บทที่ 812 เตรียมเดินทางไปหาครอบครัว

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

อุลบาพยายามโจมตีเกาหยูด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีและสามารถใช้ได้โดยที่เกาหยูเองก็นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่โต้ตอบอะไรกลับไปเลย ซึ่งผลลัพธ์ก็คือร่างของเกาหยูไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

หลังจากนั้นก็ถึงตาของหลูหลิงและจิ๋นชานที่ประลองกับอุลบา

แน่นอนว่าเมื่ออุลบาเจอกับพิษของหลูหลิง ร่างกายของเขาที่เขาคิดว่ามันไร้เทียมทานก็กลายเป็นหมดความหมายไม่สามารถต้านทานอะไรกับพิษได้เลย ส่วนการประลองกับจิ๋นชานก็จบลงที่เขาถูกลากเข้าไปในห้วงความฝันของจิ๋นชาน จากนั้นจิ๋นชานก็ยำเขาในฝันจนยับเยินแล้วค่อยปลุกให้เขาตื่น

ในความเป็นจริง หลิงยู่ชานนั้นจงใจคัดเลือกเหล่าผู้คนที่มีความสามารถที่ได้เปรียบต่ออุลบาให้มาประลอง ดังนั้นอุลบาจึงไม่มีหวังที่จะชนะได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

หลังจากการประลองทั้งหมดจบสิ้น ทัศนคติของอุลบาก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที ซึ่งมันทำให้เขาสามารถบ่มเพาะได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้นเพราะเขาได้รู้แล้วว่านอกเหนือจากอาจารย์ของเขามันก็ยังมีมนุษย์คนอื่น ๆ ที่ยังแข็งแกร่งอยู่ แถมคนเหล่านั้นก็อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ดังนั้นต่อไปนี้การที่เขาอยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าอึดอัดใจอีกต่อไป

อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากเตรียมการอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็สามารถเริ่มวางมหาค่ายกลให้กับอาณาเขตนภาได้

มหาค่ายกลระดับศักดิ์สิทธิ์นี้จะครอบคลุมพื้นที่ของอาณาเขตนภาทั้งหมดทุกตารางนิ้ว ซึ่งหลิงตู้ฉิงใช้หม้อเอกภพของเหลียงเฟ่ยเอ๋อเป็นแกนหลักของมหาค่ายกลนี้ที่เขาสร้างขึ้น

ถึงแม้ว่าหม้อเอกภพนั้นจะเป็นสมบัติที่ยังอยู่ในระดับสวรรค์ แต่ด้วยพลังของมัน มันจึงเหมาะที่จะนำมาใช้เป็นแกนหลักของค่ายกล เพราะเมื่อไหร่ที่หม้อเอกภพแตะลงพื้นดิน มันสามารถยืมพลังจากโลกมาใช้ได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น!..

หลังจากติดตั้งมหาค่ายกลเสร็จแล้ว หลิงตู้ฉิงก็สอนวิธีการควบคุมมันให้กับหลิงยี่เทียนในทันที “ด้วยมหาค่ายกลนี้ อาณาเขตนภาทั้งหมดจะปลอดภัยหายห่วง”

อันที่จริงด้วยง้าวเทวะพินาศดำรงอยู่ที่นี่ หลิงตู้ฉิงเองก็ไม่ได้ห่วงอะไรมากเช่นกัน

แต่ด้วยนิสัยจอมขี้เกียจของเจ้าหมานั่นที่เอาแต่นอนในคฤหาสน์สราญรมย์เพียงอย่างเดียว ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องหาตัวช่วยอย่างอื่นมาเสริม

“ท่านพ่อ นี่ท่านจะออกไปข้างนอกอีกแล้วใช่ไหม?” หลิงยี่เทียนถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “พ่อคงหยุดเดินทางไม่ได้ง่าย ๆ หรอก เพราะมันยังมีสิ่งที่พ่อจำเป็นต้องทำอีกมากมาย และมันยังมีเรื่องราวหลายอย่างที่พ่อต้องสะสาง ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของพ่อก้าวมาถึงระดับสวรรค์สามัญแล้ว และนับจากนี้มันจะยิ่งพัฒนาเร็วขึ้นกว่าเดิมซะอีก พ่อจำเป็นต้องจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดก่อนที่พ่อจะหมดเวลาและต้องขึ้นไปอยู่บนโลกเบื้องบน”

“รอบนี้สถานที่ต่อไปที่พ่อจะเดินทางไปก็คือภูมิภาคซ่งหยวนเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของพ่อ หลังจากนั้นพวกเราค่อยไปเจอกันใหม่อีกทีที่สำนักเที่ยงธรรมเพื่อที่พวกเราจะได้ไปช่วยครูถังบรรลุความฝันของนางให้เป็นจริง”

หลิงยี่เทียนพยักหน้า “เมื่อข้าเสร็จธุระข้าจะเดินทางไปพร้อมกับพี่สี่!”

“เอาล่ะ พ่อบอกทุกสิ่งที่เจ้าควรรู้ไปหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าก็จงไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ เดี๋ยวพ่อจะต้องไปคุยกับคนอื่น ๆ ต่ออีก” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น

จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงเดินไปหาคนอื่น ๆ ต่อเพื่อพูดคุย

หลิงตู้ฉิงพูดเข้าประเด็นกับคนอื่น ๆ ที่เขาเดินไปหาทันที “ครั้งนี้ที่ข้าเดินทางไปภูมิภาคซ่งหยวนก็เพราะข้าต้องจัดการเรื่องเกี่ยวกับตระกูลที่ให้กำเนิดข้าเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ อันที่จริงข้าคือคนที่เกิดในภูมิภาคซ่งหยวน ซึ่งมีน้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้ หลังจากที่ข้าเดินทางออกจากตระกูลของข้าเมื่อชีวิตที่แล้ว ข้าก็ไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลยและพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะตามหาข้าด้วยและข้าก็ไม่เคยใส่ใจในความเป็นอยู่ของพวกเขา แต่ชีวิตนี้ข้าได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงจำเป็นต้องไปทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง”

จ้าวเหมิงลู่หัวเราะ “สามี ปกติท่านเองก็ออกเดินทางเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นท่านไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกว่าท่านจะไปทำอะไรที่ไหนเพื่ออะไร พวกเราเข้าใจท่านดีว่าท่านมีความจำเป็นของท่าน แต่สิ่งที่พวกเราอยากรู้ก็คือครั้งนี้ท่านจะพาใครไปด้วยบ้าง?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “รอบนี้ข้าคงจะไม่พาใครไปเลย เพราะข้าเองก็ยืนยันไม่ได้ว่าตระกูลเดิมของข้าจะยังคงอาศัยอยู่ที่เดิมรึเปล่า หรือถ้าหากว่าพวกเขายังอยู่ที่เดิมกันจริง ๆ ข้าเองก็ยังไม่อยากจะให้ใครรู้ว่าพวกเขานั้นมีความเกี่ยวข้องกับข้ายังไง ซึ่งการที่ข้าพาพวกเจ้าไปด้วยนั้นมันจะยิ่งถูกจับตามอง หากมีใครสืบรู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นญาติของข้า ชีวิตของพวกเขาคงจะต้องตกอยู่ในอันตราย”

“ถ้างั้นข้าคิดว่าอย่างน้อย ๆ ท่านก็ควรพาหมิงยู่ไปด้วย” จ้าวเหมิงลู่เสนอแนะ

มี่ไลส่ายหัวทันทีและพูดว่า “มันจะปลอดภัยกว่าหากสามีไปแค่คนเดียว!”

นางสามารถบอกได้ว่าในตอนนี้เมื่อหลิงตู้ฉิงอยู่ในระดับสวรรค์สามัญแล้ว พลังของหมิงยู่ที่อยู่ในระดับสวรรค์สมบูรณ์นั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พวกเจ้าไม่ต้องเถียงกัน ไม่ว่าจะยังไงครั้งนี้ข้าจะไม่พาใครไปเลย ด้วยระดับการบ่มเพาะของข้าตอนนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้พลังของหมิงยู่อีกแล้ว”

จากนั้นเขาก็ร่ำลาคนในครอบครัวของเขาทุกคน แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะออกเดินทาง เขาก็ได้เห็นอุลบามายืนรอส่งเขา “ลูกศิษย์ของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าใกล้จะสร้างอาณาเขตสวรรค์ของตัวเองได้สำเร็จแล้ว เมื่อไหร่ที่เจ้าทะลวงระดับไปถึงระดับสวรรค์สามัญ เจ้าจะได้รับอนุญาตให้กลับไปที่เขตแดนอุดรทมิฬได้หากเจ้าต้องการหรือว่าเจ้าจะอยู่ฝึกฝนต่อที่นี่ก็ได้”

“ข้าขออยู่ที่นี่ต่อดีกว่าท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้พี่ยู่ชานสอนข้าในสิ่งต่าง ๆ มากมาย ซึ่งมันทำให้ข้าก้าวหน้าขึ้นรวดเร็วกว่าเดิมมาก ดังนั้นข้าคิดว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!” อุลบาตอบกลับ

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ถ้าเจ้ามีเวลาว่าง เจ้าก็ประลองแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนอื่นบ่อย ๆ ผู้คนที่อยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ของข้าล้วนแล้วแต่มีความสามารถเหนือคนทั่วไปในระดับเดียวกันทั้งหมด ยิ่งเจ้าประลองกับพวกเขามากเท่าไหร่ เจ้าก็จะยิ่งเก่งขึ้นมากเท่านั้น ก่อนที่เจ้าจะขึ้นไปถึงขอบเขตราชันข้าจะอนุโลมให้เจ้าสามารถแพ้ได้ แต่หลังจากนั้นต่อให้เจ้าจะเอาชนะคนอื่น ๆ ไม่ได้ เจ้าก็ห้ามแพ้พวกเขาเด็ดขาด!”

“ศิษย์รับทราบ!” อุลบาโค้งคำนับ

หลังจากคุยกับอุลบาเสร็จ เมื่อหลิงตู้ฉิงเดินไปอีกหน่อยเขาก็เห็นตงฟางจุนกำลังยืนรอเขาอยู่ ซึ่งเขาเองก็ถามขึ้นว่า “ไอ้หนู นี่เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่มาตลอดเลยงั้นเหรอ?”

ตงฟางจุนหัวเราะ “ก็ท่านผู้อาวุโสทำให้ข้าอับจนหนทางซะขนาดนี้ ข้าจะไปไหนได้ วันนี้ที่ข้ามาหาท่านก็เพราะข้าอยากได้คำอิบายจากท่านบ้าง!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะพร้อมกับวางมือที่ไหล่ของตงฟางจุน และพูดว่า “อันที่จริงข้าคือมหาปีศาจในตำนานที่ไม่มีใครกล้าพูดถึงเมื่อหลายหมื่นปีก่อน และเป็นเจ้านายของเทพกระบี่กับผีเสื้อ! ส่วนเจ้า ข้าเห็นว่าเจ้านั้นมีพรสวรรค์ทางด้านกระบี่ที่หาตัวจับได้ยาก ดังนั้นข้าจึงทำให้ร่างของเจ้ากลายเป็นร่างกระบี่และถ่ายทอดวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ให้เพื่อที่ข้าจะได้แต่งตั้งให้เจ้าเป็นเทพกระบี่คนต่อไป เอาล่ะตอนนี้ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นเทพกระบี่แห่งยุคนี้!”

“นับจากนี้จงตั้งใจฝึกฝนให้ดี ข้าหวังว่าครั้งหน้าที่เราเจอกัน เจ้าจะมีความแข็งแกร่งพอที่จะสามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับข้าได้เหมือนเช่นเทพกระบี่ในอดีต ไม่ถูกไล่ล่าไปทุกหนทุกแห่งแบบนี้ เจ้านั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำกว่าคนมากมาย สิ่งที่เจ้าขาดก็มีเพียงแค่อย่างเดียวซึ่งก็คือความกล้า ตอนนี้เจ้ามีข้าเป็นคนหนุนหลังแล้ว ข้าคิดว่าต่อไปนี้เจ้าคงมีความกล้าเพิ่มมากขึ้นบ้างจริงไหม?”

หลิงตู้ฉิงไม่รอคำตอบอะไรจากตงฟางจุนทั้งนั้น เขาตะโกนเรียกหมิงยู่ทันที “หมิงยู่ ไปกับข้า ข้าจะพาเจ้าไปที่สำนักของเจ้า!”

หมิงยู่ตอบรับด้วยรอยยิ้มเบิกบานทันที จากนั้นนางก็หลอมรวมร่างของนางเข้ากับหลิงตู้ฉิง และทั้งคู่ก็บินออกไปจากอาณาเขตนภา

ส่วนทางด้านของตงฟางจุน หลังจากได้สติคืนจากอาการตกตะลึง เขาก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าเขาถูกปลดปล่อยจากอะไรบางอย่าง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เริ่มเหี้ยมเกรียมขึ้นราวกับกลายเป็นคนละคน!

นับจากนี้ข้าไม่ต้องทนให้ไอ้พวกสารเลวนั่นไล่ฆ่าข้าอีกแล้ว!