“อ้อ นายว่าพวกเขายังจะกลับมาอีกเหรอ?” เฉินกั๋วเหลียงถามอย่างสงสัย

เฉินโม่พยักหน้า “เมื่อกี้ไอ้หมอนั่นทิ้งผู้อาวุโสสองคนนั้นเอาไว้ ก็เพื่อกลับไปส่งข่าว เชื่อว่าคนที่จะมาช่วยพวกเขาจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า”

“ฮ่าๆ ดี ถ้าอย่างนั้นปู่ก็จะได้สู้อย่างมันสะใจอีกครั้ง!” เฉินกั๋วเหลียงดีใจ

เฉินเยว่หมดคำพูดไปชั่วขณะ เธอไม่เคยรู้มาก่อน ที่แท้คุณปู่รองที่อ่อนโยนและสำรวมมาโดยตลอด กลับมีด้านที่ชอบต่อสู้ด้วย

อย่างไรก็ตามเฉินเยว่รู้สึกว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเตือนเฉินโม่ “คุณปู่รอง น้องเฉินโม่ ฉันรู้สึกว่าเราควรที่จะเตรียมความพร้อมไว้หน่อย ไปสืบดูว่าพวกเขาจะนำคนมาเท่าไหร่”

“ไม่ต้องหรอก ฉันเคยต่อสู้กับคนของโลกบู๊โบราณมาก่อนแล้ว เข้าใจในความสามารถของพวกเขาแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะมาเท่าไหร่ เราฆ่าให้หมดก็พอ!” เฉินโม่พูดอย่างฮึกเหิม กล้าหาญชาญชัยอย่างไม่มีใครเทียบได้

เฉินกั๋วเหลียงหัวเราะพูดอย่างดีใจ “ดี ลูกหลานของตระกูลเฉินของฉัน ก็ต้องกล้าหาญชาญชัยแบบนี้ ไปกลัวพวกมันทำไม มากสุดก็แค่ตาย!”

เฉินโม่สามคนก็นั่งในห้องโถงของสำนักซานเหอ รอให้หยูจุนโม่พาคนมาช่วย

ห้องโถงของสำนักซานเหอ ตระกูลหยูยังไม่ทันได้ตกแต่งมันใหม่ ยังคงเหมือนเมื่อก่อน

มองห้องโถงที่คุ้นเคย เฉินเยว่รู้สึกเศร้าใจ

เฉินกั๋วเหลียงกำลังฝึกหมัดไร้ขอบเขตที่เฉินโม่ถ่ายทอดอยู่ด้านข้าง เมื่อพบสิ่งที่ไม่เข้าใจ ก็จะถามเฉินโม่ เฉินโม่ก็สอนอย่างเต็มใจ

จะว่าไปเฉินกั๋วเหลียงเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวิชาบู๊ ความสามารถอยู่ในระดับอัจฉริยะ มีบางอย่าง เฉินโม่แค่ชี้แนะ เขาก็เข้าใจแล้ว แม้แต่เฉินโม่เองยังรู้สึกประหลาดใจ

หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าคงใช้เวลาไม่นาน เฉินกั๋วเหลียงก็จะตามเฉินซงจื่อกับเอียนชิงเฉิงทันแล้ว และจะกลายเป็นแดนเทพ

ทันใดนั้นเฉินโม่ก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้น กองกำลังของเขาได้รวบรวมเป็นสำนักโม่แล้ว แต่ว่าในสำนักโม่นักบู๊กลับน้อยมาก ขอเพียงมีศัตรูมากล้ำกราย ไม่มีคนที่สามารถจะต้านได้เลยแม้แต่คนเดียว เฉินโม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มพละกำลังของสำนักโม่

ก็เหมือนอย่างครั้งนี้ ถ้าหากไม่ใช่เอียนชิงเฉิงกับเฉินซงจื่อและสมาชิกหน่วยมังกรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชะลอเวลา แม้ว่าคนของโลกบู๊โบราณจะฆ่าเขาไม่ได้ ถ้าหากสิ้นสุดการตีฝ่าแดนอย่างเร่งด่วน เฉินโม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่มหาศาล หรือแม้กระทั่งมันจะทำให้เขาบาดเจ็บจนไม่สามารถฝึกฝนพลังได้อีก

ครั้งนี้แม่ว่าจะสิ้นสุดการตีฝ่าแดนไปก่อน แต่ยังดีที่ยังมีเวลาให้เฉินโม่ได้เตรียมตัวอยู่บ้าง ทำให้อาการบาดเจ็บของเฉินโม่ลดน้อยลง

ไม่เช่นนั้น เกรงว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ของเฉินโม่ จะไม่มีวันฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้อีกเลย

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากตอนนั้นเฉินโม่มีลูกน้องที่ฝีมือเก่งกาจอยู่ มันก็จะไม่สามารถถ่วงเวลาจนกว่าเขาจะตีฝ่าแดนสำเร็จได้อย่างแน่นอน

ตอนนี้แม้ว่าเฉินโม่จะตีฝ่าแดนสำเร็จ แต่ว่าร่างกายของเขาก็บาดเจ็บไม่น้อย ต้องการวัตถุดิบยาล้ำค่าหลายอย่าง เพื่อมากลั่นยาเม็ดต้าเต๋ารวมศูนย์ ถึงจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของรากฐาน

“ดูแล้วมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างกองกำลังของตัวเองแล้ว” เฉินโม่คิดในใจ

เฉินโม่ทั้งสามคนรออยู่ที่สำนักซานเหอเป็นเวลาสามวัน จากนั้นหยูจุนโม่ถึงได้นำกองกำลังมาถึง

ครั้งนี้ตระกูลหยูนำคนมาไม่น้อย จำนวนห้าสิบคนเต็ม หัวหน้าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ดูแล้วพลังไม่ธรรมดา คาดว่าน่าจะเป็นผู้นำของตระกูลหยู

ข้างกายเขา ก็คือหยูจุนโม่ที่ถูกเฉินโม่ทำให้กลัวจนต้องหนีไปเมื่อสองสามวันก่อน

“ไอ้หนุ่ม กล้าล่วงเกินตระกูลหยูของฉัน ครั้งนี้ฉันจะดูว่าแกจะตายยังไง!” หยูจุนโม่มีคนช่วย ก็เริ่มอวดดีอีกแล้ว

เฉินกั๋วเหลียงหัวเราะเสียงดังแล้วพูด “ไอ้หนุ่ม นายเป็นคนที่พ่ายแพ้ให้กับฉัน ยังกล้าพูดจาโอหังอีก มา ฉันจะสั่งสอนนายอีกครั้ง!”

หยูจุนโม่หน้าแดง เขาไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเฉินกั๋วเหลียงอีกแล้ว

“พ่อครับ ก็คือมันสามคนครับ พวกมันก็คือพลังร้ายของหลงเหลืออยู่ของสำนักซานเหอ” หยูจุนโม่หันไปพูดกับชายวัยกลางพูด

ชายวัยกลางคนมีชื่อว่าหยูเปียว เป็นผู้นำของตระกูลหยูในปัจจุบัน ความสามารถของเขาคือปรมาจารย์แดนคุ้มกายชั้นสูงสุด หรือแม้กระทั่งขาขั้นหนึ่งได้ก้าวไปอยู่ในแดนเทพแล้ว