ราษฎรได้ยินดังนั้นพวกเขาก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครา

การยกเว้นภาษีในครานี้ทำให้เกิดกระแสตอบรับอย่างดีในแวดวงขุนนางและแวดวงการค้าในหยวนเป่ยเต้า

หนิงหยู่ชุนออกคำสั่งเรียกประชุมขุนนางจากสามเขตสิบสองรัฐในหยวนเป่ยเต้า ซึ่งให้มารวมตัวกันที่เมืองต้าติ้งในวันที่ยี่สิบของเดือนแปด

หนิงหยู่ชุนนั่งอยู่ในสำนักงานพลางขมวดคิ้วมุ่น เขากำลังตรวจเช็คข้อมูลของกลมคลังของราชวงศ์เหลียว หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองหนิงจื้อหย่วนอดีตเสนาบดีกรมคลัง

“ทุก ๆ ปีเบี้ยหวัดของขุนนางมีการเบิกจ่ายถึง 6,000,000 ตำลึง ราชวงศ์เหลียวมีขุนนางกี่คนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

หนิงจื้อหย่วนนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือของหนิงหยู่ชุน เขาตอบกลับมาว่า “เรียนนายท่าน ขุนนางในราชวงศ์เหลียวมีประมาณ 30,000 คนขอรับ”

หนิงหยู่ชุนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นกว่าเดิม ต้าเซี่ยมีขุนนางเพียง 10,000 คนเท่านั้น ทว่าราชวงศ์เหลียวกลับมีมากถึง 30,000 คน… !

เขาจ้องมองไปที่เฉินไป๋ชิวเสนาบดีกรมขุนนางที่อยู่ด้านขวา “เจ้าได้นำรายชื่อขุนนางมาด้วยหรือไม่ ? ”

เฉินไป๋ชิวยื่นกล่องให้เขาด้วยร่างที่สั่นเทา ทว่าหนิงหยู่ชุนมิได้รับไว้ เขาเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาททรงมีพระเมตตา คิดที่จะให้ชาวเหลียวเยี่ยงพวกเจ้าใช้นโยบายเหมือนกับชื่อเล่อชวนปกครองหยวนเป่ยเต้ากันเอง”

“แต่ว่า ! สิ่งที่ข้าจะบอกกล่าวให้แก่พวกเจ้าก็คือ ต้าเซี่ยมีบัณฑิตหลายพันหลายหมื่นคนรอเข้ารับตำแหน่งขุนนางอยู่ และข้าก็มิได้รู้จักพวกเขาเหล่านี้เป็นการส่วนตัว ดังนั้นสิ่งที่ข้าจะให้เจ้าทำก็คือ…”

“เลือกรายชื่อขุนนางในนี้ออกมา 3,000 คน ! ”

น้ำเสียงของหนิงหยู่ชุนเริ่มหนักแน่นขึ้น “จงจำเอาไว้ว่า…ข้าต้องการเพียง 3,000 คนเท่านั้น !หยวนเป่ยเต้าตั้งแต่เหนือจรดใต้รวมไปถึงสำนักงานแห่งนี้ต้องการขุนนางเพียง 3,000 คนเท่านั้น ! ”

“ดังนั้น 3,000 คนนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถ ! ”

“คือ…” เฉินไป๋ชิวผงะ เลือกคนจาก 30,000 คนให้เหลือเพียง 3,000 คน นี่เขากำลังจะตัดขุนนาง 27,000 คนออกไปเยี่ยงนั้นหรือ ?

ความสัมพันธ์ที่พัวพันระหว่างขุนนางเหล่านี้มีเรื่องราวที่สลับซับซ้อนและยุ่งยากมากยิ่งนัก เช่นนี้จะตัดผู้ใดออกไปได้เล่า ?

“นายท่านหนิง” เฉินไป๋ชิวสูดหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “มิง่ายเลยที่จะตัดขุนนาง 30,000 คนให้เหลือเพียง 3,000 คน”

หนิงหยู่ชุนหัวเราะออกมาทันใด “ตามที่เอ่ยมาเสนาบดีกรมขุนนางเยี่ยงเจ้าก็มิมีประโยชน์อันใดเลยนี่”

คำเอ่ยนี้ทำให้เฉินไป๋ชิวผงะตกใจ จากนั้นก็รีบโบกมือเป็นพัลวัน “มิใช่ ๆ นายท่านข้าจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้แหละขอรับ ! ”

“หยุด ! ”

หนิงหยู่ชุนเรียกเฉินไป๋ชิวที่กำลังจะเดินออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เจ้าอาจจะยังมิรู้ว่าต้าเซี่ยมีแผนกพิเศษซึ่งเรียกว่าฝ่ายตรวจการ พวกเขามีหน้าที่ดูแลขุนนางหลายร้อยคนรวมทั้งเจ้าและข้าด้วย ขุนนางทุกคนหรือแม้แต่นายอำเภอตัวเล็ก ๆ ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของฝ่ายตรวจการนี้”

“ท่านเฉิน หากผู้ที่เจ้าเลือกมิได้รับการยกย่องสรรเสริญจากราษฎร…เมื่อถึงเวลานั้นคงจะมิใช่ข้าที่จะก่อปัญหาให้เจ้า”

“หากถูกฝ่ายตรวจการเชิญไปดื่มน้ำชาที่เมืองกวนหยุน ท่านเฉิน…รสชาติของน้ำชาที่นั่นมิน่าดื่มเอาเสียเลย ! ”

เฉินไป๋ชิวที่ยังคงคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ อยู่ ๆ ก็กลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ เขาถือกล่องใบนั้นด้วยใจที่เป็นกังวล จากนั้นก็ได้ยินหนิงหยู่ชุนเอ่ยต่อว่า

“ตอนนี้ที่นี่มิใช่ราชวงศ์เหลียวอีกต่อไปแล้ว ที่นี่คือหยวนเป่ยเต้าแห่งประเทศต้าเซี่ย ! เจ้าจะต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ เจ้ามิจำเป็นต้องเกรงกลัวผู้มีอิทธิพล เจ้าเพียงทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศต้าเซี่ย หากมีผู้ใดกล้าเข้ามาแทรกแซง เจ้าเพียงแค่มาบอกกล่าวกับข้า ! ”

“ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง หากผู้ใดกล้าขัดขวาง ข้าจะล้มล้างตระกูลมันผู้นั้นเสีย ! ”

คำเอ่ยนี้ทำให้ความกังวลในใจของเฉินไป๋ชิวสงบลงมากโขเลยทีเดียว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าขุนนางทั้งสามหมื่นคนนี้จะมีสักกี่คนที่ทำงานเพื่อราษฎรอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านี้สิ่งที่เขากังวลก็คือความอาฆาตแค้นจากทุกฝ่าย ทว่าเมื่อได้ยินหนิงหยู่ชุนเอ่ยดังนั้น เขาก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ราชวงศ์เหลียวเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

ใช่ ! เหตุใดเขาต้องเกรงกลัวความอาฆาตแค้นจากคนพวกนั้นด้วยเล่า ?

บัดนี้ข้าเป็นขุนนางของต้าเซี่ยแล้ว จ่งตูท่านนี้ค่อนข้างจะเยาว์วัย ทว่าเขาก็เป็นคนที่กล้าหาญพร้อมจะลงมือทำลายระบบเก่า และตัวเขาเองก็อยากจะรักษาตำแหน่งขุนนางเอาไว้ ดังนั้นจึงต้องทำงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบ

เฉินไป๋ชิวกอดกล่องไว้แน่น จากนั้นก็ทำความเคารพหนิงหยู่ชุนหนึ่งคราพร้อมกับเอ่ยว่า “นายท่านโปรดจงวางใจ ข้าน้อยจะนำรายชื่อมาให้นายท่านในช่วงหัวค่ำขอรับ”

“ดี ! เจ้าไปจัดการเถิด”

เฉินไป๋ชิวเดินออกมา หนิงหยู่ชุนจ้องมองไปยังหนิงจื้อหย่วนเสนาบดีกรมคลังอีกครา

“เงินเดือนของขุนนางสามพันคนรวมทั้งข้าลดลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 2 ปีตามมาตรฐานต้าเซี่ย ! ต่อไปเรื่องที่กรมคลังจะต้องทำคือแบ่งเงินจากกรมคลังครึ่งหนึ่งไปสร้างถนนที่หยวนเป่ยเต้าเพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ราษฎร มิเช่นนั้นราษฎรอาจจะมิสามารถอยู่รอดได้ในปีนี้”

“เงินที่เหลือทั้งหมดต้องเก็บเอาไว้ เรื่องต่อไปที่กรมคลังจะต้องทำคือสำรวจสถิติประชากร ข้าต้องการรายละเอียดประชากรและข้อมูลเชิงพื้นที่ของแต่ละหมู่บ้าน ! ราษฎรในหยวนเป่ยเต้าจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นภายในสองปี”

“ส่วนเรื่องการค้า ข้าเชื่อว่าพ่อค้าจากต้าเซี่ยจะมาที่นี่ในอีกมิช้า และข้าก็ได้นำประมวลกฎหมายการค้าทั้งหมดมาแล้ว ขุนนางแห่งกรมคลังจะต้องศึกษากฎหมายการค้าให้เข้าใจอย่างชัดแจ้งทุกคน นอกจากนี้หยุนซีเหยียนหัวหน้ากรมการค้าอยู่ในระหว่างการเดินทางมาที่นี่”

“พวกเจ้าจงจำเอาไว้ว่า เรื่องราวก่อนหน้านี้จะต้องโยนมันทิ้งให้หมด ! ”

“ขุนนางทุกระดับจำต้องเรียนรู้กฎหมายและวิธีการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ของต้าเซี่ย ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าครึ่งปี ผู้ใดที่มิผ่านการประเมินจะถูกคัดออก ! ”

อดีตขุนนางที่ยืนหน้าสลอนถอนหายใจออกมา พวกเขามองหน้ากันไปมาแต่ก็มิมีผู้ใดเอ่ยอันใดออกมา

การประชุมครานี้หนิงหยู่ชุนใช้เวลา 2 ชั่วยามในการอธิบายขั้นตอนให้ข้าราชการเหล่านี้ทราบถึงข้าพึงปฏิบัติ และกฎที่เกี่ยวข้องของกับราชสำนักของต้าเซี่ย และสิ่งสุดท้ายที่เขาจะเอ่ยก็คือ

“ยุคสมัยใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ยุคแห่งการกดขี่ราษฎรได้ผ่านพ้นไปแล้ว พวกเจ้าจงจำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า… ขุนนางของต้าเซี่ยต้องรับใช้ราษฎรอย่างเต็มความสามารถ ! ”

“หากมีผู้ใดฝ่าฝืน…จะถูกตัดสินโทษโดยข้อกฎหมาย ! “