ตอนที่ 1077 หาเรื่องใส่ตัว

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1077 หาเรื่องใส่ตัว

“ก๊อง ๆ ๆ ” เสียงฆ้องดังออกมา ตามมาด้วยเสียงตะโกนว่า “ทุกคนจงฟังข้า ปีนี้จะเก็บภาษีเร็วกว่ากำหนด และแต่ละครัวเรือนจงเตรียมเงินเอาไว้…”

เมื่อหลี่ซิ่วไฉได้ยินดังนั้นก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันใด จากนั้นก็จ้องมองไปยังแผ่นหลังของฟู่เสี่ยวกวนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาสงสัย คนสำคัญผู้นี้เอ่ยว่าท่านจ่งตูคนใหม่ได้ยกเลิกการเก็บภาษีเกษตรแล้วมิใช่หรือ ? เหตุใดถึงมาเก็บเร็วกว่ากำหนดได้เล่า ?

ที่บ้านมิมีเงินแม้แต่อีแปะเดียว แล้วเขาจะเอาอันใดไปจ่ายภาษีเล่า ?

ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นเยี่ยนเป่ยซี ฉินปิ่งจง เจี่ยหนานซิงก็ได้เดินตามออกมา ซูซูเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ฟู่เสี่ยวกวน พวกเขากำลังยืนดูเจ้าหน้าที่ 6 คนตะโกนเสียงดัง

ผู้ที่สวมเครื่องแบบนายอำเภอกำลังนั่งสะบัดพัดในมือแล้วดื่มน้ำไปด้วยอยู่ใต้ต้นไหวเก่าแก่ในหมู่บ้าน

ข้าง ๆ เขาเหมือนจะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว มีพู่กันและแท่นหมึกวางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ เบื้องหน้า และมีตะกร้าวางอยู่ข้าง ๆ โต๊ะ

“ฝ่า…คุณชาย ดูเหมือนว่านโยบายของหนิงหยู่ชุนเขามิได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด” เยี่ยนเป่ยซีเอ่ยออกมาเบา ๆ

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าเล็กน้อย “เขาพึ่งเคยมาราชวงศ์เหลี่ยวเป็นคราแรก ขุนนางระดับล่างเขาก็ยังรู้จักมิทั่วถึง และขุนนางที่ภายนอกยอมปฏิบัติตาม ทว่าลับหลังกลับฝ่าฝืนมิยอมปฏิบัติตามก็มีเยอะมากยิ่งนัก”

“ให้ข้าลองไปสอบถามดูดีหรือไม่ ? ”

“มิต้อง ! รอดูสถานการณ์พลาง ๆ ไปก่อน”

……

หลิวอีเกินคาบม้วนยาสูบไว้ในปากพลางขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าสุนัขพวกนี้ เหลือเวลาอีกตั้งสองเดือนก่อนจะถึงเวลาเก็บภาษีประจำฤดูใบไม้ร่วง นี่จะรอให้ถึงตอนนั้นมิไหวเลยหรือ ? ”

หลิวต้าเถียนวางตะกร้าที่เขากำลังสานในมือลง จากนั้นก็เดินไปหยิบดาบของเขาที่แขวนเอาไว้บนกำแพงพลางเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านพ่อ…ข้าจะไปดูเอง”

“จะไปดูอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? แล้วจะถือดาบเนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ? กลับเข้าไปประเดี๋ยวนี้ ! ”

หลิวต้าเถียนเดินกลับไปเก็บดาบไว้ในฝักด้วยความโกรธแค้น “พวกเรามิมีเงินจ่ายภาษี ดังนั้นจะทำเยี่ยงไรต่อไป ? ”

หลิวอีเกินพ่นควันออกมาหนึ่งครา เขาเองก็มิรู้เช่นกันว่าต้องทำเยี่ยงไรต่อไป

ในขณะเดียวกัน ก็มีสตรีนางหนึ่งในหมู่บ้านเอ่ยออกมาว่า “พวกเจ้าทำอันใดกัน ? พวกเจ้ายังมีศีลธรรมอยู่หรือไม่ ? กลางวันแสก ๆ เยี่ยงนี้ยังจะกล้ามาปล้นแกะของบ้านข้าอยู่อีกหรือ ? ”

เจ้าหน้าที่รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ตอบกลับมาว่า “แม่นาง…นี่มิใช่การปล้นบ้านของเจ้าสักหน่อย ในเมื่อบ้านเจ้ามิมีเงินจ่ายค่าภาษี ก็จำต้องนำแกะ 2 ตัวนี้มาจ่ายค่าภาษีแทน และหากเจ้ายังมาก้าวก่ายพวกข้าอีกล่ะก็จะปล้นพร้อมคนไปด้วย ! ”

“หยูเหลียน หยูเหลียน กลับมา ! ”

“ท่านพ่อ…บ้านของเรามีแกะเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น หลังจากนี้พวกเราจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปได้เยี่ยงไร ! ”

หยูซู่เหริน จากตระกูลหยูถอนหายใจยาว “หากอยู่มิได้พวกเราก็จะหนีภัยแล้ง หนีออกไปจากสถานที่บ้า ๆ นี่ ! ”

“ผู้เฒ่าหยู บุตรีของเจ้าช่างงดงามมากยิ่งนัก ยกให้เป็นอนุของนายท่านเพื่อยกเว้นภาษีของบ้านเจ้าเสียสิ เจ้าเห็นว่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

“ไม่ ! สัตว์เดรัจฉานที่สังหารผู้อื่นอย่างเหี้ยมโหดเยี่ยงพวกเจ้ามิได้ตายดีเป็นแน่ ! ”

“ไอหยา ! ตาเฒ่าหยู ข้าไว้หน้าเจ้าแล้วนะ ทว่าเจ้ายังจะทำหน้าหนาอยู่อีก…”

“อย่าทุบตีท่านพ่อของข้า หยุดประเดี๋ยวนี้ อย่าตีท่านพ่อข้าเลย ! เจ้าหมาบ้าข้าจะฆ่าพวกเจ้า ! ”

เมื่อหลิวต้าเถียนได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนอีกครา เขาดึงมีดออกจากมือแล้วโยนมันออกไปราวกับมีดบิน

“หยูเหลียน ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว ข้าจะฆ่าพวกมันทิ้งเสีย ! ”

“พี่ต้าเถียน ช่วยท่านพ่อของข้าด้วย ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนแหงนหน้าขึ้นมองท้องนภาแล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เอ่ยกับหลิวจิ่นว่า “บอกหนิงซือเหยียนพาคนเข้ามาที่นี่ แล้วสังหารเจ้าหน้าที่ทั้งหมดนี้ทิ้งเสีย ! ”

“รับคำสั่งขอรับ ! ”

หลิวจิ่นรีบวิ่งออกไปทันที ฟู่เสี่ยวกวนก้าวเท้าเข้าไปที่ใจกลางหมู่บ้านแล้วตะโกนออกมาเสียงดังว่า “หยุดประเดี๋ยวนี้ ! ”

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด เมื่อหลิวต้าเถียนฟันไปที่แขนของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เขาจึงร้อง “โอ๊ย ! ” ออกมาด้วยความเจ็บปวด “เจ้าหมาบ้า พวกเราฆ่ามันเสีย ! ”

ซูซูเริ่มเดือดพล่าน ทำให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังต่อสู้อยู่ในสังเวียนรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา เจ้าหน้าที่เหล่าหันมาสนใจ พลางจ้องมองไปยังบุคคลแปลกหน้าที่สวมใส่เสื้อผ้าโอ่อ่าราคาแพง

“พวกเจ้าเป็นผู้ใด ? พวกข้ามาเรียกเก็บภาษีตามกฎ นี่มิใช่เรื่องของพวกเจ้ามีอันใดทำก็จงไปทำเสีย อย่านำความเดือดร้อนมาใส่ตัวเลย ! ”

หลิวต้าเถียนถือดาบปกป้องหยูเหลียนอยู่ ทว่าพ่อของนางถูกเหยียบเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกำลังยกมือขึ้นบังศีรษะและร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดจากการทุบตี

ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองกลุ่มเจ้าหน้าที่เหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเขาก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาแล้วเล็งเป้าไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็เกิดเสียงดัง “ปัง ! ” ขึ้นมาหนึ่งครา

“อ๊าก… ! ”

เจ้าหน้าที่ผู้โชคร้ายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็เกิดเสียง “แกร๊ง ! ” ดาบที่อยู่ในมือและร่างของเขาล้มพับลงทันใด

เจ้าหน้าที่อีก 5 คนที่เหลือ เมื่อเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงขึ้นมาทันใด !

พวกเขารีบถอยหลังไปห้าก้าวพร้อม ๆ กัน และหนึ่งในนั้นเอ่ยถามด้วยร่างที่สั่นเทา “เจ้า…เจ้าเป็นผู้ใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

นายอำเภอซุนและหวางซู่ที่นั่งอยู่ในระยะไกลใต้ต้นไหวก็ได้ยินเสียงปืนเช่นกัน ทว่าพวกเขากลับมิรู้ว่านี่เป็นเสียงที่ดังมาจากปืน “ทำเรื่องเล็ก ๆ เหตุใดถึงได้เสียงดังเยี่ยงนี้กัน เจ้าไปดูสักหน่อยสิ ! ข้ายังต้องมาเจอสภาพอากาศบ้านี่อีก รีบจัดการเถิด จะได้นำเงินหลบหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็ว”

หวางซู่รีบวิ่งเข้าไปดู จากนั้นสิ่งแรกที่เขาเห็นคือกลุ่มของฟู่เสี่ยวกวน หวางซู่ตื่นตกใจขึ้นมาทันใด พลางครุ่นคิดในใจว่าคนกลุ่มนี้สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์มิธรรมดาและลักษณะท่าทางก็ดูมิเหมือนปถุชนคนธรรมดาเลยสักนิด

ดูเหมือนว่าคุณชายท่านนี้จะมิใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป อาจจะมาจากตระกูลผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่หรือตระกูลพ่อค้ารายใหญ่ และเกรงว่านายอำเภอตำแหน่งเล็ก ๆ คงมิอาจเข้าไปยั่วยุได้

หวางซู่รีบร้อนเดินเข้าไปเบื้องหน้า เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งนอนตายอยู่ที่พื้น

หัวใจของเขาสั่นเทาขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ทำความเคารพแล้วรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้เก็บภาษีปีนี้ในหมู่บ้านฮวงหลิน และนี่คือกฎของราชวงศ์เหลียวตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว คุณชายท่านนี้…จะสะดวกหรือไม่ ? ”

“เจ้าเรียกเก็บภาษีจากสำนักใดเยี่ยงนั้นหรือ ? จ่งตูคนใหม่แห่งหยวนเป่ยเต้าออกนโยบายยกเว้นภาษีแล้วมิใช่หรือ นี่ก็ผ่านไปแล้วสองเดือนหรือเขตเหอเย่ของพวกเจ้ายังมิได้รับข่าวนี้อีกกัน ? ”

หวางซู่อ้าปากหวอด้วยความตกตะลึงสุดขีด คุณชายท่านนี้รู้เรื่องนี้…เยี่ยงนั้นก็คงมิใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือแล้ว

“คือ…ข้าน้อยมิรู้ว่ามีนโยบายนี้ นอกเหนือจากนี้เขตเหอเย่ของพวกเราก็ได้รับคำสั่งมาจากนายอำเภอ เช่นนั้นเอาเยี่ยงนี้ดีหรือไม่ ? ข้าน้อยขอปฏิบัติภารหน้าที่ในการเก็บภาษีตามคำสั่งของท่านนายอำเภอให้สำเร็จลุล่วงเสียก่อน แล้วถ้ามีนโยบายใหม่มาจากเบื้องบนจริง ๆ ข้าน้อยจะคืนเงินให้กับคนในหมู่บ้านในภายหลังดีหรือไม่ ? ”

“ไม่ ! ”

“เช่นนั้นคุณชายตัดสินใจเด็ดขาดที่จะจัดการเรื่องนี้เยี่ยงนั้นหรือ ? มิทราบว่าคุณชายมีฐานะอันใด ทว่าท่านจงตริตรองให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจมีเรื่องกับนายอำเภอซุน!”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ตอบคำถามของหวางซู่ เขาเพียงหัวเราะออกมาเบา ๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปนั่งลงเบื้องหน้าหยูซู่เหรินบุรุษวัยกลางคนที่ร่ำไห้ด้วยใบหน้าที่ฟกช้ำดำเขียวอยู่บนพื้น จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนโบกมือเรียกหยูเหลียนและหลิวต้าเถียน “พยุงเขากลับไป”

หวางซู่จ้องมองบุรุษผู้นี้ที่ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเขา ทันใดนั้นความคิดก็เปลี่ยนไปในทันที เขาครุ่นคิดว่าคุณชายผู้นี้มิรู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง เยี่ยงไรข้าก็จะไปจากที่นี่อยู่แล้ว สังหารเขาเสีย ! อย่าให้เขามาถ่วงเวลาในการเก็บภาษีของข้าอีก !

หวางซู่เหลือบมองไปยังเจ้าหน้าที่ที่เหลือ จากนั้นพวกเขาก็ถือดาบพุ่งเข้าไปหาฟู่เสี่ยวกวนด้วยความมาดร้าย

ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาจากระยะไกล จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งลอยตัวลงมาจากท้องนภา

จากนั้นก็มีเสียงดาบฟันและแทงเจ้าหน้าที่ทั้งห้าคนภายในชั่วพริบตาเดียว จากนั้นร่างของพวกเขาก็ล้มพับลงไปกับพื้นทันที

หลี่ซิ่วไฉที่ยืนดูอยู่ด้านหลังตื่นกระหนกตกใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก ส่วนหวางซู่ที่ยืนอยู่กลางหมู่บ้านตกตะลึงเสียจนตาค้าง

หนิงซือเหยียนคุกเข่าลงกับพื้น “ฝ่า…คุณชาย ข้าผู้คุ้มกันมาช้า คุณชายโปรดลงโทษด้วยขอรับ ! ”

“ลุกขึ้นเถิด นำตัวคนผู้นี้และนายอำเภอผู้นั้นไปมัดไว้”

“นำศพของคนกลุ่มนี้ไปโยนให้สุกรกินเสีย แล้วก็…วันนี้พวกเราจะพักกันที่นี่”