ตอนที่ 1349

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“กองทหารปฐพียังไม่ลงมืออีก?” จ้าวขู่เค้นเสียง ทันใดนั้นด้านบนเรือเหาะก็ได้มีเกวียนมากมายลอยลงมาหยุดที่เบื้องหลังเขา

ในเกวียนแต่ละเกวียนมีทหารสวมเกราะเต็มยศอยู่สิบสองคน แต่ละคนปลดปล่อยจิตสังหารอันรุนแรงราวกับกำลังกระหายเลือด

พลังบ่มเพาะของทหารเหล่านั้นไม่ได้สูงมาก พวกเขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น แต่เมื่อจอมยุทธระดับภูผาวารีจำนวนนับร้อยนับพันผสานพลังกัน กลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นเหนือกว่าระดับภูผาวารีเสียอีก

“ใช้รูปแบบอาคมสังหารศัตรู!” จ้าวขู่ชี้นิ้ว

‘ตุบ’ เหล่าทหารกระโดดลงมาจากเกวียน พวกเขาเดินประจำตำแหน่งอย่างรวดเร็ว จอมยุทธนับผสานต่อแถวเรียงรายกันจนดูเหมือนเป็นอสรพิษตัวยาว

เกราะของทหารนับพันส่องประกายร่วมกัน พลังต่อสู้ของพวกเขาสูงทะยานขึ้นนับพันเท่า

นี่คืออำนาจที่ได้รับจากรูปแบบอาคม

หลิงฮันสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีกำลังถูกชี้นำอย่างบ้าคลั่งไปเป็นพลังให้กับทหารเหล่านั้น

หากเป็นคนทั่วไปร่างกายคงจะระเบิดเพราะรับแรงต้านจากการดูดซับพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลไม่ไหว แต่คนเหล่านี้เชื่อมต่อกันด้วยรูปแบบอาคม แรงกดดันที่พวกเขาได้รับนั้นถูกแพร่กระจายเข้าสู่ทุกคน

น่าสนใจ

หลิงฮันยิ้ม รูปแบบอาคมประเภทนี้สามารถช่วยให้ความสามารถในการต่อสู้โดยรวมจักรวรรดิต้าหลิงเพิ่มขึ้น

“อาจารย์ ให้ข้าจัดการเอง!” ติงผิงขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์แล้ว พลังต่อสู้ของเขาไม่ด้อยไปกว่าระดับสุริยันจันทรามากนัก

“อาจารย์ ศิษย์ขอสู้ด้วย!” เฉินหลุยเจียงและศิษย์คนอื่นๆกล่าว พวกเขาไม่อาจยอมให้ศิษย์น้องข้ามหน้าข้ามตาได้

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตามใจ!”

ศิษย์ทั้งห้าลงมือ นิกายโบราณสามนิกายก่อนหน้านี้พอเห็นหลิงฮันพวกเขาก็โบกธงขาวยอมแพ้ทันทีโดยที่พวกเขาไม่มีโอกาศลงมือเลย ดังนั้นเมื่อพบว่านิกายมังกรปฐพีเลือกที่จะโต้ตอบพวกเขาจึงรู้สึกคันไม่คันมือ

“ฮ่าๆๆ น้องสี่ พวกเราก็คันไม้คันมือเหมือนกัน!” เฟิงโปหยุนหัวเราะ

“น้องสี่ ที่นี่ให้เป็นหน้าที่เราเอง!” มู่หลงชิงเองก็อยากลงมือเช่นกัน

พวกเขาเป็นคนของทวีปฮงเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงฮันเปิดสวรรค์เกรงว่าพวกเขาคงจะถูกหลอมเป็นเม็ดยาไปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีความโกรธแค้นกับห้านิกายโบราณ หากไม่ลงมือเสียหน่อยใจพวกเขาคงไม่อาจสงบนิ่ง

Anchor

เฟิงโปหยุนและคนอื่นๆทั้งเจ็ดคนพุ่งออกไปต่อสู้ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พยักหน้าให้กับหลิงฮัน นางกล่าวกับเขาว่าให้เขาจัดการแค่จ้าวขู่คนเดียวก็พอ

หลิงฮันชำเลืองมองก่อนจะปล่อยพวกเขาไป เขาเบี่ยงสายตาไปยังจ้าวขู่ด้วยแววตาคมกริบราวกับดาบ

“ไม่มีอะไรที่ข้า จ้าวขู่ผู้นี้ต้องการแล้วไม่ได้มาก่อน” จ้าวขู่กล่าวอย่างมั่นใจ “สตรีผู้นั้น ต้องกลายเป็นของข้า! แต่เจ้าจะคิดมากอะไร ข้าขอเล่นกับนางสักวันสองวัน หรือไม่กี่ปีก็เบื่อแล้ว ใต้ดวงตะวันนี้ไม่มีสตรีใดสามารถผูกมัดข้าได้!”

จ้าวขู่แสยะยิ้ม เขาจงใจพูดเพื่อยั่วยุหลิงฮัน

หลิงฮันใช้นิ้วแทนดาบและโจมตีใส่จ้าวขู่ “มีตัวร้ายมากมายที่ตกตายเพราะคำพูดของตัวเอง!” ‘พรึบ’ อำนาจแห่งสายฟ้าถูกควบแน่นพุ่งเข้าใส่จ้าวขู่

ใต้ท้องฟ้านี้จะมีใครสามารถหลบหนีทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้?

‘ตูม’ จ้าวขู่ไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย หน้าอกของเขาส่องประกายสว่างสีขาวที่มีประกายสีครามเลือนราง เสื้อคลุมของเขาขาดกระจุย ปราณก่อเกิดที่โอบหุ้มร่างของเขาก็ไม่สามารถยับยั้งอำนาจของสายฟ้าสวรรค์ได้

แต่เมื่อเสื้อคลุมของเขาขาดกระจาย บริเวณหน้าอกของจ้าวขู่กลับสวมใส่เกราะสีเงินเอาไว้ ที่ผิวของเกราะถูกปกคลุมไปด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายระยิบระยับ มันสามารถป้องกันการโจมตีของหลิงฮันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

จ้าวขู่ก้มลงมองและหัวเราะลั่น “นี่คือเกราะเงินที่ท่านพ่อมอบให้ข้า มันถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสาม หากพลังของเจ้าไม่ใช่ระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่สามารถทำลายเกราะนี้ได้”

“ยิ่งกว่านั้นท่านพ่อของข้ายังนำหยดโลหิตของสัตว์อสูรเต่าจันทราผสานลงไปกับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์อีก จึงทำให้พลังป้องกันของเกราะนี้ไร้เทียมทานอย่างมาก”

“หากเจ้าทำลายพลังป้องกันของเกราะนี้ไม่ได้ ก็ไม่มีทางทำร้ายข้าแม้แต่ปลายเส้นผม”

“ข้าอยู่ในสถานภาพไร้พ่ายมาตั้งแต่เกิด เจ้าคิดว่าจะจัดการข้าได้?”

จ้าวขู่ไม่คิดมากที่จะเปิดเผยความลับของเกราะเงินนี้ให้หลิงฮันรู้ เพราะเขาคิดว่าไม่มีใครในระดับพลังที่ต่ำกว่าวารีนิรันดร์สามารถทำร้ายเขาได้

หลิงฮันขมวดคิ้ว เกราะที่สร้างจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามไม่ใช่ปัญหา ต่อให้ทำลายเกราะไม่ได้ก็ยังสามารถโจมตีให้เกิดคลื่นกระแทกเพื่อสร้างความเสียหาย แต่ปัญหาก็คือหยดโลหิตของสัตว์อสูรเต่าจันทราที่ทำให้เกราะนี้เป็นสมบัติล้ำค่า ด้วยอำนาจของโลหิตเต่าจันทราทำให้เกราะนี้สามารถสร้างโล่คุ้มกันขึ้นมาได้

มีอยู่สองวิธีที่จะทำลายพลังป้องกันของจ้าวขู่คือ ทำลายโล่ที่ถูกสร้างขึ้นจากอำนาจของโลหิตเต่าจันทรา หรือบดขยี้เกราะที่เป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามให้พังทลาย

แต่ที่ยากลำบากคือทั้งสองวิธีจำเป็นต้องใช้พลังโจมตีระดับวารีนิรันดร์ ซึ่งหลิงฮันในตอนนี้เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นต่ำเท่านั้น

ให้ตายเถอะ เหตุใดการจะสังหารตัวบัดซบถึงได้ยุ่งยากเช่นนี้?

“ฮ่าๆๆ คอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไร หมดหนทาง? สิ้นหวัง?” จ้าวขู่หัวเราะ เขาชอบที่จะทำลายความมุ่งมั่นของคนอื่นเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่มองไปยังสีหน้าสิ้นหวังของอีกฝ่ายจะทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “บางทีคนที่จะรู้สึกสิ้นหวังอาจเป็นเจ้า!”

“นายน้อยผู้นี้?” จ้าวขู่ชะงักในตอนแรกก่อนจะหัวเราะ “เจ้าบ้ารึเปล่า เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้น!”

“ทำไมจะไม่มีทางล่ะ?” หลิงฮันลงมือโจมตี เพียงแต่ว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่จ้าวขู่แต่เป็นนิกายมังกรปฐพี ‘ตูม ตูม ตูม’หมัดของเขาก่อให้เกิดคลื่นพลังทำลายอันน่าสะพรึงกลัว ผู้คนมากมายของนิกายมังกรปฐพีถูกบดขยี้จนแม้แต่ดวงวิญญาณก็ไม่เหลือ

“เจ้า…” จ้าวขู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกรี้ยวกราด

แน่นอนว่าเขาไม่ได้แยแสชีวิตของคนเหล่านี้ นิกายมังกรปฐพีจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ประเด็นก็คือหลิงฮันเมินเฉยเขา!

กล้าเพิกเฉยนายน้อยผู้นี้?

จ้าวขู่คำรามอย่างเกรี้ยวกราดและนำดาบสั้นออกมา แต่เมื่อดาบถูกสะบัดขนาดของมันได้ขยายจนกลายเป็นดาบยาวสามฟุต เขากำดาบไว้ในมือและสะบั้นไปทางหลิงฮัน คลื่นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากดาบแปรสภาพเป็นอสรพิษสีดำ มันอ้าปากและพุ่งกัดใส่หลิงฮัน