อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1026 ตะลึงงัน
มุมปากของกู้ชูหน่วนขยับ ในใจมีคำพูดนับพันนับหมื่น แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นคำพูดประโยคหนึ่ง “ดูสิเจ้าฝืนอย่างนี้ ต้องทิ้งชีวิตอีกแล้วกระมัง ข้าจะดูสิว่าคราวนี้ยังมีใครช่วยเจ้าได้อีก”

นางเอ่ยพลางตรวจชีพจรเขา

ต้องพูดเลยว่าฝ่ามือนี้ของเย่จิ่งหานร้ายกาจมาก ต่อให้เซียวหยู่เซวียนมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงไรก็ทัดทานไม่อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขากำลังบาดเจ็บหนัก

ชีพจรของเขาเบาไร้กำลัง อวัยวะภายในสาหัส กว่าจะรักษาชีวิตของเขาไว้ได้ เกรงว่าครั้งนี้ต้องวิกฤตอีกแล้ว

คราวก่อนได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีช่วยชีวิตเขา

คราวนี้ล่ะ?

จะช่วยอย่างไร?

ทันใดนั้น ในหัวนางก็ปรากฏดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี

กู้ชูหน่วนตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีกลับมาให้ได้

หัวใจกู้ชูหน่วนชุลมุนวุ่นวาย แต่เซียวหยู่เซวียนกลับยิ่งกว่า

คันฉ่องหงส์เสียไปแล้ว

เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่ายังมีวิธีใดที่จะทำให้ยัยขี้เหร่ฟื้นคืนชีพได้อีก

หรือว่า…

นางถูกลิขิตให้ต้องดับสูญไปอย่างนี้หรือ?

ครั้นมองหญิงตรงหน้าที่คล้ายกู้ชูหน่วนอีกครั้ง เซียวหยู่เซวียนก็ถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก

จู่ๆ อวัยวะก็พลุ่งพล่าน เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่งก่อนจะหมดสติไป

“เจ้าเสือน้อย เจ้าเฝ้าเซียวหยู่เซวียนเอาไว้นะ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”

“นายหญิง ท่านจะไปไหนอีก?”

“ไปเอายาศักดิ์สิทธิ์”

ยาศักดิ์สิทธิ์?

ยาศักดิ์สิทธิ์อะไร?

บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ยังจะรักษาอีก?

หรือว่าที่นี่ยังมีดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีอีก?

ไม่ ที่นี่มีดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีแค่ดอกเดียว

หรือนายหญิงคิดจะไปชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี?

เจ้าเสือน้อยร้อนรน

รีบซุกซ่อนเซียวหยู่เซวียนที่ไม่ได้สติให้มิดชิด ส่วนตัวเองก็เดินกะเผลกตามกู้ชูหน่วนออกไป

ตรงหน้าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี

มนุษย์ทั้งหลายกับสัตว์อสูรระดับสูงต่อสู้โรมรันถึงขีดสุดแล้ว

ถึงจะมีส่วนหนึ่งตามขวานผานกู่ไป แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีให้หลุดลอย

โลหิตนองพื้นเป็นสายนที ซากศพกองเป็นภูเขาเลากา

ครั้นกู้ชูหน่วนไปถึง ก็ถูกสัตว์อสูรระดับสูงเข้าล้อมโจมตี

ทุกคนต่างกำลังแย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี ไหนเลยจะสนใจนาง

มีเพียงพวกหนิงเทียนโย่วกับองค์ชายหยางโม่ที่ช่วยเหลือบ้าง

แต่ความสามารถของพวกเขามีขีดจำกัด จะสู้สัตว์อสูรระดับสูงมากมายอย่างนั้นได้อย่างไร

กลัวแต่เสียงคำรามของพยัคฆ์

ที่ไกลๆ มีพยัคฆ์มหึมากำลังวิ่งมาตัวหนึ่ง ฝีเท้าตะกุยฝุ่นคลุ้ง

พยัคฆ์สูงกว่าคน ตรงกลางหน้าผากมีเปลวเพลิงสีแดงเพลิงดวงหนึ่ง

พอมันมาก็เตะสัตว์อสูรระดับสามสองสามตัวกระเด็น ครั้นตะปบกรงเล็บออกไป ก็มีสัตว์อสูรสองสามตัวถูกกดตายทันที

“โฮก…”

พยัคฆ์ทรงศักดาพิโรธ

ศิลาทรายบิน

ทุกคนต่างตกตะลึงมองพยัคฆ์ตัวนั้น

เจ้าเสือน้อยแสดงศักดา สัตว์อสูรทั้งหลายพากันสั่นพั่บๆ บางตัวถึงขั้นว่าอดลงไปกองกับพื้นไม่ได้

นี่คือความน่าเกรงขามของเจ้าแห่งพนาวัลย์

และเป็นความน่าเกรงขามของเผ่าพันธุ์ด้วย

เจ้าสำนักต่างและเจ้าบ้านทั้งหมดต่างตกตะลึง

“พยัคฆ์ดำโบราณ…”

“พยัคฆ์ดำโบราณเชียวหรือ มิใช่ว่าสูญพันธุ์ไปแล้วหรือ? นี้เป็นสัตว์วิเศษเชียวนะ”

“ก็นั่นน่ะะสิ ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นลูกเสือเท่านั้น แต่กลับมีความน่าเกรงขามปานนี้ ถ้ารอให้มันโต กำลังไม่ใช่ต้องมากกว่าระดับเจ็ดหรือ?”

การปรากฏตัวของเจ้าเสือน้อยทำให้คนจำนวนมากล้มเลิกการหมายตาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี

แต่หมายตาเจ้าเสือน้อยมากกว่า

หากทำพันธสัญญากับมันได้…

นี่แทบไม่กล้าคิดเลยว่าสำนักพวกเขาจะรุ่งโรจน์เพียงใด

ทว่าไม่นาน ก็มีนักฝึกสัตว์เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ

“ไม่ถูก มันถูกคนทำพันธสัญญาด้วยแล้ว”

ถูกพันธสัญญาด้วยแล้ว?

ใครกันทีเก่งกาจเพียงนี้ ถึงกับทำพันธสัญญากับพยัคฆ์ดำโบราณได้?

ไม่ใช่ว่าควบคุมนิสัยพยัคฆ์ดำโบราณยากมากหรือ?

หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับหกขั้นสูงที่ทำพันธสัญญากับมัน?

เจ้าเสือน้อยคำรามขับสัตว์อสูรทั้งหลายให้ถอยไป พวกมันตกในจนสั่นพั่บๆ จากนั้นก็เข้าหาออดอ้อนกู้ชูหน่วน ราวกับอยากให้กู้ชูหน่วนอภัยที่ทิ้งเซียวหยู่เซวียนอีกครั้ง

ทุกคนตะลึงงันอีกครั้ง

คงไม่ใช่ว่ากู้ชูหน่วนก็คือเจ้านายของพยัคฆ์ดำโบราณกระมัง?

นางแค่ระดับสองเองไม่ใช่หรือ?

นางสยบพยัคฆ์ดำโบราณได้อย่างไร?