แต่เดิมแล้วที่หอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้มีข้อกำหนดเหล่านี้ เทพฟ้าแห่งแดนเบื้องบนได้สร้างปาฏิหาริย์เอาไว้ที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อคัดเลือกอัจฉริยะที่โดดเด่น จากนั้นจึงนำขึ้นไปที่แดนเบื้องบนและอบรมสั่งสอน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานไม่รู้จบ อัจฉริยะที่ได้รับการคัดเลือกจากแดนเบื้องบนนั้น ทั้งหมดต่างก็ต้องเป็นบุคคลสำคัญหาตัวจับยาก หลายหมื่นปีมานี้ยังไม่เห็นว่ามีปรากฎขึ้นสักคน

ข้อจำกัดเหล่านี้คือสิ่งที่เหล่าผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังต่าง ๆ แห่งโลกเชิ่งถิงกำหนดขึ้นในภายหลัง อีกทั้งยังมีการแบ่งผลประโยชน์มากมายที่แฝงรวมอยู่ในเรื่องนี้ด้วย

แต่แดนเบื้องบนกลับไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้แม้แต่น้อย เพียงแค่แดนเบื้องล่างสามารถส่งมอบอัจฉริยะที่โดดเด่นได้ ถ้าหากทำได้ตามนั้น พวกเขาก็คร้านที่จะไปสนใจสิ่งเหล่านี้

“ขอบคุณทั้งสองท่านที่เตือน แต่ข้าก็ยังต้องการขึ้นไปที่ชั้นสองอยู่ดี” หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็สามารถขึ้นไปได้แล้ว” ชายชราชุดคลุมสีดำทั้งสองคนไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ แล้วจึงได้เปิดทางหนึ่งออกมา

ไม่ว่าจะเป็นที่โลกแห่งใดก็ตาม เหล่าอัจฉริยะต่างก็มีความมั่นใจภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างมาก ชื่นชอบการท้าทายเป็นที่สุด ชื่นชอบที่จะทำเรื่องใดก็ตามที่คนอื่นไม่สามารถทำได้

แต่ด้วยนิสัยประเภทนี้ กลับเป็นตัวกำหนดให้การมีอยู่ของอัจฉริยะนั้นมีน้อยมาก ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะหาตัวจับยากมากมายเพียงใดที่ต้องตายไปในระหว่างที่กำลังเติบโต

“เจ้าเดาซิว่า เขาจะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ที่ชั้นสองได้หรือไม่?” เมื่อหลัวซิวก้าวขึ้นไปบนบันไดแล้ว ชายชราชุดคลุมสีดำคนหนึ่งก็เอ่ยปากพูดกับเพื่อนข้าง ๆ

“ถึงแม้จะมีโอกาสน้อยมาก แต่สุดท้ายจะเป็นเช่นไร ใครรึที่จะสามารถพูดได้อย่างชัดเจน?”

เหมือนกับที่หลัวซิวได้คาดการณ์ไว้ คนที่อยู่ในชั้นสองนั้นมีจำนวนน้อยกว่าที่ชั้นหนึ่งเกินกว่าครึ่ง

ผลการฝึกตนระดับเจ้ายุทธจักร ที่พิภพต่ำนั้นนับว่าเป็นลำดับที่อยู่ในชั้นสูงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบใด พลังระดับสูงต่างก็เป็นทรัพยากรที่หาได้ยาก

……

ที่ชั้นสามของตำหนักเทวมืด มีคุณสมบัติที่จะสามารถฝึกตนที่นี่ได้ ทุกคนต่างก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์

เมื่อพลังผลการฝึกตนมาถึงระดับนี้แล้ว ระหว่างระดับเดียวกันมีน้อยมากที่จะเกิดการปะทะฆ่าฟันกันเอง เพราะต่อให้จะมีพลังมากกว่าอีกฝ่ายอยู่บ้าง ในขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ ถ้าหากจะสู้จนสุดชีวิตขึ้นมา ตนเองก็จะได้รับบาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย จนกระทั่งอาจเป็นสาเหตุให้ผลการฝึกตนตกต่ำลงไปได้

“เก๋อฟู ที่ชั้นหนึ่งมีเด็กหนุ่มน่าสนใจคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น”

ที่กลางห้องลับฝึกตนห้องหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์สองคนหนี่งหันหน้าเข้าหากัน คนที่เอ่ยปากพูดเป็นแม่นางคนหนึ่ง น้ำเสียงสดใส

แม่นางผู้นี้สวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีดำ เผยให้เห็นทรวดทรงที่งดงามของนาง ริมฝีปากแดงเร่าร้อนดุจเปลวเพลิง คิ้วดวงตาเรียวงามมีเสน่ห์ สามารถเรียกได้ว่าเป็นแม่หญิงที่งดงามจนต้องทำให้ทุกคนต้องหลงไหล

“หืม? ลีน่า เจ้าหนุ่มคนนั้นที่สามารถทำให้เจ้ารู้สึกสนใจได้ ดูแล้วคงไม่ธรรมดาเป็นแน่?” ชายคนที่ถูกเรียกว่าเก๋อฟูพูดพร้อมรอยยิ้ม

“เจ้าดูเองเถิด” ลีน่าหัวเราะ ยกมือขึ้นโบก ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ แท่นประลองของชั้นหนึ่งหอคอยเทวปรากฎขึ้น

“อืม? ผลการฝึกตนมหายุทธ์ขั้นห้า ฆ่ามหายุทธ์ขั้นเก้าได้อย่าง่ายดายเช่นนี้?”

ด้วยสายตาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ เก๋อฟูย่อมมองเห็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นในนั้นอยู่แล้ว

“ตราประทับที่ตำหนักเทวมอบให้ไม่เคยตัดสินผลการฝึกตนผิดพลาด เจ้าหนุ่มคนนี้นามว่ายอร์ค เป็นมหายุทธ์ขั้นห้าจริง อีกทั้งข้ายังได้ยินมาว่า เจ้าหนุ่มคนนี้เหมือนจะเป็นคนของเชิ่งถิงอีกด้วย” ลีน่าพูดพร้อมรอยยิ้ม

“คนจากเชิ่งถิงเข้าร่วมค่ายมืด?” สีหน้าของเก๋อฟูเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมาทันที

“ยอร์คน่าจะไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา อีกทั้งข้อมูลของยอร์คที่เชิ่งถิงยังเป็นเพียงแค่นักยุทธ์ทองเแดง เดิมทีไม่ได้มีผลการฝึกตนระดับมหายุทธ์”

ในมือของลีน่ากำลังม้วนแก้วเหล้ารูปทรงปรานีตในมือไปมา ริมฝีปากแดงเหยียดออกเป็นรอยยิ้มที่งดงาม “เจ้าก็น่าจะมองออก เจ้าหนุ่มคนนี้ในความเป็นจริงแล้วมีพลังมากพอที่จะฆ่าอีกฝ่ายทั้งสองคนในชั่วพริบตาเดียว ไม่ว่าจะเป็นดาซีในตอนแรก หรือลูนในตอนหลัง”