บทที่ 1011 รังแกหอคอยมากเกินไป

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 1011 รังแกหอคอยมากเกินไป
เปลวไฟเจ็ดสี กำลังเผาวิญญาณ

เย่เซิ่งเทียนกัดฟันสู้ นี่เป็นความเจ็บปวดที่ยากจะพรรณนาได้ น่ากลัวกว่าการประหารชีวิตโดยการแล่เนื้อออกเป็นชิ้นๆอีก

“กลั่นวิญญาณ!”

ในข้อคิดที่ได้จากประสบการณ์ของเหล่าจู่ตระกูลเซียว มีการบันทึกไว้ ตอนที่วิญญาณบินข้ามผ่าน จะปรากฏไฟแห่งวิญญาณ กลั่นวิญญาณ

การบำเพ็ญตน เดิมทีก็คือการละเมิดต่อเจตนารมณ์ของสวรรค์

ภายใต้กฏเกณฑ์แห่งหลักธรรม จะจัดตั้งการทดสอบแต่ละต้าเต๋า

ประคองรอดผ่านไปได้ จะทะยานขึ้นสู่ฟ้า ประคองให้รอดผ่านไม่ได้ งั้นก็เห็นได้ชัดว่า ไม่มีวาสนาต่อต้าเต๋า

ไม่มีของสิ่งไหนที่ได้รับมาอย่างสบายๆ

เย่เซิ่งเทียนกัดฟันแน่น ไม่พูดสักคำ ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เขาตัวสั่นเทาไปทั้งตัว

เปลวไฟเจ็ดสี เผาไหม้วิญญาณอย่างไม่หยุดหย่อน

วิญญาณถูกเผาไหม้จนหดเล็กลงกว่าหลายครั้งแล้ว

เจ็บปวดจนจะฉีกหัวใจออกเป็นส่วนๆ ทำให้เย่เซิ่งเทียนคิดอยากจะถอยออกไป

คิดอยากจะทะลวงแดนทะลุเทพชั้นต้น สองที่ที่ยากที่สุดก็อยู่ที่นี่

ที่แรกก็คือกลั่นวิญญาณด่านนี้ ที่ที่สองก็คือหลังจากข้ามผ่านสะพานเทพ ลากดึงประตูวังสวรรค์

ในข้อคิดที่ได้จากประสบการณ์ของเหล่าจู่ตระกูลเซียว แนะนำไว้อย่างชัดเจน บินข้ามผ่านสำเร็จเพียงครั้งเดียวยากมาก

โดยพื้นฐานแล้วต้องทำกว่าหลายครั้ง ถึงจะสำเร็จได้โดยสิ้นเชิง

ไม่มีใครสามารถประคองดับและหลอมของไฟแห่งวิญญาณได้ในครั้งเดียว

เย่เซิ่งเทียนใช่ว่าจะไม่อยากถอยออกไป แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามากมายขนาดนั้นแล้ว

คนที่อยู่ข้างนอกเหล่านั้นไม่มีทางให้โอกาสเขาแน่ ค่อยๆใช้ประโยชน์จากการกลั่นวิญญาณมาสร้างให้วิญญาณแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ และหลังจากนั้น ปะทะให้มากขึ้นสักสามสี่ครั้ง

มองวิญญาณที่หดตัวเล็กลงกว่าหลายรอบแล้ว เย่เซิ่งเทียนกัดฟัน วิญญาณพุ่งไปข้างหน้าต่อไป

เดินมาถึงสถานที่สองส่วนสามของสะพานเทพหลากสีสัน วิญญาณเริ่มเปลี่ยนเป็นโปร่งใส เดิมทีวิญญาณและรูปลักษณ์ของเย่เซิ่งเทียนไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากอยู่แล้ว ในเวลานี้แม้แต่ส่วนสูง 120 เซนติเมตรก็ยังไม่ถึง !

อีกอย่าง ยังหดตัวเล็กลงด้วยความเร็วสุดขีด

ทำแบบนี้ต่อไป ไม่สามารถบินข้ามผ่านได้สำเร็จ แถมยังถูกไฟแห่งวิญญาณทำลายวิญญาณด้วย

ควรจะทำยังไงดี?

ในเวลานี้ข้างนอกมีเมฆดำหนาทึบ มืดฟ้ามัวดิน ทำให้คนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก

ฟ้าร้องและฟ้าผ่าวูบวาบ ราวกับตะขาบยักษ์มากมาย เต็มทั่วท้องฟ้า

“สหาย แกหนีไม่ได้แล้ว มอบเย่เซิ่งเทียนออกมา!”

บุคคลลึกลับท่านหนึ่ง ปรากฏตัวต่อหน้าวิญญาณหอคอย ปิดบังใบหน้าเช่นกัน กลัวจะถูกคนจำได้

“พวกมดอย่างพวกแก เป็นเพียงแดนทะลุเทพหนึ่งวัง ชั้นสองก็เท่านั้น จับตัวเย่เซิ่งเทียนสำหรับพวกแกแล้วมีประโยชน์อะไร?”

วิญญาณหอคอยด่าทอด้วยความโมโห ลงมือจัดการเลย

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่แกต้องเป็นกังวลแล้ว”

เมื่อห้ามปราม คนที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้นมาถึงทันที ล้อมรอบวิญญาณหอคอยไว้

“สหาย ดูเหมือนว่าแกต้องการจะดื้อรั้นจนถึงที่สุดแล้ว! ”

“หยุดพูดจาไร้สาระ ลงมือจัดการ!”

แดนทะลุเทพทั้ง 7ท่านนี้ลงมือพร้อมกัน วิญญาณหอคอยถูกโจมตีพ่ายแพ้และล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า

“แม่ง สู้ฉันไม่ได้แถมยังไม่สามารถหลบซ่อนได้?”

วิญญาณหอคอยด่าทอออกมา เจาะเข้าไปในหอผนึกปีศาจอย่างไม่สนใจแล้ว ปล่อยให้คนด้านนอกเหล่านั้นโจมตี

“แกหลบก็ไม่มีประโยชน์ ดูว่าพวกแกจะหลบซ่อนได้นานแค่ไหน ทลายหอคอยนี้ให้พัง!”

มีคนยิ้มหยัน

แค่หอคอยเอง ยังจะต้านทานการโจมตีของพวกเขาที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้ได้?

น่าขำชะมัด

ทุกคนลงมือพร้อมกัน โจมตีจนหอผนึกปีศาจสั่นสะเทือนไม่มีสิ้นสุด ลอยออกไปไม่หยุด แต่แค่ไม่แตก

วิญญาณหอคอยโกรธจัด ปวดใจอย่างมาก

นี่มันเป็นตัวของมัน!

แม้ว่าคนเหล่านี้โจมตีไม่แตก แต่นี่กำลังโจมตีเขานะ!

“ถ้าหากเป็นช่วงยุครุ่งเรืองของฉันนะ มดอย่างพวกแกทั้งหลาย ฉันแค่เป่าลม ก็เป่าพวกแกให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้!”

วิญญาณหอคอยด่าในหอคอย รังแกหอคอยมากเกินไป!

“ทำไมแข็งแรงขนาดนี้!”

ด้านนอก คนเหล่านี้โมโหอย่างยิ่ง พวกเขาทุกคนร่วมมือกัน ไม่นึกเลยว่าจะตีหอคอยไม่แตก

“หอคอยแห่งนี้มีความเป็นมาอย่างไร?”

“ในเมื่อตีไม่แตก พาตัวไปก่อนค่อยว่ากัน!”

คนที่เหลือต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาไม่เชื่อว่าพวกเย่เซิ่งเทียนเหล่านี้ จะอยู่ในนี้ได้ทั้งชีวิต

จะต้องมีวิธีทลายหอคอยนี้ให้เปิดออก

“พวกสารเลวอย่างพวกแก คิดจะทำอะไรฉัน?พวกแกรอฉันนะ สักวันหนึ่งจะคิดบัญชีนี้กับพวกแก!”

วิญญาณหอคอยพูดเหอะออกมาแล้ว

แม้ว่าคนเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรร่างกายของมันได้ แต่นี่ทำให้หอคอยอัปยศอดสูเกินไปแล้ว

และในเวลานี้ ทันใดนั้น ภายในวิญญาณของเย่เซิ่งเทียน เปล่งแสงสีขาวออกมา!