ตอนที่ 2121 ไปตำหนักคว้าดาว!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2121 ไปตำหนักคว้าดาว!

เจ้าสำนักทั้งสองที่สมรู้ร่วมคิดกับหอนิรันดร์หายไปจากโขดหินสมอสวรรค์แล้ว

“พวกเขารีบจากไปหลังจากที่คุณขึ้นสู่สะพานเบื้องบนได้ไม่นาน ทั้งคู่ไม่ได้บอกว่าไปไหน พวกเราจึงไม่แน่ใจเหมือนกัน…” หานเจี้ยนชิวตอบ

“พวกนั้นจากไปหลังจากที่พวกเราขึ้นสู่สะพานเบื้องบนได้ไม่นาน?”

เท่าที่เห็น ดูเหมือนทั้งคู่จะรู้ได้ด้วยวิธีใดสักอย่างว่าเขาสังหารอัจฉริยะทั้งสองคนแล้ว จึงรีบหนีไปก่อน

ในเมื่อเวลาก็ล่วงเลยไปกว่า 20 ชั่วโมง การจะพบตัวทั้งคู่อีกครั้งคงเป็นไปไม่ได้

“พวกคุณรู้ไหมว่าเส้นทางเข้าสู่หอเทพเจ้ายังมีทางไหนอีกนอกจากสะพานเบื้องบน?” จางเซวียนถาม

คนอื่นๆส่ายหน้า

ถ้าพวกเขารู้ ก็คงไม่ต้องรอคอยถึง 100 ปีกว่าจะได้รับโอกาสแต่ละครั้ง

จะต้องมีเส้นทางอื่นที่นำไปสู่หอเทพเจ้านอกเหนือจากสะพานเบื้องบน จางเซวียนครุ่นคิด

การที่ปรมาจารย์ขงสามารถเข้าสู่หอเทพเจ้าและสังหารผู้คนในนั้นได้บ่งบอกว่าเขาจะต้องมีวิธีเข้าสู่หอเทพเจ้าโดยไม่ต้องผ่านสะพานเบื้องบน

ลำพังแค่ข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายปรากฏตัวเพื่อช่วยชีวิตเขาก่อนหน้านี้ก็ผิดปกติแล้ว เพราะสะพานเบื้องบนไม่อนุญาตให้นักรบที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์และอายุเกินกว่า 100 ปีเข้ามาที่นี่

แต่ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อสะพานเบื้องบนหายไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคอยรักษาการณ์ที่นี่อีก จางเซวียนกับคนอื่นๆบินลงจากโขดหินสมอสววรรค์

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะร่อนลงผิวทะเล หวู่เฉินก็ปรากฏตัว

เพื่อไม่เป็นการเปิดเผยวรยุทธที่แท้จริง หวู่เฉินจึงไม่ได้ปีนป่ายขึ้นสู่โขดหินสมอสวรรค์พร้อมกันกับคนอื่น เขายืนเฝ้าอยู่ข้างล่าง

เมื่อเห็นหวู่เฉิน จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาตั้งคำถาม “หวู่เฉิน หัวหน้าตู้เคยพูดถึงเส้นทางอื่นที่นำไปสู่หอนิรันดร์นอกเหนือจากสะพานเบื้องบนบ้างหรือเปล่า?”

หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆอาจไม่รู้จักเส้นทางที่พอเป็นไปได้ แต่ตู้ชิงหย่วนน่าจะรู้เงื่อนงำบางอย่าง

“เธอไม่เคยพูดถึงอะไรแบบนั้นเลย” หวู่เฉินส่ายหน้า

จางเซวียนได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ดูเหมือนเขาจะฝากความหวังไว้กับตู้ชิงหย่วนมากไป

ถ้าเธอรู้อะไรมากมายขนาดนั้น ตำหนักคว้าดาวคงยิ่งใหญ่เหนือชั้นกว่าอีก 5 สำนักที่เหลือ และในเวลาเดียวกัน ก็คงไม่อับจนปัญญาเมื่อถูกหอเทพเจ้าโจมตี

“ถ้าอย่างนั้น…นอกจากรองเท้าเลือนหาย คุณพอรู้วิธีที่จะข้ามสิ่งกีดขวางทะลุมิติไหม?” จางเซวียนหันไปถามหานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆ

เมื่อหวนนึกดู ปรมาจารย์ขงสวมรองเท้าเลือนหายตอนที่เดินทางออกจากหอเทพเจ้ากลับสู่สำนักงานใหญ่ของหอนิรันดร์ บางที กุญแจของการฝ่าปราการของเทพเจ้าและเข้าสู่หอเทพเจ้าอาจอยู่ตรงนี้

“ข้ามสิ่งกีดขวางทะลุมิติ?”

“ว่ากันว่ามีแต่เทพเจ้าเท่านั้นที่ทำได้”

หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆให้คำตอบ

“มีแต่เทพเจ้าเท่านั้นที่ทำได้?” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง

ถ้าการเข้าถึงความเป็นเทพเจ้าจากมิติเบื้องบนเป็นสิ่งที่ทำได้ ปรมาจารย์ขงคนนั้นก็คงทำสำเร็จไปนานแล้ว คงไม่ต้องวุ่นวายกับความพยายามฉกฉวยหอสมุดเทียบฟ้าของเขา

หลังจากผ่านสะพานเบื้องบน จางเซวียนได้รู้ว่าการเข้าถึงความเป็นเทพเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่งกาจปราดเปรื่องเพียงอย่างเดียว มีความเป็นไปได้สูงว่าโลกใบนี้มีคุณสมบัติบางอย่างที่ยังอ่อนด้อย ทำให้นักรบไม่อาจฝ่าปราการด่านสุดท้ายได้สำเร็จ

เมื่อขาดคุณสมบัตินั้น วรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จึงเป็นขีดจำกัดสูงสุดที่เป็นไปได้ ต่อให้ใครสักคนจะขวนขวายฝึกฝนวรยุทธแค่ไหน ก็ไม่มีทางก้าวข้ามมันไปได้เลย

ขณะที่จางเซวียนยังหาคำตอบไม่ได้ว่าจะกลับสู่หอเทพเจ้าและช่วยชีวิตตู้ชิงหย่วนได้อย่างไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางอากาศ “อันที่จริง ผมคิดว่าผมพอรู้วิธีแก้ปัญหา…”

ผู้พูดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวู่เฉิน

จางเซวียนรีบหันไปมองอีกฝ่าย “บอกผมที”

หวู่เฉินตั้งต้นอธิบาย “ภายใต้สถานการณ์ปกติ การข้ามสิ่งกีดขวางทะลุมิตินั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าคุณได้รับอำนาจพิเศษจากการประกอบพิธีกรรม ก็มีโอกาสทำสำเร็จ นั่นคือเหตุผลที่นายหญิงของผมสามารถก้าวข้ามปราการแห่งมิติถึง 2 แห่งได้พร้อมๆกัน”

คำตอบนั้นทำให้จางเซวียนตบหน้าผาก เขามองข้ามมันไปได้อย่างไรในเมื่อคำตอบก็อยู่ตรงหน้ามาตลอด?

ในการก้าวข้ามปราการแห่งมิติ จะมีอะไรที่ได้ผลชัดเจนไปกว่าการประกอบพิธีกรรมของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น?

ขนาดหลัวลั่วชิงก็ยังต้องใช้วิธีการนี้เพื่อทะลุผ่านปราการแห่งมิติของมิติเบื้องบนและทวีปแห่งปรมาจารย์ ในเมื่อเขาเองก็เคยใช้มันมาแล้ว ความยากก็น่าจะลดลง

หวู่เฉินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเสริม “แต่วิธีการนี้จะต้องใช้แท่นบูชาทั้ง 2 ฝั่ง”

กลไกของมันก็คือสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสองแท่นบูชาเพื่อเคลื่อนย้ายบุคคลจากแท่นหนึ่งไปยังอีกแท่นหนึ่ง

เมื่อตอนที่จางเซวียนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ตอนที่เขารับมือกับฮ่องเต้ฉิงเทียนผู้สวมหน้ากากทองแดง ก็เคยใช้วิธีนี้ส่งคนจากแท่นบูชาอันหนึ่งไปยังอีกอันหนึ่งเหมือนกัน

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็น่าจะทำได้…พวกเราน่าจะเข้าสู่หอเทพเจ้าได้แม้ไม่มีสะพานเบื้องบน!” จางเซวียนพูดอย่างตื่นเต้น

เขาไม่รู้ว่าปรมาจารย์ขงหลบหนีไปที่ไหน แต่หากคำนึงถึงความปลอดภัย ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะกลับไปกบดานที่หอเทพเจ้า

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น จางเซวียนก็จะสร้างเส้นทางที่นำตัวเขาทะลุมิติไปยังที่นั่นโดยตรง เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็ถือว่าอันตรายมากหากจะปล่อยให้ปรมาจารย์ขงผู้นั้นมีชีวิตอยู่ ใครจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะเล่นงานเขาซ้ำเมื่อไหร่?

“ไปตำหนักคว้าดาว!” จางเซวียนสั่งการโดยไม่ลังเล

ไม่ช้าเขาก็ไปปรากฏตัวที่ตำหนักคว้าดาว ผู้อาวุโสเจียงเหยายืนอยู่ตรงหน้า

“นี่คือแท่นบูชาที่ฉันใช้ในการปลอมตัวเป็นหัวหน้าของเรา” ผู้อาวุโสเจียงเหยาพูดขณะนำแท่นบูชาออกมาพร้อมเครื่องบรรณาการอีกมากมายที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม

เพราะเป็นบริวารคนสนิทของตู้ชิงหย่วน เธอจึงรู้รายละเอียดของการประกอบพิธีกรรมของเผ่าพันธุ์ จากโลกอื่นเป็นอย่างดี ไม่ช้าเครื่องบรรณาการก็มอดไหม้ รังสีพิเศษแผ่ซ่านออกมาจากแท่น

จางเซวียนรีบขึ้นไปบนแท่นบูชา รอคอยเวลาที่เขาจะถูกส่งทะลุมิติไปยังหอเทพเจ้า

แต่แม้เครื่องบรรณาการจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านแล้ว เขาก็ยังอยู่ที่เดิม

พิธีกรรมไม่ได้ผล

ผู้อาวุโสเจียงเหยารีบทดลองอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน

สุดท้ายเธอก็ส่ายหน้า “ดูเหมือนมีแต่ของล้ำค่าสำหรับการอารักขาของเราเท่านั้นที่ทำการทะลุมิติได้ แท่นบูชาอื่นอาจใช้ได้ผลกับการประกอบพิธีย่อย แต่หากเป็นพิธีกรรมสำคัญ ก็เกินขอบเขตความสามารถของมัน…”

แท่นบูชาที่ปรมาจารย์ขงนำติดตัวไปคือของล้ำค่าสำหรับการอารักขาตำหนักคว้าดาว แน่นอนว่ามันมีความสามารถพิเศษ

ในเมื่อเป้าหมายของพวกเขาคือการส่งนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คนหนึ่งทะลุมิติผ่านปราการที่สร้างขึ้นโดยเทพเจ้า ก็จะต้องใช้แท่นบูชาที่มีประสิทธิภาพเหนือชั้นกว่าธรรมดา

“แบบนี้ไม่ได้การ เป็นไปได้ว่าตอนนี้แท่นบูชาคงอยู่ในหอเทพเจ้าแล้ว” จางเซวียนไหล่งุ้มด้วยความผิดหวัง

ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็แปลว่าแผนการของพวกเขาที่จะบุกหอเทพเจ้าโดยผ่านการประกอบพิธีกรรมนั้นล้มเหลว

“นายน้อย ผมรู้ว่าเราจะหาแท่นบูชาที่ใช้ประกอบพิธีกรรมได้ที่ไหน ถ้าเรากลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์และนำแท่นบูชาที่เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณใช้กลับมา ผมเชื่อว่าเราน่าจะประกอบพิธีกรรมได้” หวู่เฉินพูดแทรก

“คุณหมายถึงแท่นบูชาที่คุณใช้เรียกหัวหน้าตู้ในครั้งนั้นหรือ?” จางเซวียนชะงัก

ในเมื่อแท่นบูชาอันนั้นสามารถนำตัวหลัวลั่วชิงออกจากมิติเบื้องบนมาสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ ต่อให้มันมีประสิทธิภาพไม่เท่ากับของล้ำค่าที่ทำหน้าที่อารักขาตำหนักคว้าดาว แต่ก็คงไม่ธรรมดา

ถ้าเขาสามารถนำมันกลับมายังมิติเบื้องบนเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม ก็น่าจะส่งตัวเขาทะลุมิติเข้าสู่หอเทพเจ้าได้

เพียงแต่…

แท่นบูชาอันนั้นยังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาจะนำมันมาได้อย่างไร?

ในครั้งนั้น หลัวลั่วชิงลงสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้โดยผ่านพิธีกรรมที่มีขึ้นเพื่อเรียกตัวเธอ แต่แม้จะเป็นเทพเจ้า วรยุทธของเธอก็ยังตกฮวบไปเป็นนักรบระดับเซียนเมื่อมาถึงทวีปแห่งปรมาจารย์…ในเมื่อตอนนี้ตัวเขาเป็นแค่นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ต่อให้เขารู้ว่าสามารถใช้แท่นบูชานั้นได้ ก็คงไม่อาจลงสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้อยู่ดี

“ก็ถูก แต่อันที่จริง…การกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ไม่ได้ลำบากยากเย็นแบบนั้นแล้ว” หวู่เฉินพูด

จางเซวียนจ้องหน้าหวู่เฉินทันที

“ตอนที่นายหญิงลงสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์เป็นครั้งแรก เส้นทางระหว่างมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ยังถูกปิดกั้นอยู่ ไม่มีเส้นทางให้เธอเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฝ่าปราการแห่งมิติลงไป”

“แต่หลังจากการปรากฏของวิหารแห่งขงจื๊อ ฉนวนแห่งมิติที่ปิดกั้นเส้นทางระหว่างโลกสองใบก็ถูกทำลาย อันที่จริง ตอนที่คุณเดินทางเข้าสู่มิติเบื้องบน เส้นทางนั้นถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว ขอแค่คุณกลับไปตามเส้นทางที่คุณใช้เดินทางมาที่นี่ การจะเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์อีกครั้งก็ไม่ยากเกินไป…”

จางเซวียนพยักหน้า

เมื่อลองคิดดู คำพูดของหวู่เฉินก็มีส่วนจริง

ทางเดินแห่งมิติที่เชื่อมโยงทวีปแห่งปรมาจารย์กับมิติเบื้องบนนั้นถูกสกัดกั้นไว้ด้วย 2 สิ่ง คือวิหารแห่งขงจื๊อและค่ายกลใหญ่ในอาณาจักรคุนฉื่อที่ทำจากศพของเหล่าศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ขง

ภายใต้สถานการณ์ปกติ เส้นทางนั้นจะถูกปิดตายไว้อย่างแน่นหนา คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะบอกว่ามันไม่เคยมีอยู่

แต่เมื่อมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงปรากฏ ฉนวนของวิหารแห่งขงจื๊อก็ถูกเปิดออก ทำให้ฉนวนของอาณาจักรคุนฉื่ออ่อนแอลงไปโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ ‘เทพเจ้า’ สามารถใช้กำลังรุกรานอาณาจักรคุนฉื่อได้ และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้จางเซวียนสามารถฝ่าปราการแห่งมิติเข้าสู่มิติเบื้องบนได้เช่นกัน

ขอแค่เขาพบเส้นทางนั้นอีกครั้ง การกลับสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ก็ย่อมเป็นไปได้

ร่างกายของเขาในเวลานี้มีความแข็งแกร่งไม่เบา คลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่อยู่ในเส้นทางดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบกับเขาอีกต่อไป

“แต่ว่า…การจะหาทางเข้าให้เจอก็ไม่ง่ายนะ” จางเซวียนพูด

แม้เขาจะพอรู้พิกัดโดยคร่าวๆ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าปรมาจารย์ขงคนนั้นน่าจะซ่อนตัวอยู่ในมิติลี้ลับบางแห่ง ทำให้การหาตัวเขาเป็นเรื่องยากเย็นอย่างเหลือเชื่อ ต่อให้รู้ตำแหน่งที่ชัดเจนก็ตาม อีกอย่าง ลิขิตสวรรค์ที่ปรมาจารย์ขงครอบครองยังทำให้เขามีทักษะในการควบคุมมิติแบบที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้