ตอนที่ 1049 หุบปากให้หมด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ในร่างของไป๋หรูเหยียนมีวิญญาณของหมิงจีอาศัยอยู่ ถึงแม้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะยังรู้ไม่ชัด แต่เขาก็ต้องรู้บางอย่างมาแล้วเป็นแน่

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “วางใจเถอะ! ผู้ร่วมมือของเจ้าจะไม่ถูกแม่นางดอกบัวขาวกับนกยูงหน้าเขียวนั่นกำจัดง่าย ๆ หรอกนะ ข้าจะเตรียมของเล่นเพื่อไปเล่นกับคนพวกนั้นให้สนุกเลยล่ะ”

“ของเล่น?” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“แน่นอนว่าสิ่งนั้นก็คือพิษ!” ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น

เฟิงอวิ๋นซิวมองมู่เฉียนซีจากระยะใกล้ ดวงตาสีดำขลับคู่นี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยขึ้น

เฉียนเยี่ยช่างเหมือนกับเฉียนซีมากจริง ๆ!

ทว่า รูปร่างหน้าตาและท่าทางของคนตรงหน้าผู้นี้กลับเป็นความจริง เพียงแค่ทั้งสองนั้นมีความเหมือนกันอย่างบังเอิญก็เท่านั้น

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ก็ได้ หากเจ้าต้องการสมุนไพรวิญญาณอันใดก็บอกซวนอีให้ไปเอามาให้เจ้าก็แล้วกันนะ”

ซวนอีที่ถูกทำให้เป็นผู้ที่ไร้ตัวตนมาโดยตลอดก็ถูกนายน้อยของตนเองขายให้ผู้อื่นอีกแล้ว

“นายน้อย หากเจ้าหนุ่มนี่ทำเกินไปละขอรับ?” ซวนอีรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด

“เชิญเขามาที่ตำหนักตงจี๋แต่กลับทำให้เขาต้องลำบาก ตราบใดที่เฉียนเยี่ยต้องการสมุนไพรวิญญาณ ก็ต้องหามาให้เฉียนเยี่ยให้ได้” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “อวิ๋นซิว เจ้าช่างเป็นสหายที่ดีมากจริง ๆ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ!”

กว่าจะถึงวันทดสอบของตำหนักตงจี๋ยังมีเวลาอีกหลายวัน

มู่เฉียนซีเข้าไปเก็บตัวในห้องปรุงยาเพื่อเตรียมของขวัญให้กับแม่นางดอกบัวขาวผู้จิตใจดีและเจ้านกยูงหน้าเขียวผู้นั้น

สามวันต่อมา ไป๋หรูเหยียนก็มาหานาง

“วันนี้เป็นวันเริ่มทดสอบแล้ว ข้ามารับคุณชายมู่หรง”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “การทดสอบแรก เจ้าคิดว่าเฉียนเยี่ยจะเข้าร่วมอย่างนั้นเหรอ เขาเข้าร่วมก็คงจะเป็นการเสียเวลาเปล่า รอให้ถึงการทดสอบสุดท้าย เจ้าค่อยมารับเฉียนเยี่ยเถอะ!”

ไป๋หรูเหยียนไม่ได้โกรธเกรี้ยว แต่กลับยิ้มอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อนายน้อยอวิ๋นซิวเชื่อมั่นในตัวคุณชายมู่หรงถึงเพียงนี้ เช่นนั้นการทดสอบในสองด่านแรกก็ปล่อยผ่านไปเถอะ เมื่อการทดสอบด่านที่สามเริ่มขึ้น ข้าจะมารับคุณชายมู่หรงอีกครั้ง”

“ดี!”

กล่าวจบ ไป๋หรูเหยียนก็กลับไป

ถึงอย่างไรเสีย การทดสอบในสองด่านแรกก็ยังไม่ควรที่จะลงมือก่อน เดิมทีนางวางแผนเอาไว้ว่าจะลงมือในด่านที่สาม เขาไม่อยากจะเข้าร่วมในสองด่านแรกก็ช่าง!

มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะข้ามการทดสอบในสองด่านแรกให้ตนเอง นางกำลังศึกษาพิษหลากหลายชนิดและยาแผนปัจจุบันอยู่ เมื่อถึงตอนนั้นนางจะทำให้ไป๋หรูเหยียนกับข่งชัวรู้สึกสดชื่นกับของขวัญของนาง

หลังจากนั้นสามวันต่อมา ไป๋หรูเหยียนก็มาอีกครั้ง

นางกล่าว “การทดสอบสองด่านแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้ามารับคุณชายมู่หรง”

“ข้าจะไปหาเฉียนเยี่ย” เฟิงอวิ๋นซิวทิ้งคำพูดนี้เอาไว้ และไม่ได้สนใจไป๋หรูเหยียนแต่อย่างใด

ครั้นแล้ว ไป๋หรูเหยียนในนามธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกนายน้อยอวิ๋นซิวเมินใส่ไว้เช่นนี้

เฟิงอวิ๋นซิวมาหานางที่ห้องปรุงยา มู่เฉียนซีเอายาพิษหม้อสุดท้ายบรรจุใส่ในขวดเสร็จก็เดินออกไป

เมื่อได้รู้ว่าตนเองผ่านการทดสอบสองด่านแรกไปแล้ว นางจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ข้าได้ไม่น้อยเลย”

ไป๋หรูเหยียนได้รออยู่ตรงนั้นเป็นเวลาชั่วครู่แล้ว เมื่อเห็นมู่เฉียนซีเดินมา นางก็ยิ้มและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “คุณชายมู่หรง ตามข้ามาเถอะ!”

มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! เราไปกันเถอะ!”

เมื่อเห็นทั้งสองเดินจากไป ซวนอีก็กล่าวขึ้นว่า “นายน้อย ต้องการให้ข้าส่งคนไปหรือไม่…”

ถึงแม้ว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้จะชอบทำตัวให้เขาไม่พอใจ อีกทั้งยังชอบเรียกใช้งานเขานักต่อนัก แต่เขาก็ยังดูเข้าตากว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์มาก และหาได้ยากมากคนที่เข้ากับนายน้อยได้เช่นนี้

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ไม่จำเป็น เฉียนเยี่ยจัดการเองได้ เขาเป็นถึงหนึ่งในคู่ต่อสู้ของข้าที่หาได้ยากในดินแดนสี่ทิศแห่งนี้”

“คู่ต่อสู้!” ซวนอีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไป

นายน้อยประเมินเจ้าหนุ่มผู้นั้นสูงเกินไปแล้วกระมัง!

ระหว่างทางที่กำลังเดินไปทดสอบด่านที่สาม ไป๋หรูเหยียนก็ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการทดสอบนี้ให้กับมู่เฉียนซีฟังด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“คุณชายได้ผ่านการทดสอบในด่านแรกกับด่านที่สองแล้ว สำหรับการทดสอบในด่านที่สามนั้นจะทำการทดสอบขึ้นที่โบราณสถานแห่งเพลิง และตอนนี้พวกเราก็จะไปยังโบราณสถานแห่งเพลิง”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “อ๋อ!”

“การทดสอบด่านที่สามจะทำการทดสอบภายในโบราณสถานแห่งเพลิง ผู้ใดสามารถหาศิลาวิญญาณเพลิงมาได้มากที่สุด ก็จะถูกจัดอันดับตามจำนวนศิลาวิญญาณเพลิงที่ได้มา ผู้ที่เข้ารอบสิบอันดับแรกจะได้เข้าตำหนักตงจี๋ และได้เป็นศิษย์ของข้า”

“ศิลาวิญญาณเพลิงเป็นศิลาวิญญาณชนิดพิเศษของโบราณสถานแห่งเพลิง มันสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจอมภูตพลังธาตุอัคคีได้ เพียงแต่ว่าคุณชายมู่หรงไม่ใช่จอมภูตพลังธาตุอัคคี จึงไม่สามารถใช้ศิลาวิญญาณเพลิงนี้ได้”

มู่เฉียนซียังคงตอบอย่างง่ายดายว่า “อืม!”

ชายหนุ่มผู้รูปงามตรงหน้าผู้นี้ดูเหมือนกับว่าไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย สำหรับสถานะตัวตนของนาง และพลังความแข็งแกร่งของนาง เขาไม่ได้แสดงท่าทีอิจฉาริษยาแต่อย่างใดเลย

ณ ประตูทางเข้าโบราณสถานแห่งเพลิงในตอนนี้มีผู้คนนับพันคนได้มารวมตัวกันแล้ว

นี่คือคนที่ผ่านการทดสอบมาในแต่ละด่านแล้ว ผู้คนที่มาเข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดมีนับหมื่นคน อย่างไรเสียตำหนักตงจี๋ก็เป็นถึงกองกำลังระดับสามกองกำลังหนึ่ง

“พวกเรารอกันมาตั้งนานแล้ว เหตุใดธิดาศักดิ์สิทธิ์ถึงยังไม่มาพาพวกเราไปโบราณสถานแห่งเพลิงสักทีล่ะ”

“ข้าได้ยินมาว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปรับคนคนหนึ่งให้มาเข้าร่วมการทดสอบในโบราณสถานแห่งเพลิงนี้”

“ตกลงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ถึงได้ใหญ่โตถึงเพียงนี้ ต้องให้ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์ไปรับถึงที่?”

“……”

ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการทดสอบครั้งนี้ ไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้กุมหัวใจชายหนุ่มผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบทั้วหมดแล้ว ในสายตาของพวกเขาท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์เปรียบเสมือนดอกบัวขาวอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ดอกหนึ่งที่สามารถมองได้จากที่ไกล ๆ เท่านั้น

เมื่อพวกเขาเหลือบไปเห็นร่างในชุดสีขาวร่างนั้นก็ตกตะลึงขึ้น “ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว!”

“ข้างกายท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ยังมีบุรุษผู้หนึ่งมาด้วย รูปร่างหน้าตาของบุรุษผู้นี้ก็ดูแสนจะธรรมดา! เขามีสิทธิ์อันใดที่ให้ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปรับด้วยตัวเองเช่นนี้”

“……”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์นั้นมีความนิยมสูงมาก ทันทีที่มู่เฉียนซีปรากฏกายออกมา นางก็เห็นสายตาแต่ละคู่จ้องมองมาด้วยความอิจฉาริษยา

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย ไป๋เหยียนเอ๋อร์ผู้นี้ยังคงเอาชนะใจผู้คนและสร้างความเกลียดชังให้นางอีกเช่นเคย!

แต่ก่อนนางไม่เคยเห็นกลอุบายเช่นนี้อยู่ในสายตามาก่อน ทว่า ตอนนี้กลับนำมาใช้!

เมื่อข่งชัวได้เห็นผู้ที่ทำร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสปรากฏตัวออกมาแล้ว และแน่นอนว่าสีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยจะดีนัก

เขากล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้าอาศัยที่นายน้อยอวิ๋นซิวปกป้องเจ้าไม่เข้าร่วมการทดสอบสองด่านก่อนหน้านี้ทีนึงแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะให้ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องไปเชิญด้วยตัวเองก่อนเจ้าถึงจะมาได้ เจ้ามันช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก”

“อะไรนะ เขาไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบในสองด่านแรกอย่างนั้นเหรอ”

“เหมือนว่าจะใช่นะ! ตอนที่ข้าเข้าทดสอบสองด่านแรกข้าก็ไม่เห็นเจ้าหนุ่มผู้นี้”

“ก็แค่ประจบประแจงเลียแข้งเลียขานายน้อยอวิ๋นซิวก็ได้แล้วนี่ แล้วค่อยเข้าทดสอบด่านที่สามทีเดียว แต่จะว่าไป มันไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่เข้าทดสอบในสองด่านแรกเลยนะ!”

ไป๋เหยีนเอ๋อร์กล่าว “ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบด้วย ข้าเชื่อในสายตาของนายน้อยอวิ๋นซิว ผู้ที่สามารถเป็นสหายของนายน้อยอวิ๋นซิวได้เช่นนี้ ความสามารถของมู่หรงเฉียนเยี่ยต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ ทุกคนอย่าได้สงสัยเลย”

“เจ้าหนุ่มผู้นี้ดูผอมแห้งแรงน้อย พรสวรรค์จะดีสักแค่ไหนกันเชียว?”

“ข้าดู ๆ แล้วก็งั้น ๆ!”

“……”

มู่เฉียนซีเหลือบมองพวกเขาและกล่าวว่า “การทดสอบด่านที่สามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วใช่หรือไม่! เปิดโบราณสถานแห่งเพลิงให้พวกข้าเข้าไปเถอะ!”

“ตอนนี้พวกเจ้าสามารถสงสัยข้าได้ และสามารถสงสัยในสายตาของอวิ๋นซิวได้ แต่เมื่อใดที่ผลลัพธ์ออกมาแล้ว ข้ารับประกันได้ว่าพวกเจ้าทุกคนจะต้องหุบปาก!”

พวกเขามองไปที่ชายหนุ่มชุดขาวที่เย่อหยิ่งและจองหองผู้นั้นพร้อมกับพึมพำว่า “เจ้าหมอนี่หยิ่งยโสโอหังเกินไปแล้ว!”

“เหอะ เหอะ! จะทำให้พวกเราหุบปากอย่างนั้นเหรอ นอกจากเขาจะได้อันดับหนึ่งในด่านที่สามนี้ได้”

“ใช่! เจ้าหนู หากเจ้าไม่ได้อันดับหนึ่ง พวกข้าไม่ยอมรับเจ้าแน่”