ตั้งแต่ตงป๋อเสวี่ยอิงตระหนักรู้กระบวนที่สามของวิถีเขตลวงโลกเทียมที่โลกอสนีบาตแล้ว วิญญาณก็มีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ถึงขนาดที่เข้าใกล้ขั้นสุดยอดอย่างไร้ขีดจำกัด เขาควรจะไปถึงแหล่งต้นกำเนิดโลก ถึงขนาดที่วิญญาณเกือบจะสามารถแทรกซึมเข้าไปสู่แหล่งต้นกำเนิดโลกได้ เมื่อใดที่แทรกซึมเข้าสู่แหล่งต้นกำเนิดโลก เช่นนั้นหากแหล่งต้นกำเนิดโลกไม่แหลกสลาย วิญญาณก็ไม่มีทางแหลกสลาย!
ขาดอีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ทว่านิดเดียวนี้ก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่บำเพ็ญมาถึงระดับขั้นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็แทบจะทุ่มเทความคิดจิตใจทั้งหมดไปบนวิถีเขตลวงโลกเทียม อยากจะทำให้ร่างกายและวิญญาณผสานรวมกัน
แม้คิดอยากจะบรรลุ ทว่าก็มิอาจบรรลุได้มาโดยตลอด!
ออกจากโลกอสนีบาตมาถึงยังโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญเป็นเวลาหลายแสนล้านปีเห็นจะได้ แต่ก็ยังมิอาจเปิดผ้าคลุมชั้นสุดท้ายของวิถีเขตลวงโลกเทียมออกไปได้อยู่ดี
แต่ในขณะนี้เอง
เมื่อเท้าใหญ่ข้างนั้นของเจ้าทะเลหุบเหวลึกเหยียบลงมา เขาก็ยิ้มเย็นราวกับเหยียบมดปลวกตายอย่างไรอย่างนั้น ยามที่เหยียบลงไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้สนใจตนเอง หากแต่ในใจเกิดอารมณ์หลากหลายพรั่งพรูขึ้นมาเพราะผู้บำเพ็ญแต่ละคนต่างก็เผชิญหน้ากับความตายอย่างนิ่งสงบด้วยกันทั้งสิ้น
ภายใต้พลังอำนาจที่แท้จริง ไม่มีทางต้านทานได้เลย แต่ภายในใจของตนสามารถกำหนดท่าทีที่ตนจะตอบสนองเองได้
ผู้ที่อ่อนแอกว่า ในใจของตน ต่างก็สามารถไร้ซึ่งศัตรูได้ด้วยกันทั้งสิ้น
อิสรภาพภายในใจ…
เป็นความมหัศจรรย์ของทุกชีวิต
“อิสรภาพ”
“อิสรภาพ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังจำเสียงโห่ร้องยินดีของวิญญาณมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนยามที่ได้รับความช่วยเหลือ ในตอนนั้นที่ช่วยเหลือวิญญาณที่ถูกควบคุมจำนวนนับไม่ถ้วนผู้ตกเป็นทาสของ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ได้อยู่…
แต่ในขณะนี้เอง
มองดูเหล่าผู้บำเพ็ญตายไปอย่างสงบ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตระหนักรู้ได้ในทันใด “สิ่งที่วิเศษที่สุดในโลกใบนี้ก็คือวิญญาณ วิญญาณทุกดวงล้วนมีสิ่งที่ตนไขว่คว้า ก็เพราะว่าวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนมีปณิธานของตนเอง โลกใบนี้จึงได้กลายเป็นสิ่งที่งดงามหลากสีสัน! ถ้าหากเป็นโลกใบหนึ่งที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่เลย นั่นก็คงจะเต็มไปด้วยความซังกะตาย ถ้าหากเป็นโลกใบหนึ่งที่ดวงวิญญาณทั้งหมดถูกควบคุมวิญญาณ เช่นนั้นก็คงจะเป็นซากศพเดินได้กันทั้งสิ้น ไม่มีความหวังและพลังชีวิตใดๆ อยู่เลย”
“ถ้าหากโลกใบหนึ่งมีวิญญาณ เช่นนั้นสิ่งมีชีวิตถึงจะเป็นจิตวิญญาณของโลกใบนี้”
“โลกที่มีจิตวิญญาณจึงจะสดใส”
“โลกที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณนั้นก็คงจะเต็มไปด้วยความซังกะตาย”
การสั่งสมของตงป๋อเสวี่ยอิงบนวิถีเขตลวงโลกเทียมก็มากเพียงพออยู่แล้ว ขณะนี้ จิตใจวูบไหวเปลี่ยนทิศทาง
ในอดีตเขาพิจารณาจากมุมมองของโลก อยากจะสร้าง ‘โลกเทียม’ ที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังขาดอยู่อีกเล็กน้อยอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นพิจารณาจากมุมมองของ ‘วิญญาณ’ ดวงวิญญาณทุกดวงล้วนเป็นส่วนที่ไม่สะดุดตาส่วนหนึ่งของโลกอันกว้างใหญ่ทั้งสิ้น แต่เพราะส่วนเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนนี้เอง… จึงก่อตัวเป็นความสดใสต่างๆ นานาของโลกขึ้นมา
วิถีโลกเทียมห้าสาย ขณะนี้ถูกดึงดูดขึ้นมาด้วย ‘วิถีวิญญาณ’
การสั่งสมที่เดิมทีไปถึงขั้นสุดยอดแล้วสว่างไสวขึ้นมาในทันใด พริบตานั้นก็ก่อตัวเป็นวิถีอันงดงามสมบูรณ์แบบ ก็คล้ายกับเติมลูกตาให้ภาพวาดมังกร! ในขณะนี้การสั่งสมทั้งหมดก็ผสานรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อสั่งสมไปถึงขีดสุด
บางที่สิ่งที่ต้องการอาจเป็นเพียงแค่การสัมผัสจิตวิญญาณเท่านั้น
หลังจากที่ตระหนักรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดการวิวัฒน์ครั้งสุดท้ายเสียงดัง ‘ปัง’
แหล่งต้นกำเนิดโลกที่เดิมทีควรจะบริสุทธิ์หาใดเปรียบ ในขณะนี้ก็ราวกับมารดาตั้งครรภ์ เพียงเอื้อมมือก็สามารถสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างได้แล้ว วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกซึมเข้าไปสู่กลางแหล่งต้นกำเนิดโลกแห่งนี้ วิญญาณ! ก็คือพลังที่ลึกลับที่สุด เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของส่วนสำคัญที่สุดของแหล่งต้นกำเนิดโลก ดังนั้นการสกัด ‘แก่นวิญญาณโลหิต’ ของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน ยังดีกว่าผลของศิลาปฐมโลกาเสียอีก
และวิญญาณที่ไปถึงขั้นสุดยอดสมบูรณ์ เมื่อแหล่งต้นกำเนิดโลกอยู่ต่อหน้ามันก็ไร้ซึ่งการขัดขวางใดๆ แทรกผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แทรกผ่านไปทั่วทุกหนแห่ง
บรรลุเพราะตระหนักรู้!
เพราะวิญญาณแทรกเข้าสู่แหล่งต้นกำเนิดโลก! ในใจปิติยินดีอย่างไร้ที่สิ้นสุด!
นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงเปล่งประกายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนออกมา
“ปึง!”
เท้าหนึ่งเหยียบลงมา ร่างกายตงป๋อเสวี่ยอิงแหลกสลาย
ถึงแม้ว่าร่างกายจะสลาย แต่วิญญาณกลับไม่สูญไปด้วย
แหล่งต้นกำเนิดโลกไม่สูญสลาย… วิญญาณก็ไม่สูญสลาย!
……
ใบเมฆาวายุหลบหนีอยู่ที่อีกทิศทางหนึ่ง ‘เสียฝาน’ ผู้เป็นหนึ่งในแขนซ้ายขวาของเขาก็หลบหนีอยู่ด้านหลังเสียฝานเช่นกัน พวกเขาต่างก็สังเกตดูตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่
มองดูเท้าใหญ่ข้างนั้นเคลื่อนลงมาจากชั้นเมฆ เหยียบจ้าวหิมะเหินจนตาย
“ต่อให้พรสวรรค์โดดเด่นจับตายิ่งกว่านี้ พลังยุทธ์ร้ายกาจยิ่งกว่านี้ ก็ต้องตายเช่นเดียวกัน” เสียฝานขบกราม นัยน์ตามีความบ้าคลั่ง “จ้าวหิมะเหินตายไปแล้ว อีกไม่นานคนอื่นๆ ทุกคนก็ต้องตายเช่นกัน ถึงเวลานั้นก็เป็นคราวของข้า เป็นคราวของใบเมฆาวายุแล้ว…”
“นอกเสียจาก…”
“นอกเสียจากว่ามีใครสามารถบรรลุไปถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้ บางทีอาจยังมีพลังชีวิตสักสายหนึ่งอยู่ก็เป็นได้” เสียฝานพึมพำ อย่างเช่นสายโลหิตตื่นรู้ต่อให้บรรลุ นั่นก็เป็นเพียงแค่เหยียบย่างสู่ระดับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง! อย่างเช่นเจ้าทะเลหุบเหวลึกในขณะนี้ ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์จะประสบกับการกดดันของค่ายกลผนึก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกา ภายใต้การเผชิญกับความกดดัน เกรงว่ายังคงสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ได้อยู่ดี
แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง ก็สามารถมีชีวิตรอดมาได้! อย่างน้อยการหลบหนีก็ดูเหมือนจะยิ่งสะดวก แต่ทุกส่วนของร่างกายเจ้าทะเลหุบเหวลึกมีโซ่ตรวนอยู่ ความเร็วได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล รวดเร็วกว่าเหล่าผู้บำเพ็ญเป็นอย่างมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกันกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงก็ไม่แน่ว่าความเร็วจะสามารถเทียบกันได้
“แต่การสำเร็จเป็นคละถิ่นจะง่ายดายถึงเพียงนี้หรือไร” เสียฝานพึมพำ
เขาก็มิได้มีสายโลหิตคละถิ่น ถ้าหากบรรลุ ก็ต้องใช้พลังทำลายกฎ ความหวังก็จะยิ่งเบาบางลงแล้ว
“ก็ไม่แน่หรอกนะ” เสียฝานก็ยังคงโอบกอดความหวังสุดท้ายเอาไว้
ผู้บำเพ็ญคนใดๆ ที่ไปถึงระดับขั้นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ต่างก็คาดหวังให้ตนสำเร็จเป็นคละถิ่นทั้งสิ้น
……
“น้องหิมะเหิน” ใบเมฆาวายุทอดถอนใจ
เขามีความภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง
ที่เมืองเมฆาแดง เขาก็มีความสัมพันธ์อันดีกับบรรพชนงูเก้าเศียร พวกเขาสองคนต่างก็สั่งสมระดับขั้นลึกล้ำมากพอ สำหรับอูเสี่ยวน่ะหรือ พลังยุทธ์ก็ใกล้เคียงกันกับพวกเขา แต่นั่นก็เพราะว่าสายโลหิตล้ำเลิศเกินไปเป็นเหตุ สำหรับการสั่งสมระดับขั้นนั้นกลับสู้สองท่านนี้มิได้
ในท้ายที่สุดบรรพชนงูเก้าเศียรก็อาศัยสายโลหิตของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเหนี่ยวนำเก้าสายโลหิต ตื่นรู้ขั้นสุดยอดและสำเร็จเป็นคละถิ่นในคราวเดียว และยังถึงกับสร้างเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตคละถิ่นขึ้นมาใหม่อีกด้วย
ใบเมฆาวายุให้ความเคารพนับถือบรรพชนงูเก้าเศียรเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็นับถือตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นเดียวกัน นี่คือผู้ที่เขาให้ความเคารพนับถือที่สุดในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญในตอนนี้
“วิถีวิญญาณประสบความสำเร็จเช่นนี้ แต่กลับยังคง… เฮ้อ ข้าก็ใกล้แล้วเช่นกันสินะ” ใบเมฆาวายุเอ่ยพึมพำ
จากนั้นเขาก็เสี่ยงชีวิตหลบหนีต่อไป
เจ้าทะเลหุบเหวลึกทำการผลาญสังหารไปทั่วทุกทิศ เพียงแต่ว่าเขาหลบหนีไปได้ไกลกว่าพอสมควร ถ่วงเวลาได้นานกว่าพอสมควรเท่านั้น บางทีอาจมีพลังชีวิตสายหนึ่งอยู่ก็เป็นได้กระมัง ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจยอมแพ้ได้
******
“จ้าวหิมะเหินเขาก็ดับสูญไปแล้วเช่นกัน” อูเสี่ยวมองอย่างเงียบๆ “พอแล้ว ไปเถิด ไปเถิด”
ทั่วทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ
มีแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถหนีเอาชีวิตรอดได้…อูเสี่ยว!
อูเสี่ยว เขาก็คือผู้ที่ล้ำเลิศที่สุดในบรรดาทายาทรุ่นหลังของเจ้าดินแดนผู้ยิ่งใหญ่ ทายาทสืบสายโลหิตรุ่นหลังของเจ้าดินแดน นึกอยากจะสำเร็จเป็นคละถิ่นก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน เขาออกมาหาประสบการณ์ตามลำพัง ท่านบรรพชนของเขา เจ้าดินแดนผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นได้จัดวางลูกไม้เอาไว้ในวิญญาณของเขาไว้ก่อนแล้ว เพียงแค่นึกคิดกระตุ้นครั้งหนึ่งก็สามารถห่อหุ้มวิญญาณให้หนีไปไกลได้อย่างรวดเร็วแล้ว
อ้างอิงจากที่ท่านบรรพชนพูด เพียงแค่มิได้ไปถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับเจ้าดินแดน ต่างก็สามารถหนีเอาชีวิตรอดไปได้ทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการเอาชีวิตรอดในท้ายที่สุด แต่หากไม่ถึงคราวสิ้นหวัง อูเสี่ยวก็ไม่อยากจะใช้ เพราะเมื่อใดที่ใช้แล้ววิญญาณก็จะถูกห่อหุ้มแล้วส่งไปหาท่านบรรพชน! สิ่งนี้สำหรับอูเสี่ยวแล้วก็เป็นความอัปยศอย่างหนึ่งเช่นกัน
“หมดหนทางแล้ว”
“พรึ่บ”
ความคิดวูบหนึ่ง
กระตุ้นในทันใด
ร่างกายของเขาแหลกสลายทันที วิญญาณก็ส่งเสียง ‘พรึ่บ’ แล้วกลายเป็นลำแสงสีขาวกระจ่างตาภายใต้การห่อหุ้ม กะพริบคราหนึ่งก็หายวับไปจากโลกแห่งนี้ในทันใด
“หืม”
เจ้าทะเลหุบเหวลึกที่กำลังเข่นฆ่าผู้บำเพ็ญสัมผัสได้ว่าภายในอาณาบริเวณที่กฎเกณฑ์ของตนห่อหุ้มเอาไว้ ถึงกับมีวิญญาณของผู้บำเพ็ญคนหนึ่งฝืนหลบหนีออกไปได้ ลำแสงสีขาวอันเฉียบคมสายนั้นทำให้เจ้าทะเลหุบเหวลึกตัวสั่นงันงก แน่นอนว่าพลังนั้นอย่างมากที่สุดก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าทะเลหุบเหวลึกหวาดหวั่นก็คือธรรมชาติของพลังนี้ต่างหาก
นั่นคือพลังของ ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับเจ้าดินแดน’ ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด นอกจากนี้ยังทำให้เขารู้สึกถึงความตื่นตระหนกอีกด้วย
เขารู้ดี
ในมิติคละถิ่นอันไร้ขีดจำกัด สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดขุดค้นสายโลหิตไปจนถึงขีดสุด ก็คือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับเจ้าดินแดน แต่ละตนอหังการหาใดเปรียบ มีฝีไม้ลายมืออันเหนือจินตนาการ ถึงขนาดที่มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับเจ้าดินแดนที่มีสายโลหิตกาลเวลาตนหนึ่งเคยถูกผู้บำเพ็ญเจ้าดินแดนผลาญสังหารมาก่อน แต่หายตัวไปเป็นระยะเวลายาวนานแล้วก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
พลังการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ท่านนั้นอยู่ล่างสุดของระดับเจ้าดินแดน แต่กลับสามารถฟื้นคืนชีพจากกาลมิติได้อย่างไม่หยุดหย่อน มิอาจสังหารได้ตลอดกาล
สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ‘ระดับเจ้าดินแดน’ ทุกท่าน แต่ละท่านต่างก็มีลูกไม้อันล้ำเลิศเป็นของตน พวกเขาก็สามารถต่อตีจนผู้บำเพ็ญเจ้าดินแดนบาดเจ็บสาหัสได้
แต่ทว่า…
เจ้าดินแดนแปดท่านของผู้บำเพ็ญ พลังยุทธ์กลับแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตระดับเจ้าดินแดนในหมู่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดอยู่ส่วนหนึ่ง พวกเขาแต่ละคนต่างก็ตระหนักรู้ธรรมชาติของพลังระดับสูงที่สุด ตระหนักรู้วิถีในนั้น บางทีพวกเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ แต่อยากจะสังหารพวกเขาอย่างนั้นหรือ การสังหาร‘ร่างแยกพลังรบหลัก’ ของพวกเขานั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาต่างก็มีร่างแยกอยู่ในโลกกำเนิดของตนด้วย เมื่ออาศัยอยู่ในโลกกำเนิดของตนเอง สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาล้วนแทบจะไร้ซึ่งศัตรู ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าดินแดนเลย
“นั่นคือพลังของเจ้าดินแดน! ผู้บำเพ็ญผู้นั้นได้รับความคุ้มครองจากเจ้าดินแดนท่านหนึ่งใช่หรือไม่” เจ้าทะเลหุบเหวลึกพึมพำ
“เฮอะ”
ทันใดนั้นเจ้าทะเลหุบเหวลึกก็ไม่คิดอะไรมากอีก ตอนนี้เขาถูกค่ายกลปิดผนึกกดดันเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะฝืนประคับประคองพลังยุทธ์ส่วนหนึ่งเอาไว้ แต่ก็ย่อมมิอาจสลัดโซ่ตรวนนี้ให้หลุดไป หรือหนีออกไปจากโลกกรงขังที่ปิดผนึกเอาไว้นี้ได้อยู่แล้ว ใช่แล้ว โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญนี้สำหรับเขาก็คือกรงขังขนาดใหญ่แห่งหนึ่งนั่นเอง
เขาก็ผลาญสังหารผู้บำเพ็ญเหล่านี้ต่อไปทีละก้าวๆ
******
แหล่งต้นกำเนิดโลกไม่แหลกสลาย วิญญาณก็ไม่แหลกสลาย
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง แหล่งต้นกำเนิดโลกของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญนี้ก็คล้ายกับกลุ่มแสงขนาดยักษ์อันหนึ่ง วิญญาณของตนก็แทรกซึมเข้าไปในนั้น
ถึงแม้ว่าร่างแยกดับสูญจนทำให้วิญญาณได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ฟื้นฟูขึ้นมาภายในพริบตาแล้ว
“วิถีโลกเทียม ในท้ายที่สุด…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำลังเคยชินเสียแล้ว
เพิ่งบรรลุ เขาก็จำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับพลังต่างๆ ของตนให้ดีๆ เพียงแต่เขาก็รู้ดีว่าขณะนี้ทุกเวลาทุกนาทีล้วนมีผู้บำเพ็ญจำนวนมากตายไปอย่างต่อเนื่อง เขาตั้งใจใช้เวลาคิดหาวิธี ดูว่าตนเองสามารถช่วยเหลือบรรดาผู้บำเพ็ญเหล่านั้นได้บ้างหรือไม่
“ทำอย่างไรจึงจะสามารถช่วยผู้คนจากศัตรูที่เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาต่อหน้าต่อตาได้กันหนอ” ตงป๋อเสวี่ยอิงทำความคุ้นเคยกับเคล็ดวิชาของตน ไม่ว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าวิถีเขตลวงโลกเทียมจะไปถึงขั้นสุดยอดแล้วก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังมิได้สำเร็จเป็นคละถิ่นอยู่ดี แล้วจะช่วยเหลือผู้คนได้อย่างไรกันเล่า
เขาคิดใคร่ครวญ
ขัดเกลาวิถีเขตลวงโลกเทียมของตน ใคร่ครวญการใช้งาน ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’
“หืม” ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เผยสีหน้ายินดี
“หลังจากที่แทรกซึมเข้าสู่แหล่งต้นกำเนิดโลกแล้วก็มีข้อดีเช่นนี้อยู่ด้วยหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกได้ว่าเขาถึงกับสามารถเคลื่อนย้ายพลังของโลกที่แผ่กระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญนี้ได้! ซึ่งก็คือพลังของแหล่งต้นกำเนิดโลก สามารถเคลื่อนย้ายได้เป็นบางส่วน! ว่ากันว่า… การหลอมแปรแหล่งต้นกำเนิดโลกของโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง กลายเป็นเจ้าผู้ครองของโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง เช่นนั้นก็จะสามารถควบคุมพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกกำเนิดทั้งโลกได้
ถึงแม้ว่าตนเองจะสามารถเคลื่อนย้ายพื้นฐานได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น แต่กลับสามารถเคลื่อนย้ายพลังแห่งโลกาที่กระจายอยู่ภายนอกได้ทั้งหมด
เสียดายก็แต่ว่านี่เป็นเพียงแค่โลกขนาดค่อนข้างเล็กแห่งหนึ่งเท่านั้น ยังห่างชั้นกับโลกกำเนิดอยู่มากนัก
“แทรกเข้าสู่แหล่งต้นกำเนิดโลกนั่นน่ะหรือ ถึงแม้ว่าจะมิอาจเทียบได้กับการหลอมแปรแหล่งต้นกำเนิดโลก กลายเป็นผู้ครองโลก แต่ก็สามารถเคลื่อนย้ายพลังบางส่วนได้แล้ว” ในใจตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นยิ่งนัก ตนมิอาจนับได้ว่าเป็นผู้ครองของโลกแห่งหนึ่ง แต่ก็สามารถนับได้ว่าเป็น ‘เทวทูตของโลก’ แล้ว
“มีหนทางช่วยได้แล้ว!”
พรึ่บ
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนไหวในทันใด จะต้องอาศัยความเร็วสูงสุดไปช่วยเหลือผู้คน
……………………………