ตอนที่ 706 สิ้นหวัง

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 706 สิ้นหวัง
มังกรดำได้ยินเสียงของเยี่ยเทียน ก็ไม่ได้แสดงความดีอกดีใจออกมาเลย นัยน์ตาของมันปรากฏแววความลนลาน มันจำเยี่ยเทียนได้แน่ แต่มันคิดว่าเยี่ยเทียนก็เหมือนกับนักพรตที่มันกำลังต่อสู้อยู่ด้วย ไม่ได้เป็นสัตว์ประเภทเดียวกันกับมัน

ถ้าไม่ใช่สัตว์ประเภทเดียวกัน ย่อมมีความคิดความหวังแตกต่างกัน ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่เข้าใจ มังกรดำมีชีวิตมาหลายร้อยปี สติปัญญาไม่ได้ด้อยกว่ามนุษย์เดินดิน

ถ้าเป็นในเวลาปกติ ความสามารถของเยี่ยเทียนไม่อาจเทียบได้กับเจ้ามังกรดำ แต่ตอนนี้มันกำลังสู้ตายกับนักพรต ถ้าเยี่ยเทียนโดดมาร่วมวงด้วย อาจจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้มังกรดำล้มลง

คิดได้ดังนี้เจ้ามังกรดำจึงอาละวาดหนักกว่าเดิม มันต้องการปลดพันธนาการเชือกนี้ให้หลุดออกไป เพียงได้กลับลงไปอยู่ในสระน้ำ มันจะได้ไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ยิ่งดิ้นเชือกก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น เลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลหลายจุด แต่ก็ทำให้นักพรตต้องใช้พลังมากขึ้น

“ให้ตายสิ ฉันจะต้องถลกหนังดึงเส้นเอ็นของแกออกมาให้ได้” นักพรตพ่นคำพูดพร้อมกับเลือดสดจากปาก พละกำลังถดถอยลงไปเรื่อยๆ

การบำเพ็ญเพียรของเจ้ามังกรดำสูงส่งกว่านักพรต ถึงจะใช้เวทมนต์ ของวิเศษและเล่ห์กลบางอย่าง แต่นักพรตแทบไม่เหลือพลังให้ขับเคลื่อนอีกแล้ว ตอนนี้เขาเกือบจะเข้าใกล้เส้นตายเข้าไปทุกที

“มังกรดำ ฉันมาเพื่อช่วยแก”

เยี่ยเทียนเห็นว่ามังกรดำตกอยู่ในอันตราย จึงส่งกระแสจิตบอกว่า “ถ้าแกเชื่อฉัน ต้องเก็บเอาหมอกพิษกลับไปให้หมด!”

อาศัยเยี่ยเทียนเพียงลำพังไม่อาจต่อกรกับนักพรตได้ เขาคิดวิธีบางอย่างออก แต่เจ้ามังกรดำต้องให้ความร่วมมือ

มังกรดำแหงนหน้าขึ้นร้องคำรามเสียงดัง สายตามองไปทิศที่ดวงจิตของเยี่ยเทียนซ่อนอยู่เบื้องหลังแผ่นหิน ราวกับว่ายังตัดสินใจไม่ได้

ควันพิษที่มังกรดำพ่นออกมา แม้จะไม่อาจทำอันตรายนักพรตได้ แต่ก็พอจะทำให้นักพรตสูญเสียพลังไปไม่น้อย

ถ้าเก็บกลับคืนหมด พลังของนักพรตที่ใช้บังคับเชือกพันธนาการจะยิ่งหนาแน่นขึ้น มังกรดำก็ยิ่งดิ้นรนลำบากมากขึ้น

ดูท่าทางมังกรดำลังเล เยี่ยเทียนบอกต่อว่า “การฝึกวิชาของฉันสู้นักพรตคนนี้ไม่ได้ ถ้าแกไม่ตัดสินใจ ฉันจะกลับล่ะ!”

นักพรตคนนี้จิตใจอำมหิต การกระทำโหดร้าย ถ้าจับได้ว่าเยี่ยเทียนแอบซ่อนอยู่ใกล้ๆ เกรงว่าชีวิตของตนกับหูหงเต๋อจะหนีไม่รอด

แต่ถ้ามังกรดำไม่เก็บเอาไอพิษกลับไป เยี่ยเทียนคงได้แต่จากไป หลีกให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี

มังกรดำได้ยินดังนั้น แววตาจึงปรากฏแววเด็ดขาด หากฝืนสู้ต่อไป มันจะต้องตายอย่างแน่นอน ทำไมไม่ลองเชื่อเยี่ยเทียนดูสักครั้ง

มันอ้าปากขึ้นอีกครั้ง เม็ดพลังเน่ยตันในมือใหญ่ของนักพรตเกิดหมุนวนไม่หยุด พร้อมกับเปล่งแสงออกมา

ในหุบเขาจู่ๆก็เกิดลมพัดแรงขึ้น ลมแรงกวาดเอาไอพิษของมังกรดำเข้าสู่ภายในเม็ดพลังเน่ยตัน ภายในเวลาชั่วครู่ไอหมอกพิษในหุบเขาก็สลายไปสิ้น

“เอ๋? นี่มันอะไรกัน?”

หูหงเต๋อที่เฝ้าร่างของเยี่ยเทียนเอาไว้เห็นว่าหมอกพิษในหุบเขาหายไปหมดก็ตกใจ ตอนนี้เขามองเห็นสถานการณ์ภายในหุบเขาเบื้องหน้าอย่างชัดเจน เบิ่งตามอง

“โอ้โห นั่นมีเทวดามาจากไหนกัน มาปราบปีศาจหรืออย่างไร?”

หูหงเต๋อเห็นชัดแล้วว่าผู้ที่สู้กับมังกรดำอยู่เป็นนักพรต เขาขยี้ตามองแล้วมองอีก ถ้าไม่ได้เห็นกับตา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่ามีคนกล้ามาทำร้ายสัตว์วิเศษถึงที่นี่?

ตอนที่หูหงเต๋อกำลังตะลึงอ้าปากค้าง เยี่ยเทียนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ลืมตาขึ้นพูดว่า “เหล่าหู ใช้ปืนยิงใส่นักพรตคนนั้น ต้องยิงให้ถูกที่สำคัญ!”

“ยิง…ยิงคนนั้น?” หูหงเต๋อส่ายหน้า มองเยี่ยเทียนอย่างไม่อยากเชื่อ “เธอไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม? พวกเราควรจะช่วยนักพรตคนนั้น ทำไมถึงจะช่วยมังกรดำเล่า?”

“ช่วยนักพรต? พอฆ่ามังกรดำเสร็จแล้ว พวกเราก็ไม่รอดเหมือนกัน!”

เยี่ยเทียนไม่ได้ลุกขึ้นยืน แต่ด้วยเสียงร้อนรนว่า “เหล่าหู คุณต้องเชื่อผม ทำตามที่ผมบอก ไม่อย่างนั้นคุณกับผมได้ตายอนาถแน่!”

เยี่ยเทียนถนัดด้านการผูกกว้าทำนาย สัญชาตญาณบอกเขาว่านักพรตได้รู้ถึงการมาของเขาแล้ว แต่ที่ยังแกล้งเฉยอยู่นั้นเพราะซ่อนความคิดชั่วร้ายบางอย่างไว้

“ทำไมเป็นอย่างนี้?” หูหงเต๋อสมองสับสนไปหมด ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเยี่ยเทียน เขาจึงยกปืนไรเฟิลในมือขึ้น

“นับถึงห้าแล้วคุณยิงได้เลย จำไว้นะ ต้องยิงให้ตาย!” เยี่ยเทียนสั่งเสร็จก็ส่งจิตดั้งเดิมออกจากร่างอีกครั้ง นำเอากระดิ่งสามอันไปด้วยหลบอยู่หลังแท่นหินใหญ่อันเดิม

ควันพิษหายไปจากหุบเขาหมดแล้ว ทำให้มังกรดำมีอานุภาพมากขึ้น

แต่นักพรตก็ดึงพลังกลับเช่นกัน พลังของนักพรตเข้าสู่ตัวเชือกทันที มังกรดำที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วยิ่งอาการหนักขึ้น จนไม่อาจพ่นพลังใส่เม็ดพลังเน่ยตันได้อีก ทั้งคนทั้งมังกรยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า!” หูหงเต๋อพึมพำนับเลขเบาๆ แล้วยกปืนขึ้นเล็งไปที่ศีรษะของนักพรตที่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร แล้วสบถพึมพำออกมา “บ้าเอ๊ย ฉันจะเชื่อแกครั้งนี้ครั้งเดียว!”

มีหัวหน้าเป็นหัวหน้ากองโจรผู้เหี้ยมโหดอย่างหูอวิ๋นเป้า หูหงเต๋อก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไหร่ ทั้งยังเป็นคนไม่ไตร่ตรองรอบคอบ ถึงฆ่าคนผิด เขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด

การต่อสู้ของเจ้ามังกรดำกับนักพรตกำลังอยู่ในขั้นดุเดือด เลือดของมังกรดำไหลนองไม่หยุด ร่างมหึมาบิดพันอย่างเจ็บปวด เรี่ยวแรงลดน้อยลงเรื่อยๆ

ส่วนนักพรตก็หมดแรงเช่นกัน มือใหญ่ที่เกิดจากจิตดั้งเดิมเริ่มอ่อนแสงลง จากเมื่อครู่ที่ถูกเม็ดพลังเน่ยตันของมังกรดำโจมตีอย่างรุนแรง อาการบาดเจ็บภายในสาหัสกระอักเลือดออกมาเป็นระยะ แสดงว่านักพรตกำลังฝืนกำลังตัวเองอยู่

“ปัง…ปังปัง!”

ณ ตอนนั้นเองเสียงปืนดังขึ้นสามนัดติดกัน ทำลายเกราะกั้นระหว่างมังกรกับนักพรต

หูหงเต๋อเล่นปืนมาทั้งชีวิต สามนัดที่ยิงออกไปต่างทำให้ถึงแก่ชีวิตทั้งนั้น กระสุนสามลูกถูกยิงออกจากลำกล้องพุ่งเข้าใส่นักพรตตรงๆ เป้าที่เล็งไว้คือตำแหน่งกลางหน้าผากของนักพรตและดวงตา

เมื่อได้ยินเสียงปืน จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนที่หลบอยู่หลังแท่นหินเครียดเขม็ง ถ้าอาวุธปืนสามารถสยบนักพรตลงได้ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้เขายังมีแผนสำรอง

ตอนที่เสียงปืนดัง นักพรตชักมีดสั้นขนาดสามนิ้วออกมาด้วยมือขวา นำมีดมาบังตรงบริเวณดวงตา

“แต๊ง…แต๊งแต๊ง!”

เสียงเหล็กกระทบกันดังสะท้อน กระสุนทั้งสามเม็ดถูกมีดสกัดไว้ ตกลงพื้นข้างๆตัวนักพรต

“คิดลอบทำร้ายฉันเหรอ พวกแกยังฝีมือห่างไกลนัก!”

นักพรตดึงตะขออันหนึ่งออกมาจากปาก ใบหน้าฉายแววชั่วร้าย ตอนที่มังกรดำเก็บเอาควันพิษกลับไปนั้น นักพรตรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล รู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง

มือใหญ่ที่สร้างจากจิตดั้งเดิมอ่อนแอลงเพราะนักพรตแบ่งพลังจากจิตดั้งเดิมไปสืบเสาะด้านนอกโดยรอบ นอกหุบเขาหลังต้นไปฮว่ามีชายสองคนคือเยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อซ่อนตัวอยู่ นักพรตรู้ได้ตั้งแต่แรก

นักพรตฝึกวิชามาถึงขนาดนี้ ถึงไม่รู้วิชาศาสตร์แห่งการทำนาย แต่สัญชาตญาณต่อภัยอันตรายนั้นว่องไวเฉียบคมนัก จุดประสงค์จะปลิดชีวิตตนของเยี่ยเทียนและพวก เขารับรู้ได้นานแล้ว

แต่นักพรตกำลังต่อสู้กับมังกรร้ายอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม ค้นพบทั้งสองคนแล้วยังไม่ทันตรวจสอบให้ชัดเจน จึงดึงพลังจิตดั้งเดิมกลับคืนก่อน ในสายตาของเขาปืนของหูหงเต๋อก็เหมือนมดตัวหนึ่งที่ไม่อาจทำอันตรายใดๆได้

ยิ่งเป็นแบบนี้ ลูกกระสุนที่หูหงเต๋อยิงปืนออกไปทั้งสามนัดถูกนักพรตกันไว้ได้หมด แรงอัดปะทะของกระสุนไม่อาจทำให้ร่างกายของเขาสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย

“นี่…นี่เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”

หูหงเต๋อผู้หลบอยู่นอกหุบเขามองดูอย่างตะลึง ระยะห่างร้อยกว่าเมตร เป็นระยะห่างที่ปืนกลทำงานได้รุนแรงที่สุด แต่เจ้านักพรตนั่นกลับแค่โบกมือเล็กน้อย ก็ปัดเอาลูกกระสุนกระเด็นออกหมด

“เห้ย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะหลบกระสุนของฉันได้สักกี่น้ำ?”

หูหงเต๋อเกิดใจอำมหิตขึ้นมา นิ้วชี้ข้างขวาลั่นไกปืนรัวๆ เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา แรงสั่นสะเทือนทำให้หิมะที่เกาะตามยอดไม้หล่นลงมา

“บ้าเอ๊ย แบบนี้ก็ได้เหรอ?” เห็นภาพตรงหน้าแล้วหูหงเต๋อเบิ่งตาค้าง

นักพรตที่ยืนอยู่ในหุบเขาไม่ขยับร่างกายเลยสักนิด มือขวาโบกสะบัดไปมาเร็วมากจนมองตามไม่ทัน เหมือนกำลังเต้นระบำอยู่ กระสุนทุกเม็ดร่วงลงบนพื้นข้างตัว

ภาพตรงหน้าทำให้หูหงเต๋อที่ยิงจนกระสุนหมดลืมเปลี่ยนกระสุนใหม่ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนปัดป้องลูกกระสุนได้ หรือว่าคำร่ำลือที่ว่ามีดปืนฟันแทงไม่เข้าจะเป็นอย่างนี้นี่เอง?

“พวกแกมันรนหาที่ตาย!”

แม้ตัวมีดสั้นจะเปี่ยมด้วยพลังดั้งเดิมของนักพรต แต่ทุกครั้งที่ลูกกระสุนกระทบเข้ามือของนักพรตเกิดความชาตามมา เขาคำรามในคอ อาศัยจังหวะที่เสียงปืนเงียบลง สะบัดมือขวาอย่างแรง

“ไป!”

ตามเสียงร้อง มีดสั้นบินไปทางทิศที่หูหงเต๋ออยู่ ความเร็วไม่ได้ช้ากว่าลูกกระสุนเท่าใด ในพริบตามีดบินมาถึงตำแหน่งที่หูหงเต๋อซ่อนตัวอยู่

“ให้ตายสิ เทพกระบี่เหรอนี่?”

หูหงเต๋อยืนมองดูมีดที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย รีบหดหัวหลบไปด้านหลังต้นไปฮว่า

เขาคาดไม่ถึงว่ามีดสั้นจะมีฤทธิ์ มันบินวนรอบต้นไป๋ฮว่าได้ด้วย ลำต้นต้นไป๋ฮว่าหนาเท่าบั้นเอวถูกมีดตัดเหมือนก้อนเต้าหู้จนหักโค่นลงมา

ต้นไป๋ฮว่าล้มขวางทาง มีดสั้นยังคงบินไปหาศีรษะของหูหงเต๋อแบบกัดไม่ปล่อย เขาหนีไม่พ้น ได้แต่ยกปืนในมือขวาขึ้นป้องกัน

ปืนไรเฟิลทำจากเหล็กกล้า แต่มีดสั้นอันเล็กนี้ยังร้ายกาจมากกว่า ลำแสงตัดผ่านแว้บเดียว ตัวปืนขาดเป็นสองท่อนพร้อมกับฝ่ามือข้างซ้ายด้านนอกของหูหงเต๋อถูกตัดขาดด้วย

“ไม่คิดว่าฉันที่เก่งกาจมาทั้งชีวิต จะมาตายอย่างไม่เป็นธรรมที่นี่?”

ตอนนี้หูหงเต๋อไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากฝ่ามือแล้ว เพราะว่าพลังของมีดสั้นที่พุ่งเข้าใส่ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม