ตอนที่ 708 สิ่งที่ได้รับ (1)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 708 สิ่งที่ได้รับ (1)
เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนอากาศในฤดูใบไม้ผลิของเยี่ยเทียนแล้ว เก๋อข่ายเบาใจลง ถึงเขาจะบาดเจ็บหนัก แต่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร แค่ให้พอมีเวลาได้พักหายใจ การจะแย่งชิงกายเนื้อของเยี่ยเทียนมานั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูง

ตอนนี้เองที่เยี่ยเทียนกลับคำทันใด มือขวาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ความเย็นเฉียบตัดผ่าน ศีรษะของเก๋อข่ายลอยกระเด็นหลุดออก

“ไม่นะ!”

ตอนที่ศีรษะลอยกระเด็นขึ้น ในดวงตาของเก๋อข่ายยังตกตะลึงไม่หาย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยการฝึกวิชาถึงขั้นนี้จะทำให้เขาต้องมาจบชีวิตลงในมือของผู้ที่เขามองว่าเป็นเพียงมดเล็กๆตัวหนึ่ง

ฝ่ายตรงข้ามลงมืออย่างเฉียบขาด ยังไม่ทันได้ถามถึงที่มาที่ไปของเขาเลยก็ลงมือฆ่าทันควัน จิตดั้งเดิมที่บาดเจ็บของเก๋อข่ายยังไม่ได้หลุดออกจากห้วงแห่งความรู้สึกตัว ความคิดความรู้สึกดับวูบลงสู่ความมืดมิด

ในเมื่อเยี่ยเทียนยื่นมือเข้ามาแล้วจะต้องจัดการให้สิ้นซาก หลังจากใช้ดาบตัดศีรษะของนักพรตออกแล้ว มือซ้ายสะบัดเล็กน้อย กระดิ่งสั่นไหวตาม ส่งเอาคลื่นพลังที่ไร้รูปไร้สีออกมาแผ่ปกคลุม

เยี่ยเทียนกลัวว่าจิตดั้งเดิมของนักพรตจะหลบหนีไป ถ้าเขามีศิษย์ร่วมสำนักจริงจะต้องนำความเดือดร้อนมาสู่เยี่ยเทียน ตอนฟันดาบนั้น จิตดั้งเดิมของนักพรตถูกดูดลงไปในกระดิ่งเรียบร้อยแล้ว

แต่เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเก๋อข่ายหนักหนาเกินเยียวยา และจิตดั้งเดิมของเขาถูกมังกรดำโจมตี ไม่เช่นนั้นจากการทักทายกันเมื่อครู่นักพรตคงละทิ้งร่างกายอันผุพังไม่เหลือชิ้นดีมาแย่งร่างเยี่ยเทียนไปแล้ว

“นี่….นี่ฆ่ากันอย่างนี้เลยเหรอ?”

ไม่เพียงแต่เก๋อข่ายคนเดียวที่คิดไม่ถึง แม้แต่หูหงเต๋อที่ยืนอยู่ข้างๆยังไม่อยากเชื่อสายตา เยี่ยเทียนไม่ทันได้คุยอะไรกับฝ่ายตรงข้ามมาก ในความคิดของหูหงเต๋อ เขาควรจะถามถึงที่มาของนักพรตก่อน?

“เหล่าหู คนฝึกวิชาเต๋านั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายเกินกว่าที่คุณกับผมจะรับมือไหว!”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า “เมื่อครู่คุณก็เห็นแล้ว มังกรดำยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ผมกลัวว่าเหตุการณ์จะบานปลายถึงได้รีบลงมือให้จบสิ้น!”

“จะว่าอย่างนั้นก็จริง เจ้านี่ไม่ใช่คนจริงๆ!”

หูหงเต๋อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย นึกถึงมีดสั้นที่เกือบเอาชีวิตเขาแล้วยังเสียวสันหลังวาบอยู่เลย ถ้าตอนนั้นนักพรตไม่ได้ต่อสู้กับมังกรดำอยู่ เกรงว่าตนคงไปเฝ้ายมบาลแล้ว

หูหงเต๋อไม่รู้เลยว่า การที่นักพรตพ่ายแพ้นั้นเป็นฝีมือของเยี่ยเทียน อย่าว่าแต่เจ้ามังกรดำเลย เขาทั้งสองคนอาจจะถูกนักพรตฆ่าตาย

“เหล่าหู ไม่ไหวแล้ว ผมต้องพักสักหน่อย!”

การต่อสู้เมื่อครู่เยี่ยเทียนใช้กระดิ่งในการโจมตีเก๋อข่าย แต่ก็สูญเสียพลังไปมากทั้งยังเจอความกดดันจากการต่อสู้ทำให้เยี่ยเทียนเข่าอ่อน ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น

“เยี่ยเทียน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หูหงเต๋อวิ่งเข้ามาหา เขามีพลังชีวิตปกป้องคุ้มครอง บาดแผลที่มือเลือดหยุดไหลนานแล้ว นอกจากความปวดแผล ก็ไม่มีอันตรายอย่างอื่น

“ไม่เป็นไร เหล่าหู ทำให้คุณต้องลำบากไปด้วย!”

เยี่ยเทียนมองหูหงเต๋ออย่างรู้สึกผิด เขาไม่คิดว่าการขึ้นเขาครั้งนี้จะเกิดเรื่องอันตราย ถ้าหากเป็นเพราะเขา ทำให้หูหงเต๋อเป็นอะไรไป เยี่ยเทียนคงเสียใจไปตลอดชีวิต

“ฝ่ามือที่ขาดไปหากลับคืนมาได้ไหม? อากาศแบบนี้เนื้อยังไม่เน่าตาย เรารีบไปโรงพยายาลกันเผื่อจะยังต่อได้?” เยี่ยเทียนคิดอย่างรวดเร็ว ด้วยความดีใจ

“ช่างมันเถอะ นิ้วขาดไปแค่สองนิ้วเอง”

หูหงเต๋อส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันคงถึงคราวเคราะห์น่ะ ขาดแล้วก็ขาดไป ถ้าต่อติดแล้วใช้ไม่ดียิ่งไม่สบายเข้าไปอีก เยี่ยเทียน อย่าคิดมากเลย!”

หูหงเต๋อเดิมทีเป็นคนจิตใจกว้างขวาง เหตุการณ์เสี่ยงตายเมื่อครู่ไม่ถึงแก่ชีวิตเขาก็ดีใจมากแล้ว บาดเจ็บแค่เล็กน้อยเขาไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

“คุณนี่นะ เสร็จธุระนี่แล้ว คุณไปฮ่องกงหาพวกศิษย์พี่เถอะ…”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า ครั้งนี้เขาติดหนี้หูหงเต๋อ แต่ชีวิตเหล่าหูมีพร้อมทุกอย่างแล้ว มีเพียงให้เขาไปอยู่ฝึกวิชาที่ฮ่องกงจนบรรลุขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิตถึงจะทดแทนบุญคุณของเขาในครั้งนี้ได้

“ใช่แล้ว เยี่ยเทียน เมื่อครู่เธอบอกว่าคนฝึกวิชาพวกนั้นมาทำอะไรกันแน่?”

หูหงเต๋อนึกถึงคำพูดของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ ตีหน้าสงสัยตั้งคำถาม “หรือว่าในโลกนี้มีคนที่ฝึกวิชาจนบรรลุเป็นเซียนจะมีอยู่จริง?”

“ใช่แล้ว ก็คนๆนี้อย่างไรเล่า?”

เยี่ยเทียนพยักหน้า เงียบไปพักหนึ่งเอ่ยต่อว่า “คุณก็รู้ การฝึกวิชาเหนือขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิตนั่นก็คือขั้นเปลี่ยนจิตเป็นความว่าง ในสายตาของคนทั่วไปนี่เป็นจุดสูงสุดแล้ว แต่สำหรับพวกนักพรตนั้นเป็นแค่การเริ่มต้น….”

การฝึกฝนของหูหงเต๋อขาดอีกก้าวเดียวก็จะขึ้นสู่ขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิตจึงมีสิทธิ์จะรับรู้เรื่องพวกนี้ เยี่ยเทียนได้ถ่ายทอดสิ่งที่เจ้าวานรขาวบอกให้หูหงเต๋อฟัง

“เห้ย ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ที่พวกเราฆ่าไปเป็นเซียนเลยหรือ?”

ฟังเยี่ยเทียนอธิบายจบแล้ว ต่อให้หูหงเต๋อใจกล้าท้าทายขนาดไหน ก็ยังตกใจกลัวจนพูดไม่ออก มองดูร่างไร้หัวนั้นด้วยความหวั่นเกรง

“เซียนก็สร้างจากคนธรรมดานี่แหละ มีอะไรน่ากลัว?”

ร่างกายของเยี่ยเทียนฟื้นฟูได้ระดับหนึ่งแล้ว จึงยืนขึ้นเดินไปที่ร่างไร้วิญญาณนั้น “นักพรตบอกว่าเขามีศิษย์ร่วมสำนัก ไม่รู้ว่ามีของวิเศษอะไรบ้าง?”

เยี่ยเทียนฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคนเพื่อหวังชิงของมีค่า

“เอ๋ ชุดนักพรตนี่ไม่เลวเลย เสียดายขาดวิ่นหมดแล้ว”

มือของเยี่ยเทียนไปสัมผัสชุดคลุมสีกากีของนักพรตแล้วรู้สึกแปลกประหลาด ชุดคลุมนี้ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร เนื้อสัมผัสนุ่มลื่น แต่ลองใช้สองมือฉีกออกกลับฉีกไม่ขาด

“เม็ดพลังของมังกรดำนั้นร้ายกาจ”

แม้เยี่ยเทียนจะกำลังอ่อนแออยู่ แต่สองมือของเขายังสามารถรับน้ำหนักได้ถึงหลายร้อยกิโลกรัม ชุดคลุมนี้เขาฉีกมันไม่ขาด แต่เม็ดพลังของเจ้ามังกรดำกลับทำให้ชุดเสียหายเป็นรูได้ แสดวงว่าฤทธิ์เดชต้องไม่ธรรมดา

เยี่ยเทียนรู้สึกมีความหวังขึ้นมา เสื้อผ้าของนักพรตยังมีค่ามากขนาดนี้ แสดงว่าในตัวเขายังต้องมีของวิเศษซ่อนอยู่อีก?

“ดีที่เม็ดพลังไม่ได้โดนเข้าที่หน้าอกตรงๆ ไม่อย่างนั้นของในกระเป๋าจะเสียหายหมด”

คราบเลือดที่เปรอะบนชุดนักพรตแห้งแข็งตามอากาศ เยี่ยเทียนไม่ได้รังเกียจใช้มือล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบของบางสิ่งออกมา เป็นห่อผ้าแบนเล็กห่อหนึ่ง

“เยี่ยเทียน ข้างในมันมีอะไรหรือ?” หูหงเต๋อเข้ามามุงดู สิ่งของของเซียนใครๆต่างอยากรู้อยากเห็น

“เปิดออกดูก็รู้แล้ว?”

เยี่ยเทียนไม่ลังเล เปิดห่อผ้าที่พับเป็นสี่เหลี่ยมออกดู ด้านในมีกล่องสีเหลี่ยมทำจากหยกขาวแบนๆอันหนึ่ง

“นี่มันของอะไร? แค่หยกแค่นี้เหรอ?”

ไม่ต้องรอเยี่ยเทียน หูหงเต๋อเอื้อมมือไปหยิบกล่องหยกขาวมาเปิดออก เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในรู้สึกผิดหวัง เขาคิดว่าจะมีเม็ดยาอายุวัฒนะบรรจุอยู่เสียอีก

ในกล่องบรรจุหยกสามชิ้น สองชิ้นทางขวาเป็นแผ่นหยกแขวนเอวที่ไม่ได้ผ่านการแกะสลักใดๆ ส่วนหยกด้านซ้ายมีขนาดแค่หัวนิ้วก้อย สีหมองคล้ำไม่สดใสดูไม่เข้าตา หูหงเต๋อดูแล้วถึงไม่ชอบ

“หยก…? เหล่าหู ของสิ่งนี้ใช้เงินเท่าไหร่ก็แลกมาไม่ได้!”

เยี่ยเทียนถึงจะไม่ได้สัมผัสมันกับมือ แค่ดูด้วยตาเปล่า จิตดั้งเดิมของเขาก็สั่นไหวขึ้น ราวกับว่าหยกนี่ดึงดูดจิตดั้งเดิมของเขา

เยี่ยเทียนไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบหยกชิ้นที่ไม่สวยที่สุดชิ้นนั้นขึ้นมาวางบนมือ ใช้พลังตรวจสอบดู แล้วนำหยกห่อเก็บไว้เหมือนเดิม

“นี่..นี่มันพลังวิเศษอะไรกัน? หรือว่า…หรือว่าจะเป็นพลังชีวิต?” ตอนที่หยกถูกวางลงบนฝ่ามือ ใบหน้าของเยี่ยเทียนแสดงความประหลาดใจ แล้วตามมาด้วยความปีติยินดี

เยี่ยเทียนรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ในหยกชิ้นนี้มีพลังวิเศษแผ่ออกมา ด้วยการชักนำของจิตดั้งเดิมนำเอาพลังวิเศษนั้นเข้าสู่ร่างกาย

ตั้งแต่ตันเถียนถูกทำลาย เส้นลมปราณขาดเสียหาย ด้วยการหล่อเลี้ยงของพลังวิเศษนี้ทำให้เส้นลมปราณที่ขาดแหว่งเชื่อมต่อกันใหม่ กระดูกสันหลังที่เสียหายก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว

“วานรขาวนั่นไม่ได้บอก ขอแค่จิตดั้งเดิมเป็นรูปร่างถึงจะซ่อมแซมเส้นลมปราณในร่างกายได้?”

เยี่ยเทียนมองดูหยกในมืออย่างตกตะลึง สมองของเยี่ยเทียนว่างเปล่า เมื่อมีของสิ่งนี้อาจจจะไม่ต้องรอนานขนาดนั้น

“เยี่ยเทียน เป็นอะไรไป?” หูหงเต๋อดูท่าทางของเยี่ยเทียนแล้วใช้แขนดันสะกิดเยี่ยเทียนเข้าทีหนึ่ง

“ไม่ใช่แค่มีประโยชน์นะ? ถ้าให้ผมเอาสมบัติทั้งหมดมาแลก ผมก็ยอม!”

เยี่ยเทียนถูกหูหงเต๋อเรียกสติกลับคืนมา ก้มลงมองบาดแผลของหูหงเต๋อแล้วเอ่ยว่า “เหล่าหู คุณลองเอาหยกนี่วางไว้ในมือแล้วกระตุ้นพลังเดิมแท้ ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้นไหม!”

เยี่ยเทียนแน่ใจว่าหยกชิ้นนี้มีพลังวิเศษ จะต้องรักษาอาการบาดเจ็บของหูหงเต๋อได้แน่ แต่จิตดั้งเดิมของเขายังไม่บังเกิด ไม่รู้ว่าจะดูดซับพลังวิเศษเข้าไปได้หรือไม่

แม้จะรู้ว่าหยกชิ้นนี้สำคัญกับตัวเองมาก แต่หูหงเต๋อบาดเจ็บก็เพราะตัวเอง ต่อให้เขาดูดกลืนพลังวิเศษจากหยกเข้าไปหมด เยี่ยเทียนก็ไม่เสียดาย

“ระวังหน่อย อย่าให้หยกนั่นเสียหาย!”

เยี่ยเทียนยัดหยกใส่มือของหูหงเต๋อแล้วอดสั่งเสียไม่ได้ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน หากไม่ระวังทำหยกเสียหาย เยี่ยเทียนคงจะร้องไห้ไม่ออก

“กระตุ้นพลังเดิมแท้? ทำยังไงหรือ?” หูหงเต๋อถือหยกไว้ในมือแล้วไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ

เยี่ยเทียนเตือน “ด้วยการฝึกวิชาของคุณปล่อยพลังออกมาได้แล้ว คุณปล่อยพลังออกมานิดหน่อยใส่หยกก็พอ?”

“เอ๋? รู้สึกสบายมากเลย!”

หูหงเต๋อทำตามที่เยี่ยเทียนบอก ค่อยๆปล่อยพลังออกมาทีละนิดอย่างระมัดระวัง เมื่อพลังสัมผัสถูกชิ้นหยก พลังความร้อนแผ่ออกมาสู่ฝ่ามือของเขาไหลซึมเข้าไปตามผิวหนัง

ความร้อนไหลแทรกซึมไปทั้งร่าง หูหงเต๋อรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด รู้สึกเหมือนนอนแช่อยู่ในน้ำพุร้อนห้าสิบองศาสุขสบายจนเขาครางออกมา

ขณะเดียวกันหูหงเต๋อรู้สึกว่าบริเวณบาดแผลแสบๆคันๆ อดไม่ได้ปลดผ้าพันแผลออกมา

“สร้างเลือดเนื้อขึ้นใหม่เหมือนตายแล้วฟื้น?” พอปลดผ้าพันแผลออก เยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อถึงกับตะลึงตาค้าง!