หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1273 หลงเซี่ยง
ตึง**!**
เสียงฝีเท้าลึกดังก้องในป่าไผ่ ทุกย่างก้าวทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
ทว่าคนผู้นี้ไม่ได้มีโครงสร้างที่แข็งแรง เขากลับเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสวมเสื้อผ้าสีดำ
ชายคนนี้เดินออกจากป่ามาถึงเจดีย์ เขาหยุดลงเมื่อเห็นชายชรา เสียงของเขาดังก้องไม่มีความรู้สึกใดๆ “ผู้อาวุโสกู้เรียกข้ามามีธุระอะไร?”
ผู้อาวุโสกู้เงยหน้าขึ้น ดวงตายิ้มแย้มมองไปที่ชายวัยกลางคน “ยินดีด้วยหลงเซี่ยง ดูเหมือนว่าเจ้าบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว”
รัศมีของชายวัยกลางคนลึกล้ำราวกับว่าแบกน้ำหนักภูเขานับไม่ถ้วนไว้ ทุกการเคลื่อนไหวทำให้เกิดความผันผวนของพลังงานกระเพื่อม ทำเอามิติรอบตัวสั่นสะเทือน
“ข้ามาได้ครึ่งทางเท่านั้น ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม” หลงเซี่ยงตอบเสียงเบา
ผู้อาวุโสกู้ยิ้ม “ด้วยความสามารถของเจ้า ตราบใดที่ก้าวไปได้ครึ่งก้าว การไปถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”
ทว่าหลงเซี่ยงไม่ได้ตอบสนองคำถามนี้ เพราะตัวเขามั่นใจอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องของเวลาที่จะทำให้ตนเองบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้
“มีเรื่องอะไรให้ข้าทำ ผู้อาวุโสกู้?”
แต่เขาไม่ได้พูดในเรื่องนี้มากนักถามขึ้นว่า
ผู้อาวุโสกู้พยักหน้าพร้อมกับดวงตาหรี่ลง “ข้ามีภารกิจให้เจ้าทำ”
“โอ้?”
“ตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น” ผู้อาวุโสกู้สะบัดนิ้ว หน้าจอก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับภาพชายหนุ่มฉายออกมา นี่ก็คือมู่เฉินนั่นเอง
หลงเซี่ยงขมวดคิ้ว “ทำไมถึงเรียกข้าไปจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นตัวจ้อยด้วย?”
“ฮ่าๆ เขาไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นธรรมดา เขาได้ตำแหน่งนักรบทวีปจากสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายของทวีปซีเทียน แม้แต่ศิษย์เอกของจักรพรรดิสัประยุทธ์ยังพ่ายแพ้ต่อเขา ดังนั้นเจ้าเด็กคนนี้มองข้ามไม่ได้” ผู้อาวุโสกู้หัวเราะเบาๆ
“ในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ข้าเกรงว่าจะมีไม่มากที่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ ดังนั้นข้าจึงต้องมอบภารกิจให้เจ้าซึ่งเป็นจอมยุทธ์เสมือนระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม”
พอได้ยินถ้อยคำนี้ หลงเซี่ยงก็หรี่ตาแคบพลางพยักหน้า “งั้นเป็นคนไม่ธรรมดาจริงๆ”
สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่จะบรรลุความสำเร็จดังกล่าวช่างน่าทึ่งนัก แม้ว่าเขาจะมีสายเลือดของตระกูลฝูถูโบราณ เพราะจอมยุทธ์หัวกะทิของเหล่ารุ่นใหม่ในตระกูลก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จนี้ได้
“เขาคือใคร? ทำไมถึงต้องไปตามจับ?” หลงเซี่ยงถามขณะที่มองผู้อาวุโสกู้
ผู้อาวุโสกู้ยิ้ม “นี่เป็นคำสั่งจากผู้อาวุโสใหญ่”
ม่านตาของหลงเซี่ยงหดลง ดูเหมือนว่าจะหวนนึกบางสิ่งได้ เขาหันขวับไปหาผู้อาวุโสกู้กล่าวว่า “คนที่ผู้อาวุโสใหญ่สั่งประกาศจับเหรอ?”
“เจ้ากาลกิณีคนนั้นนั่นแหละ” ผู้อาวุโสกู้ตอบอย่างแผ่วเบา
ตู้ม!
เมื่อได้ยินแววตาของหลงเซี่ยงก็เย็นเยือกลง คลื่นหลิงน่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างก่อตัวขึ้นในบรรยากาศที่น่ากลัวกวาดออกไปในทิศทางของผู้อาวุโสกู้
โฮก!
เผชิญหน้ากับรัศมีที่น่าทึ่งของหลงเซี่ยง สายตาของผู้อาวุโสกู้ก็เฉียบคม แสงสีทองรวมตัวกันอยู่ข้างหลังก่อร่างเป็นสิงโตทองคำ สิงโตทองคำกู่คอคำราม สวรรค์และโลกก็สั่นสะเทือน ความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวแตกสลาย
ทั้งสองปะทะกันกะทันหัน ร่างกายของหลงเซียงก็สั่นเทาถอยกลับไปครึ่งก้าว ส่วนร่างของผู้อาวุโสกู้ก็สั่นเทิ้มเล็กน้อย
การประจันหน้าดังกล่าวทำให้ผู้อาวุโสกู้ขมวดคิ้ว แม้ว่าหลงเซี่ยงจะเป็นจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น แต่เขาเกิดมาพร้อมกับพลังที่ยิ่งใหญ่และได้รับการฝึกฝนทักษะเทพมังกรพลาย ดังนั้นพลังของเขาจึงน่ากลัวอย่างยิ่ง หากต้องต่อสู้กันแล้ว แม้แต่ตนก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับเพื่อชนะ
“หลงเซี่ยงคิดจะไม่ฟังคำสั่งของเผ่าเรอะ?” ผู้อาวุโสกู้จ้องไปที่หลงเซี่ยง ขณะรวบรวมพลังบนร่างกาย ช่างดูคล้ายกับราชสีห์ร้ายนัก
สายตาของหลงเซี่ยงวูบไหวพร้อมกับแววเหี้ยมเกรียม แต่เขาก็ดึงรัศมีกลับเล็กน้อยพูดอย่างเย็นชาว่า “เขาเป็นลูกของนายหญิง เขาไม่ใช่กาลกิณี กู้ซือหวงคำนึงถึงคำพูดตัวเองด้วย!”
“หึ แม้ว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะเป็นเจ้านายเก่าของเจ้า แต่ตอนนี้นางเป็นคนบาปที่ไม่เชื่อฟังกฎของเผ่า ทำให้สายเลือดอันสูงส่งของเผ่าฝูถูด่างพร้อย นางมีโทษมหันต์สำหรับอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่นี้!” กู้ซือหวงเอ่ยต่อ
“ถ้าเจ้ามีข้อกังขากับเรื่องนี้รายงานขึ้นไปที่สภาสิ หากพวกเขาเปลี่ยนใจ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หลงเซี่ยงยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไม่อยากคุยกับเจ้า ข้าไม่ไป!”
ดวงตาของกู้ซือหวงหลุบต่ำ “ไม้ไผ่หัวใจหยกที่นี่กำลังจะเติบโต ข้าต้องปกป้องสถานที่แห่งนี้ หากเจ้าไม่ไปข้าจะรายงานข่าวนี้กลับไปยังเผ่า ในเวลานั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใครที่ถูกส่งออกไป…”
“หลงเซี่ยงเราเพียงแต่ต้องการจับไอ้…เด็กนั้นไว้แบบมีชีวิตอยู่ หากเจ้าออกหน้าเองก็ยังสามารถรักษาชีวิตเขาไว้ได้ แต่ถ้าผู้อาวุโสใหญ่โกรธขึ้นมาส่งคนอื่นไปละก็ ความเป็นตายของเด็กนั่นก็จะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าอีกต่อไป”
มองไปที่กู้ซือหวงสายตาของหลงเซี่ยงก็กะพริบก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ได้ ข้าไปก็ได้!”
ถ้าเขาไปอย่างน้อยก็ไม่ทำอะไรรุนแรงกับลูกนายหญิง แต่ถ้าส่งคนที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับนางไปละก็ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงจะไม่แน่นอน
เมื่อกู้ซือหวงได้ยินคำตอบก็ยิ้ม “เป็นเรื่องดีที่เจ้าเข้าใจ”
พูดถึงจุดนี้เขาก็หยุดชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้มอีกครั้ง “แต่หลงเซี่ยง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่กลับมามือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นข้าอาจจะมอบหญิงสาวที่ถูกขังอยู่ที่นี่กลับเผ่า ในเวลานั้นข้าเกรงว่านางจะไม่สามารถรับโทษได้”
ใบหน้าของหลงเซี่ยงเปลี่ยนไปในพลางจ้องมองกู้ซือหวงด้วยสายตามืดมน ก่อนที่จะพูดช้าๆ “กู้ซือหวง ข้าขอเตือนว่าอย่าทำอะไรเกินเลย แม้ว่าตอนนี้นายหญิงจะถูกจองจำ แต่เจ้าก็ทราบดีว่านางเป็นคนอย่างไร แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับนางได้ ถ้าเจ้าทำให้นางโกรธจริงๆ ข้ากลัวว่าจะไม่มีใครในตระกูลปกป้องเจ้าได้”
“ในสายตานายหญิง เจ้าเป็นเพียงสุนัขแก่ที่สามารถฆ่าได้ด้วยการพลิกฝ่ามือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นใบหน้ากู้ซือหวงก็บิดเบ้อย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยความเยาะเย้ย “หึ ข้าไม่เชื่อว่าเผ่าจะให้นางทำตามที่ต้องการ!”
แม้ปากจะพูดเช่นนี้แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้เฉียบคมอย่างเดิม เพราะเขารู้ว่าถ้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนต้องการจัดการเขา ก็มีวิธีการมากมายที่จะทำเช่นนั้น
สายตาดูถูกเหยียดหยามของหลงเซี่ยงสาดออก เขาไม่พูดอะไรก่อนจะหันหลังออกไป
เมื่อเห็นหลงเซี่ยงไปแล้ว กู้ซือหวงก็กัดฟันกรอด “ปล่อยให้แกผยองไปก่อนเถอะ ตราบใดที่ประมุขน้อยขึ้นเป็นประมุข เผ่าฝูถูก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา ในเวลานั้นเราจะไม่ลังเลเหมือนผู้อาวุโสใหญ่ นอกจากนี้เมื่อไรที่เราจับไอ้กาลกิณีนั่นได้ ข้าไม่เชื่อว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะไม่ฟังคำสั่งเรา!”
เมื่อหลงเซี่ยงออกจากเจดีย์ เขาไม่ได้รีบจากไป แต่เดินไปอีกทางหนึ่งที่มีเจดีย์สีดำ เขาเดินเข้าไป
ที่นี่มืดและวังเวงมีคุกสีดำอยู่ในส่วนลึกของเจดีย์ คุกนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินสีดำและมีเกลียวแสงหลิงบางเบาวูบไหวออกมา ก่อร่างเป็นค่ายกลขนาดใหญ่
เมื่อมาถึงเบื้องหน้าคุกหลงเซี่ยงก็จ้องมองไปที่หญิงสาวในชุดขาว
ผมยาวของนางแผ่กระจายออกไปอย่างนุ่มนวลพร้อมกับคิ้วตวัดขึ้นบ่งบอกถึงกิริยาท่าทางงดงาม แต่ไม่มีความตื่นตระหนกในสายตาของนางเลย ตรงกันข้ามกลับมีเพียงความสงบ
ถ้ามู่เฉินอยู่ที่นี่เขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน เพราะนางก็คือหลิงซีที่ขาดการติดต่อหลังจากแยกกันที่สำนักศึกษาเป่ยชาง!
“หลิงซี”
จ้องมองหญิงสาวในคุกรอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของหลงเซี่ยง เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้นับวันยิ่งคล้ายกับนายหญิงของเขา
หลิงซีเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเมื่อเห็นหลงเซี่ยง “พี่หลงเซี่ยง”
หลงเซี่ยงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พลางคลี่รอยยิ้มขมขื่น “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ เจ้ารู้อยู่แล้วที่นี่เป็นดินแดนของเผ่าฝูถู ซึ่งมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเฝ้าดูอยู่”
ตอนนั้นจู่ๆ หลิงซีก็บุกเข้ามาที่เกาะหัวใจหยก ตามคาดนางถูกจับขังไว้ที่นี่โดยกู้ซือหวงมานานสามปีเต็มแล้ว
หลิงซีเม้มริมฝีปาก ม่านตาสีดำเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก “เป็นเพราะท่านน้าจิ้งเคยอยู่ที่นี่”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลงเซี่ยงก็อดกลอกตาไม่ได้ เขาพูดไม่ออกจริงๆ
“พี่หลงเซี่ยงมีเรื่องอะไรเหรอเจ้าคะ?” หลิงซียิ้ม
หลงเซี่ยงลังเลสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้า “ข้าได้รับข่าวเรื่องนายน้อย”
หลิงซีเงยหน้าขึ้นฉับพลัน จากนั้นหลงเซี่ยงก็เห็นความสุขที่ไม่อาจปกปิดบนดวงหน้าของนางที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆ ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
“มู่เฉิน…ในที่สุดก็มีข่าวจากเจ้า…”
นางก้มหน้าแย้มยิ้ม