อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2115 ความแตกต่างของกระแสกาลเวลา
ผู้ที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าก็ไม่มีทางรับมือกับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 10 คนได้อยู่ดี!
แถมหอเทพเจ้าก็น่าจะมีรังสีพิเศษสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่มากมาย ต่อให้เขาพยายามฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ พวกนั้นก็คงไม่คิดจะทำอะไร
แต่ทุกอย่างดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันทีหากเป้าหมายของพวกนั้นคือหอสมุดเทียบฟ้า!
นั่นอธิบายได้ว่าทำไมบรรดานักรบที่ถูกส่งไปเล่นงานเขาถึงได้รับคำสั่งอย่างเคร่งครัดให้จับตัวเขา เป็นๆ
จางเซวียนพยายามปกปิดความรู้สึก แต่ร่างนั้นก็ยังมองเห็นความอัศจรรย์ใจในแววตาส่วนลึกของเขา อีกฝ่ายหัวเราะหึๆขณะพูดต่อ
“ดูเหมือนคุณจะงงหน่อยๆนะ กำลังสงสัยหรือว่าผมรู้ได้อย่างไรว่าคุณมีสรวงสวรรค์อยู่ในตัว?”
แทนที่จะตอบโต้ จางเซวียนจับจ้องร่างนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ
อีกฝ่ายไม่แยแสความเงียบงันของจางเซวียน เขาพูดต่อ “มีแต่ผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์เท่านั้นที่จะสามารถเข้ามายังทวีปที่ถูกลืมและยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์โบราณมาเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน แถมยังมีพละกำลังเทียบเท่ากับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์โดยทั่วไปอีกต่างหาก”
“ก็เพราะความเก่งกาจเหนือชั้นของคุณที่ทำให้คุณหว่านล้อม 4 สำนักใหญ่ให้โยนความหยิ่งผยองของพวกเขาทิ้งไปและรวมตัวกันเป็นหนึ่งภายใต้การนำของคุณได้ ไม่ใช่หรือ?”
จางเซวียนตั้งคำถามพร้อมกับหรี่ตา “คุณคิดอะไรอยู่?”
“คุณกำลังครอบครองในสิ่งที่ตัวคุณไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้รับ ถ้ายังเก็บมันไว้ ลงท้ายก็จะนำไปสู่หายนะ คงจะดีกว่าถ้าคุณมอบมันให้คนอื่นเสียก่อนที่จะเกิดเรื่องเลวร้าย!” ร่างนั้นตอบพร้อมกับโบกมือ
ฟึ่บ!
เหล่านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่อยู่โดยรอบยกมือขึ้นพร้อมกัน ปล่อยพลังงานเข้าใส่จางเซวียนและห่อหุ้มเขาไว้ ร่างของจางเซวียนลอยขึ้นสู่กลางอากาศและเคลื่อนไปด้านข้างโดยที่เขาควบคุมมันไม่ได้
สุดท้ายร่างของเขาก็ถูกหย่อนลงไม่ไกลจากหินก้อนหนึ่ง เมื่อเงยหน้ามอง ก็เห็นแท่นรูปวงกลมที่ดูคุ้นตา
เมื่อเห็นแท่นนั้น จางเซวียนหน้าตึง “แท่นบูชาของตำหนักคว้าดาว…คุณคือผู้ที่จับตัวหัวหน้าตู้ไป?”
เขาเคยเห็นแท่นบูชาที่ทำเลียนแบบในมือของเจียงเหยามาก่อน จึงจดจำแท่นบูชาของจริงได้ทันที
“เริ่มพิธีกรรมได้!”
ร่างนั้นไม่แยแสคำถามของจางเซวียน เขายกมือขึ้นและตะโกนก้อง ทรัพย์สมบัติล้ำค่านับชิ้นไม่ถ้วนร่อนลงมาอยู่เหนือแท่นบูชา จากนั้น สุภาพสตรีคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องและเริ่มร่ายมนต์ด้วยภาษาลึกลับ
จางเซวียนหันขวับไปมอง และเห็นว่าสุภาพสตรีคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘เทพเจ้า’ ที่อำมาตย์เฉินหย่งเคยเรียกมาในครั้งนั้น อดีตหัวหน้าตำหนักคว้าดาว, ตู้ชิงหย่วน!
ดูเหมือนตู้ชิงหย่วนจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว แม้เธอจะกำลังเคลื่อนไหวและร่ายมนต์ แต่นัยน์ตาของเธอปิดสนิท น้ำเสียงก็ราบเรียบไร้ความรู้สึก ดูเหมือนมีบางอย่างควบคุมร่างกายของเธออยู่
ฟึ่บ!
เปลวเพลิงสีน้ำเงินบนแท่นบูชาลุกโชนอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่ตู้ชิงหย่วนร่ายมนต์ หลุมดำขนาดมหึมาเริ่มก่อตัวเหนือหอเทพเจ้า ราวกับเป็นบางอย่างที่เชื่อมโยงกับมิติที่สูงขึ้นไป
“ขึ้นมา!” ตู้ชิงหย่วนสั่งการ
ร่างของจางเวียนลอยสูง ก่อนจะถูกหย่อนลงบนแท่นบูชา
เปลวเพลิงที่ลุกโชนบนแท่นบูชาลามเลียร่างของจางเซวียน เขาคิดว่าตัวเองคงมอดไหม้ แต่ก็ต้องประหลาดใจที่เปลวเพลิงนั้นไม่ทำให้รู้สึกร้อนเลย ตรงกันข้าม มันอบอุ่นและให้ความรู้สึกของการถูกปลอบประโลม
“พวกเขาพยายามจะทำอะไร?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เพราะได้อ่านหนังสือทั้งหมดในตำหนักคว้าดาวมาแล้ว จางเซวียนจึงมีความเข้าใจอย่างล้ำลึกในพิธีกรรมต่างๆนานาของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น แต่เขาก็ไม่เคยรู้เห็นพิธีกรรมแบบนี้มาก่อน
สำหรับพิธีกรรมทั่วไป ผู้ประกอบพิธีจะต้องมอบของล้ำค่าเป็นบรรณาการให้เทพเจ้าเพื่อให้ได้ข้อมูลข่าวสารหรือพละกำลังที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม แต่พิธีกรรมนี้ดูจะแตกต่างจากธรรมเนียมปกติ
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกใช้เป็นเครื่องบรรณาการเพื่อเป้าหมายที่ชั่วร้ายและมีเงื่อนงำ
ซรืดดดดดด!
ขณะที่เปลวเพลิงยังคงลุกโชน ร่างเลือนรางของหัวหน้าเทพเจ้าที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น
“พวกนั้นกำลังพยายามซึมซับพลังของเราหรือ?” จางเซวียนหรี่ตาอย่างประหลาดใจ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจเจตจำนงที่อยู่เบื้องหลังพิธีกรรมนี้
นี่ไม่ใช่พิธีกรรมที่ทำขึ้นเพื่อเรียกเทพเจ้า แต่อีกฝ่ายกำลังพยายามดูดพลังของเขาเข้าหาตัวเอง พยายามจะแทนที่เขาให้ได้!
หมอนั่นคิดจะนำหอสมุดเทียบฟ้าไปจากเรา*?* จางเซวียนคิดอย่างระแวง
ไม่แปลกใจแล้วที่อีกฝ่ายต้องการแท่นบูชาของตำหนักคว้าดาว ถึงกับไม่ลังเลที่จะบีบบังคับตำหนักคว้าดาวเพื่อให้ได้มันมา ดูเหมือนหัวหน้าหอเทพเจ้าตั้งใจจะใช้แท่นบูชาลึกลับนี้ประกอบพิธีกรรมเพื่อเข้าครอบครองหอสมุดเทียบฟ้าแทนที่ตัวเขา!
แม้จางเซวียนจะไม่รู้ว่าแท่นบูชาทำงานอย่างไร แต่ก็รู้สึกได้ว่าพลังงานค่อยๆระเหยออกจากร่าง ดูเหมือนมีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะเข้าครอบครองหอสมุดเทียบฟ้าแทนที่เขาได้จริงๆ
ร่างของจางเซวียนค่อยๆจางลงเพราะการแผดเผาของเปลวเพลิง ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พิธีกรรมครั้งนี้จะต้องคร่าชีวิตเขาแน่
ในช่วงเวลาคับขันนี้ จี้ที่ห้อยอยู่รอบลำคอของเขาก็เรืองแสงเจิดจ้าออกมา
ฟึ่บ!
ร่างที่อยู่บนบัลลังก์โงนเงนเล็กน้อย ในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงบนแท่นบูชาก็เริ่มอ่อนแรง ดูเหมือน พร้อมจะมอดดับได้ทุกขณะ
“เกิดอะไรขึ้น?”
ร่างนั้นพินิจพิจารณาจางเซวียนอย่างตั้งใจก่อนจะก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา เขาคว้าจี้ที่อยู่รอบลำคอของจางเซวียนและออกแรงดึง
“อ๊ากกกกก!”
แต่ทันทีที่ร่างนั้นสัมผัสจี้ ควันดำก็ลอยโขมงออกจากร่างของเขา
“เวรละ!”
ร่างนั้นสบถขณะรีบปล่อยมือ
เขาพยายามคว้าจี้อีกหลายครั้ง แต่ความร้อนแผดเผาที่แผ่ออกมาก็ทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้มันอีก
“ผมจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างพังในเวลานี้เพราะไอ้จี้บ้าๆอันเดียวหรอก มาดูกันว่าถ้าผมฆ่าคุณแล้ว มันจะยังปกป้องคุณได้หรือเปล่า!” ร่างนั้นคำราม
เปลวเพลิงที่อยู่บนแท่นบูชาใกล้มอดดับเต็มที ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พิธีกรรมจะต้องล้มเหลวแน่ หัวหน้าหอเทพเจ้ารู้ดีว่าต้องรีบทำอะไรสักอย่าง
ฟึ่บ!
นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 8 คนรับคำสั่งและเคลื่อนไหวพร้อมกัน พวกเขารวบรวมพละกำลัง จากนั้นก็ปล่อยกระแสดาบฉีอันทรงพลังเข้าใส่ลำคอของจางเซวียน
ถ้าการโจมตีนั้นตรงเป้าหมาย จางเซวียนต้องตายแน่
บึ้มมมม!
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น ประตูหอเทพเจ้าก็ถูกพละกำลังมหาศาลบังคับให้มันระเบิดออก ร่างหนึ่งพรวดพราดเข้ามาในหอเทพเจ้าแล้วใช้นิ้วแตะตัวจางเซวียน
กระแสดาบฉีที่มาจากนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 8 คนแหลกสลายทันที ทุกคนหน้าซีดขณะกระอักเลือดออกมา
“คุณ!”
เมื่อเห็นผู้มาใหม่ หัวหน้าหอเทพเจ้าถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยวขณะพุ่งเข้าขวางการโจมตีของอีกฝ่าย
พลั่ก!
เมื่อพละกำลังทั้งสองปะทะกัน ทั้งคู่ก็ถูกบีบให้ถอยไปคนละก้าว
ผู้มาใหม่หันมามองจางเซวียน เขากวักมือ จากนั้นก็ใช้พลังงานห่อหุ้มร่างของชายหนุ่มและดึงเข้าหาตัว
“ไปกันเถอะ!”
ผู้มาใหม่รีบส่งจางเซวียนออกนอกหอเทพเจ้า ก่อนจะจากไป เขาก็หันหลังกลับและปลดปล่อยพลังจากฝ่ามือที่ทำลายโครงสร้างภายในของหอเทพเจ้าจนราบคาบ จากนั้นก็บินออกมาพร้อมกับจางเซวียน
เพียง 2-3 อึดใจต่อมา ทั้งคู่ก็หายวับมาปรากฏตัวที่สะพานเบื้องบน
“ตามพวกนั้นไป!” เสียงเกรี้ยวกราดดังกึกก้องจากหอเทพเจ้า
พายุพัดอื้ออึงอยู่ในหูจางเซวียนขณะเฝ้ามองสภาพแวดล้อมรอบตัวหายไปอย่างรวดเร็ว
เป็นความเร็วที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้…
จางเซวียนหรี่ตาด้วยความอัศจรรย์ใจ
ผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้เดินทางได้เร็วกว่าเขาหลายเท่าตัว ทั้งที่ต้องพาตัวเขาไปด้วย
ต่อให้นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่น่าเคลื่อนไหวได้รวดเร็วขนาดนี้*…เขาเป็นเทพเจ้าหรือเปล่า?*
นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของหอเทพเจ้าที่ถูกเขาเล่นงานให้จนมุมจนต้องระเบิดตัวเองที่ทะเลพลัดดาวแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว แต่ต่อให้หมอนั่นก็เทียบชั้นกับบุคคลที่เพิ่งช่วยชีวิตเขาไม่ได้!
ขณะที่จางเซวียนกำลังคิดวุ่นวาย อีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้น “ผมยังไม่ได้เป็นเทพเจ้าหรอก เหตุผลที่ผมเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนี้ก็เพราะรองเท้าเลือนหาย”
“รองเท้าเลือนหาย?”
จางเซวียนก้มหน้ามอง เห็นอีกฝ่ายสวมรองเท้าทองคำคู่หนึ่ง รองเท้าคู่นั้นแผ่รังสีพิเศษออกมาที่ทำให้เขาก้าวได้ไกลครั้งละหลายสิบลี้ ทำให้ดูเหมือนถูกส่งทะลุมิติจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง
“นั่นคงเป็นของล้ำค่าที่ทำหน้าที่อารักขาสำนักอมตะเลือนหาย หรือว่าคุณคือ…” จางเซวียนตัวแข็งขณะภาพของบุคคลหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง
“เรื่องนั้นค่อยคุยกันทีหลัง สะพานเบื้องบนถอนตัวแล้ว ถ้าเราไม่รีบล่ะก็ ได้เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่” อีกฝ่ายตอบพร้อมกับหัวเราะหึๆ ขณะรุดหน้าต่อไปด้วยแววตาที่ออกจะเคร่งขรึม
“สะพานเบื้องบนถอนตัวแล้ว?” จางเซวียนถึงกับงง
เขาก้มลงมองและเห็นสะพานเบื้องบนค่อยๆถอนตัวกลับคืนสู่หอเทพเจ้า จึงตั้งคำถามด้วยความสงสัย “ผมคิดว่าสะพานเบื้องบนจะอยู่ทั้งวันเสียอีก ทำไมถึงถอนตัวตั้งแต่ยังไม่ทันหมดเวลา?”
โดยรวมแล้ว จางเซวียนใช้เวลาเดินทางสู่หอเทพเจ้าเพียง 14 ชั่วโมง และใช้เวลาอยู่ในนั้นแค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วทำไมสะพานเบื้องบนถึงเริ่มถอนตัวตั้งแต่ตอนนี้?
หรือว่าทั้งการลงมาและการถอนตัวของสะพานเบื้องบนเป็นอำนาจตามอำเภอใจของหัวหน้าหอเทพเจ้า*?*
“เวลาล่วงไปวันหนึ่งแล้ว” อีกฝ่ายตอบอย่างไม่สบายใจ “กระแสของกาลเวลาในหอเทพเจ้ากับทวีปที่ถูกลืมมีความแตกต่างกันอยู่ในอัตราส่วน 1:10 คุณไม่รู้หรือ?”
“ความแตกต่างของกระแสกาลเวลา?” จางเซวียนตกใจ
เขาถูกนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 10 คนเล่นงานทันทีที่มาถึงหอเทพเจ้าจนไม่มีเวลาใคร่ครวญเรื่องนี้ จากนั้นก็ถูกนำตัวไปยังแท่นบูชา และเข้าสู่พิธีกรรมที่มีตัวเขาเป็นเครื่องบรรณาการ
เมื่อลองนึกย้อนดู ก็มีความแตกต่างของกระแสกาลเวลาในหอเทพเจ้ากับทวีปที่ถูกลืมจริงๆ
อัตราส่วน 1:10…
“ว่ากันว่ากระแสกาลเวลาของสรวงสวรรค์มีค่าเท่ากับ 1 ใน 10 ของทวีปที่ถูกลืม หอเทพเจ้าก็เป็นแบบเดียวกัน” อีกฝ่ายตอบ
“ผมเข้าใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้าช้าๆ
ด้วยอัตราส่วน 1:10 ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงที่เขาใช้ที่นั่นยาวนานเท่ากับ 10 ชั่วโมงของโลกภายนอก เมื่อคิดคำนวณดู สะพานเบื้องบนก็ลงมาได้ 1 วันแล้วจริงๆ จึงเป็นธรรมดาที่มันจะถอนตัวกลับ
เห็นจางเซวียนถึงบางอ้อ อีกฝ่ายยิ้มน้อยๆก่อนกระทืบเท้าอย่างแรง “เอาล่ะ ตอนนี้คุยกันแค่นี้ก่อน ใช้พลังปราณคุ้มกันร่างของคุณไว้นะ ผมจะทำการทะลุมิติข้ามสิ่งกีดขวาง”
ในชั่วพริบตา ความเร็วของเขาก็ขึ้นสู่จุดสูงสุด ทำให้มิติที่อยู่โดยรอบบิดเบี้ยวไปหมด