ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 56 สำเร็จขั้นคละถิ่นในที่สุด (1)

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ผลสำเร็จทางด้านวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงก่อนหน้านี้ก็ล้ำเลิศเหนือใครในมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดอยู่แล้ว บัดนี้วิถีเขตลวงโลกเทียมก็บรรลุขั้นสุดยอด! ทั้งยังเป็นคนแรกในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่ฝึกฝนวิถีทางด้านวิญญาณจนถึงขั้นสุดยอดอีกด้วย!

ไม่ว่าจะเป็นวิถีสายใด เมื่อบรรลุขั้นสุดยอดแล้วก็จะมีกลเม็ดต่างๆ มากมาย ผู้ตระหนักวิถีขั้นสุดยอดทั่วๆ ไปก็เช่นสามารถเก็บงำกลิ่นอายได้อย่างสิ้นเชิง ซ่อนเร้นเหตุปัจจัยได้ วิธีการหลบหนีต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นต้น

แต่วิถีทางด้านวิญญาณ…

บรรลุขั้นสุดยอด กลับไม่เคยมีมาก่อนเลย!

ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นคนแรก เมื่อบรรลุ วิญญาณของเขาก็หลอมรวมเข้ากับแหล่งต้นกำเนิดโลกได้อย่างง่ายดาย หากแหล่งต้นกำเนิดโลกไม่ดับสลาย วิญญาณของเขาก็ไม่ดับสลาย เพียงชั่วความคิดเดียวก็สามารถสร้างกายหยาบขึ้นมาได้ทั่วทุกแห่งหนในโลกนี้! และปรับเปลี่ยนพลังแหล่งต้นกำเนิดบางส่วนเข้าสู่ร่างกาย เมื่อขยับไม้ขยับมือก็ยังสามารปรับเปลี่ยนพลังโลกาของโลกทั้งใบได้อีกด้วย พลังรบพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

พลังของเขาขึ้นอยู่กับโลก

ยิ่งโลกแข็งแกร่งเท่าไหร่ พลังที่เขาสำแดงออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น! และนี่ก็เป็นส่วนที่ร้ายกาจเพียงส่วนหนึ่งในเส้นทางวิญญาณที่บรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้วเท่านั้น ยังมีอีกหลายด้านที่ยังไม่มีเวลาพอจะค้นคว้า เนื่องจากตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะบรรลุก็มาช่วยเหลือผู้คนทันที

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกยาวไว้ในมือข้างหนึ่ง หอกยาวก็เกิดจากพละกำลังแหล่งต้นกำเนิดโลกรวมตัวกัน เหนือผิวยังมีพลังโลกาปกคลุมอยู่ อานุภาพแข็งแกร่งเป็นอันมาก

มืออีกข้างหนึ่งคว้าตัวผู้บำเพ็ญคนแล้วคนเล่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง!

เขาควบคุมพลังโลกาให้ห่อหุ้มผู้บำเพ็ญแต่ละคนเอาไว้ ทำให้ความเร็วในการหลบหนีของพวกเขานับหมื่นคนเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก อีกด้านหนึ่งก็พยายามคว้าผู้บำเพ็ญแต่ละคนมาไว้ในมือ! มิให้ถูกเจ้าทะเลหุบเหวลึกเหยียบตายได้

“สมควรตาย”

เจ้าทะเลหุบเหวลึกโมโหจนแทบคลั่ง

เขาจะไปสังหารผู้บำเพ็ญให้ตาย แต่ความเร็วของจ้าวหิมะเหินผู้นี้กลับรวดเร็วกว่าเขามาก จึงสามารถช่วยเหลือผู้คนไปได้อย่างง่ายดาย

ต่อให้เขาสำแดงรยางค์ออกมามากมายตามอำเภอใจ หมายจะไปสังหารผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ…จ้าวหิมะเหินผู้นี้ก็สามารถเร่งมาช่วยเหลือได้ทันที

“ฟิ้วๆๆ…” นับตั้งแต่ตงป๋อเสวี่ยอิงระมัดระวัง รักษาระยะห่างกับเจ้าทะเลหุบเหวลึกมิให้ห่างเกินไปเป็นต้นมา เขาก็พอจะสามารถช่วยเหลือผู้คนต่อหน้าต่อตาเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้แล้ว

“ถ้าแน่จริงก็มาสู้กับข้าสักตั้งสิ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “อย่าเอาแต่หนีอย่างเดียว มาสู้กับข้าสักตั้ง! แน่จริงก็มาสิ!”

ฟิ้ว

เขากวัดแกว่งรยางค์ เงาร่างของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นั้นก็เลือนรางไป รยางค์มิอาจแตะต้องได้เลย

รวดเร็วเกินไปแล้ว!

“สมควรตาย สมควรตายนัก ไอ้โซ่ตรวนค่ายกลนี่” รยางค์ทั้งหมดของเจ้าทะเลหุบเหวลึกกำลังกวัดแกว่ง โซ่ตรวนตรงแน่วหลายเส้นก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายเขา ทำให้พลังของเจ้าทะเลหุบเหวลึกลดลงอย่างรวดเร็วก็แล้วไปเถิด ที่ส่งผลกระทบมากที่สุดก็คือความเร็ว! ความเร็วของเขา…เกรงว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงหน้าใหม่คนหนึ่งก็สามารถสู้เขาได้แล้ว

น่าเศร้านัก

มองดูเงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยเหลือผู้คนได้อย่างง่ายดายราวภูตผีปิศาจ ตนไล่ตามอยู่ด้านหลังราวคนตาบอด มิอาจสังหารผู้ใดได้เลย

“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน” เจ้าทะเลหุบเหวลึกมิอาจเข้าใจได้

……

เนื่องจากมีพลังโลกาโอบล้อมผู้บำเพ็ญทั้งหลาย ทำให้ความเร็วในการหลบหนีของพวกเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็เริ่มมีผู้บำเพ็ญบางส่วนหนีออกจากขอบเขตบริเวณกฎเกณฑ์ของเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้แล้ว

เมื่อเพิ่งออกจากขอบเขตบริเวณกฎเกณฑ์

สวบๆๆ…

ผู้บำเพ็ญแต่ละคนก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย

ตงป๋อเสวี่ยอิงกวาดตามองไปลิบๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย เป็นเขาที่ควบคุมพลังโลกาเคลื่อนย้ายผู้บำเพ็ญเหล่านั้นไปเอง! แม้เมื่อมีกฎเกณฑ์ของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญนี้กดดันเอาไว้จะมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ แต่การกดดันนั้นมีสำหรับคนภายนอกเท่านั้น หากเป็นเจ้าของโลกย่อมมิได้รับผลกระทบใดๆ เทวทูตโลกาอย่างเขาสามารถปรับเปลี่ยนพลังแหล่งต้นกำเนิดบางส่วนได้ จึงสามารถทำถึงขั้นนี้ได้อย่างง่ายดาย

“เอ๊ะ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็สังเกตเห็นแล้วว่าเหล่าผู้บำเพ็ญที่หนีออกจากขอบเขตบริเวณกฎเกณฑ์ของเขานั้นหายวับไปกับความว่างเปล่า

“หนีไปแล้วหรือ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกรีบเคลื่อนที่ หมายจะใช้บริเวณกฎเกณฑ์ปกคลุมผู้บำเพ็ญทั้งหลายเอาไว้

แต่กระนั้น เหล่าผู้บำเพ็ญก็หนีไปทั่วทุกทิศทุกทาง

เขาเข้าไปใกล้ฝั่งหนึ่ง ผู้บำเพ็ญฝั่งอื่นๆ ก็สามารถหนีจากขอบเขตบริเวณกฎเกณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว

“สวบๆๆ…” ผู้บำเพ็ญออกจากบริเวณกฎเกณฑ์อย่างต่อเนื่อง แต่ละคนถูกเคลื่อนย้ายไป เจ้าทะเลหุบเหวลึกไม่มีวิธีอื่นใดอีก บริเวณกฎเกณฑ์ของเขาปะทะกับกฎเกณฑ์ของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญและกดดันซึ่งกันและกัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงคงบริเวณใหญ่โตเช่นนั้นเอาไว้

ตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยเหลือผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้บำเพ็ญที่เขาคว้าเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวมีเกือบสองพันคน ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ล้วนถูกพลังโลกาห่อหุ้มเอาไว้ หลังหนีออกจากบริเวณกฎเกณฑ์แล้ว ก็ถูกเคลื่อนย้ายส่งออกไปทันที

“คนสุดท้าย” ตงป๋อเสวี่ยอิงคว้าตัวคนสุดท้ายขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว มองดูเจ้าทะเลหุบเหวลึกซึ่งอยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง เขาโกรธเกรี้ยวหาใดเปรียบจนถึงขั้นหยุดลงไม่ไล่ตามอีกต่อไป

“อีกประเดี๋ยวค่อยมาหาเจ้า” จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็กลายเป็นลำแสงทะยานออกไปไกลอย่างรวดเร็ว

เขาบินทะยานสุดกำลัง ความเร็วของเขาเร็วขึ้นมากทีเดียว

ขณะเดียวกับที่บินออกจากบริเวณกฎเกณฑ์ของเจ้าทะเลหุบเหวลึก ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เคลื่อนที่ในพริบตาหายวับไปทันที

******

เมื่อปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็อยู่ตรงหน้าวังโบราณแห่งหนึ่ง วังแห่งนี้ตั้งอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว มิติรอบด้านบิดเบี้ยวไปหมด

ที่นี่ก็คือ ‘ตำหนักชี้นำ’ ซึ่งเป็นสถานที่เร้นลับที่สุดในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ

ผู้บำเพ็ญแต่ละคนที่ถูกส่งมาที่นี่ ล้วนมายังตำหนักชี้นำทั้งสิ้น จากนั้นตำหนักชี้นำก็ส่งพวกเขามุ่งหน้าไปยังห้าสถานที่รวมตัว! แต่หลังจากออกไปแล้ว แม้พวกเขาจะออกตามหาทั่วทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ แต่กลับหาตำหนักชี้นำแห่งนี้ไม่พบเลย

ยามนี้

รอบตำหนักชี้นำกลับมีผู้บำเพ็ญอยู่คึกคักไปหมด

“ตำหนักชี้นำ”

“พวกเรามาถึงตำหนักชี้นำหรือนี่”

ผู้บำเพ็ญทั้งหลายมองดูรอบด้านแล้วก็อดตกตะลึงมิได้

“เป็นจ้าวหิมะเหินที่ส่งพวกเรามาหรือ มิได้บอกว่าภายในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้หรือ แล้วพวกเราถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ได้อย่างไรกันเล่า”

“ที่แท้แล้วตอนนี้จ้าวหิมะเหินมีพลังเพียงไหนกันแน่”

“ร้ายกาจเกินไปแล้ว สามารถประมือกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาได้ซึ่งหน้าเชียวหรือ ต่อให้พลังลดลงเป็นอย่างมาก นี่ก็แข็งแกร่งเกินไปแล้ว เกรงว่าบรรพชนงูเก้าเศียรที่บรรลุถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงแล้วก็คงมิอาจต้านทานซึ่งหน้าได้กระมัง”

แต่ละคนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา

ได้เห็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาถือกำเนิดและถูกล่าสังหาร บัดนี้หนีรอดจากความตายได้…พวกเขาแต่ละคนก็ใจสะท้านไปหมด ขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อที่สุดก็คือจ้าวหิมะเหิน! พวกเขามองเห็นจ้าวหิมะเหินถูกเหยียบตายต่อหน้าต่อตา แต่หลังจากนั้นกลับรอดชีวิตแล้วหรือ ทั้งยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“พลังของจ้าวหิมะเหิน พวกเราคงไม่เข้าใจแล้วล่ะ”

“พลังของเขาต้องก้าวหน้าไปมากแน่นอน! หากพวกเราสามารถสำเร็จขั้นคละถิ่นได้ อาจจะพอเข้าใจได้บ้างเล็กน้อย” ผู้บำเพ็ญเหล่านี้สนทนากัน

พวกเขากลับไม่รู้ว่า ต่อให้พวกเขาสำเร็จขั้นคละถิ่น ก็คงจะไม

ฟิ้ว…

ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวร่างสูงตระหง่านถึงแปดพันลี้ปรากฏขึ้นด้านข้าง มือซ้ายคลายออกเบาๆ เหนือพื้นดิน ผู้บำเพ็ญเกือบสองพันคนกลางฝ่ามือมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง จากนั้นก็พากันโค้งคำนับตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความซาบซึ้ง

“ขอบคุณจ้าวหิมะเหินที่ช่วยชีวิตพวกข้าเอาไว้”

“ขอบคุณจ้าวหิมะเหินที่ช่วยชีวิต”

พวกเขาพร่ำพูด

แม้แต่ผู้บำเพ็ญนับหมื่นที่ถูกเคลื่อนย้ายมาก่อนหน้านี้ก็พากันโค้งคำนับอย่างซาบซึ้ง จากนั้นผู้บำเพ็ญเกือบสองพันคนก็เดินออกมาจากกลางฝ่ามือของตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงเก็บฝ่ามือกลับมา ร่างกายก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วจนเท่าขนาดปกติ ใกล้เคียงกับเหล่าผู้บำเพ็ญรอบกาย

ฟิ้ว

บุรุษชุดดำร่างผอมสูงปรากฏกายขึ้น มองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

“เจ้าสำเร็จขั้นคละถิ่นแล้วหรือ” บุรุษชุดดำร่างผอมสูงถามขึ้นอย่างอดมิได้

“ยังหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว

บุรุษชุดดำร่างผอมสูงผิดหวังเล็กน้อย และออกจะงุนงงอยู่บ้าง

“ข้าส่งผู้บำเพ็ญทั้งหมดมาที่นี่แล้ว ท่านสามารถส่งพวกเขาจากไปได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย

“วางใจเถิด เป็นหน้าที่ข้าแล้ว” บุรุษชุดดำร่างผอมสูงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ มาถึงตำหนักชี้นำแล้ว บัดนี้เขามั่นใจเต็มเปี่ยม

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ “ข้าจะไปพบเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นั้นเสียหน่อย”

“ระวังด้วย” บุรุษชุดดำร่างผอมสูงเตือนจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ยังเข้าใจว่า พลังที่จ้าวหิมะเหินผู้นี้สำแดงออกมานั้นเป็นของแท้ จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในมิติคละถิ่นอันไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน “ถึงอย่างไรเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกา เคล็ดลับทั้งหลายที่สำแดงออกมาก็ย่อมน่ากลัวกว่า เจ้าประมือกับเขาแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น อย่าได้ประมาทเด็ดขาด”

“วางใจเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม

แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยกลัว

หากแหล่งต้นกำเนิดโลกไม่สลายไป ภายในโลกใบนี้ เขาก็ไม่มีทางตาย

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางผู้บำเพ็ญทั้งหลาย สายตาประสานกับใบเมฆาวายุและสหายที่คุ้นเคยกันเล็กน้อย เขาพยักหน้าแทนคำพูดคราหนึ่ง ในใจก็ลอบทอดถอนใจ ครั้งนี้ผู้บำเพ็ญทั้งหมดเกือบสองหมื่นคน แต่ก็ยังคงสิ้นใจไปหลายพันคน

“ไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่ในพริบตาจากไปในชั่วความคิดเดียว

******

กลางทุ่งร้างอันไร้ที่สิ้นสุด

เจ้าทะเลหุบเหวลึกนั่งอยู่ตรงนั้น โซ่ตรวนสายแล้วสายเล่าแทรกตรงเข้าไปภายในร่างกายของเขา เขานั่งรอคอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน รอคอยความช่วยเหลือ

“แม้แต่มดปลวกที่อ่อนแอ ก็ยังไม่สามารถสังหารให้เกลี้ยงได้เลย ว่าแต่จ้าวหิมะเหินผู้นี้มีพลังเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” เจ้าทะเลหุบเหวลึกครุ่นคิด ตอนนี้เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ

ฟิ้ว

ไกลออกไปมีเงาร่างสูงตระหง่านของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวปรากฏขึ้นมา

“เจ้ามาแล้ว” เจ้าทะเลหุบเหวลึกพลันลุกพรวดขึ้นมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววอาฆาต

“มาแล้ว เมื่อครู่ข้าอยากช่วยเหลือผู้อื่นจนทำให้เจ้าผิดหวังเสียแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “ตอนนี้พวกเราสามารถสู้กันได้เต็มที่แล้ว!”

โอกาสที่จะได้สู้กับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาสักตนหนึ่งนั้นหาได้ยากมาก แน่นอนว่าเขาต้องรักษาโอกาสนี้ไว้อย่างดี

แม้อีกฝ่ายจะ ถูกค่ายกลกดดันจนพลังเสียหายไปมาก! แต่ก็พอดี เพราะหากสามารถปะทุพลังออกมาได้ทั้งหมด แล้วตนแค่สามารถปรับเปลี่ยนพลังแหล่งต้นกำเนิดของโลกใบนี้ได้เพียงบางส่วน เกรงว่าคงจะสู้เจ้าทะเลหุบเหวลึกซึ่งพลังรบออกมาอย่างเต็มที่มิได้

“ดี แม้เจ้าจะช่วยมดปลวกที่อ่อนแอไปกว่าครึ่ง แต่ว่าช่วยแล้วก็ช่วยไปเถิด หากฆ่าเจ้าทิ้ง ก็คุ้มค่ากว่าฆ่ามดปลวกพวกนั้นเสียอีก” นัยน์ตาเยียบเย็นของเจ้าทะเลหุบเหวลึกฉายแววโหดเหี้ยม

“เข้ามาให้เต็มแรงเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถือหอกยาวเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว

……

ในอากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด

ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่านเพียงลำพัง แม้ในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ เขาจะมิอาจทนรอค่อยๆ ขัดเกลาวิถีเขตลวงโลกเทียมที่เพิ่งจะสำเร็จเป็นขั้นสุดยอด ก็ไปช่วยคนทันทีเสียแล้วก็ตาม! แต่ว่า…ไม่ว่าจะในดินแดนจิตโลกาหรือในอากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิด ร่างแยกของตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำลังรับรู้วิถีเขตลวงโลกเทียมโดยละเอียด เพื่อจะขัดเกลาวิธีใช้งานออกมาให้มากยิ่งขึ้น

“เขตลวงโลกเทียม”

นิ้วมือขวาของตงป๋อเสวี่ยอิงเหยียดออกไป ปลายนิ้วมีลูกกลมแสงลูกหนึ่งลอยคว้างอยู่ ภายในลูกกลมแสงมีโลกปรากฏขึ้น โลกวิวัฒน์ไป สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนค่อยๆ ถือกำเนิดขึ้นมา เวลาเคลื่อนไปเร็วกว่าโลกภายนอกมากมายยิ่งนัก

“ควรใช้งานอย่างไรหนอ มีส่วนช่วยอะไรข้าบ้าง ทำอะไรศัตรูได้บ้าง และมีส่วนช่วยกายหยาบของข้าถึงขั้นไหน”

ตงป๋อเสวี่ยอิงครุ่นคิด

ภายในห้วงสมองมีแสงทิพย์เปล่งประกายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

………………