ตอนที่ 1360

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันแสดงสีหน้าพึงพอใจ ในที่สุดเขาก็ทำสัญญาที่ให้ไว้กับเฒ่าสวีสำเร็จเสียที

เขาได้รับผลประโยชน์มากมายมาจากเฒ่าสวี ไม่ว่าจะเป็นทักษะจิตเจ็ดสังหารหรือทักษะบ่มเพาะหกธาตุผสาน ทั้งสองล้วนเป็นทักษะชั้นยอด

ทีนี้เขาก็สามารถกลับดาวเหอหนิงได้โดยไม่ต้องมีอะไรติดค้างคาใจ

“นายน้อยฮันช่างมั่งคั่ง ข้านับถือนายน้อยจริงๆ!” จ้าวขู่ยกนิ้วให้หลิงฮัน แม้เขาจะกล่าวเพื่อประจบประแจงแต่ก็กล่าวออกมาจากใจจริง เพราะอย่างไรต่อให้เป็นนายน้อยเช่นเขาก็ไม่สามารถผลาญเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้

หลิงฮันยิ้ม เขากับจ้าวขู่ไม่ได้มีชะตาต้องกัน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะสร้างมิตรภาพกับอีกฝ่าย

หลังจากนั้นก็มีสมบัติมากมายถูกนำออกมาประมูล ไม่ว่าจะเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์หรือเม็ดยาก็ถูกนำออกมาประมูลปะปนกันไป

หลิงฮันร่วมประมูลชิงเอาแร่โลหะทั้งหมดมาเพื่อยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์

“หืม ทำไมอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นถึงดูคุ้นตานัก!” จ้าวขู่กำลังเบื่อหน่าย แต่เมื่อมองไปยังกระบี่ที่ถูกนำออกมาประมูล เขาก็เกาหัวด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดกับกระบี่เล่มนั้น

Anchor

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ยิ้ม เขาจะไม่คุ้นได้อย่างไร? อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นแต่เดิมเป็นของจ้าวขู่ที่หลิงฮันแย่งชิงมาและนำไปลงประมูล

หลังจากนั้นจ้าวขู่ก็ยังคงพบว่ามีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์อีกไม่น้อยที่เมื่อมองไปแล้วรู้สึกคุ้นตา จนกระทั่งดาบเล่มสุดท้ายถูกประมูลออกไปเขาถึงจะจำได้ว่าอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนั่นเป็นของเขา!

เขาหันไปมองหลิงฮัน คนที่จะนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไปประมูลได้คงไม่มีใครอื่นนอกจากหลิงฮันแล้ว

แม้เขาจะไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าโมโหออกไป ล้อเล่นรึเปล่า? อีกฝ่ายเป็นถึงทายาทของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งที่เขาไม่มีทางต่อกรได้ แน่นอนว่าหากเบื้องหลังของเขาทัดเทียบกับอีกฝ่ายเขาจะเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหลิงฮันทันที

นี่ล่ะคือนิสัยของเขา

จ้าวขู่ประมูลแข่งนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของเขาจำนวนหนึ่งกลับมา แต่กูฉ่าวอวิ๋นที่พ่ายแพ้ในการประมูลแย่งชิงแก่นไขกระดูกหยกย่อมต้องเกลียดจ้าวขู่อยู่แล้ว อีกฝ่ายจงใจเพิ่มราคาของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำให้จ้าวขู่เสียผลึกก่อเกิดจำนวนมาก

จ้าวขู่อยากจะร้องไห้ นี่เป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาแท้ๆ แต่เขากลับต้องซื้อพวกมันด้วยราคาสูงลิบลิ่ว ในขณะเดียวกันเขายังรู้สึกเกลียดชังกูฉ่าวอวิ๋นยิ่งขึ้นไปอีก เขาสาบานจะต้องเอาคืนอีกฝ่ายที่กล้าขัดแข้งขัดขากับเขา

การประมูลดำเนินอย่างยาวนานจนสิ้นสุดลงในอีกห้าวันต่อมา หลิงฮันเก็บเกี่ยวได้มากพอสมควรกับการประมูลครั้งนี้ ไม่เพียงแค่แก่นไขกระดูกหยกเท่านั้น แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้มาก็มีจำนวนมากเช่นกัน

เขามุ่งหน้าไปชำระเงินโดยที่จ่ายไปเพียงเจ็ดสิบล้านผลึกก่อเกิดเท่านั้น เนื่องจากเม็ดยาและอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขานำลงประมูลสามารถทำเงินได้มากกว่าสี่ร้อยล้านผลึกกาอเกิด แม้จะประมูลแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมาเขาก็ยังเหลือผลึกก่อเกิดอยู่อีกมหาศาล

“ซือหม่าหลิงสินะ?” เมื่อหลิงฮันออกจากโรงประมูล เขาก็พบกับรุ่นเยาว์คนหนึ่งที่ยืนรอเขาอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มร่างผอมตาตี่ อีกฝ่ายจ้องมองหลิงฮันไม่วางตา “ข้าจะจำเจ้าเอาไว้”

ชายหนุ่มที่ว่าคือกูฉ่าวอวิ๋น

“ซือหม่าหลิง ข้าจะจำเจ้าไว้!”

หลังจากกล่าวเสร็จอีกฝ่ายก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้หลิงฮันกล่าวอะไร

หลิงฮันเกิดความรู้สึกมึนงง เหตุใดความบาดหมางของเขากับกูฉ่าวอวิ๋นถึงไปลงที่ซือหม่าหลิง? นี่เขาควรจะรีบไปอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจรึเปล่า?

ช่างมันเถอะ…

“ฮ่าๆๆๆ!” จ้าวขู่หัวเราะ เขากำลังคิดว่าถ้ากูฉ่าวอวิ๋นรู้ตัวว่าตนเองได้กล่าวขู่ใครเอาไว้อีกฝ่ายจะทำหน้าแบบไหน? ยิ่งคิดก็เขาก็ยิ่งยิ้มไม่หยุด

หลิงฮันเดินกลับไปโรงเตี๊ยมพร้อมกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ แน่นอนว่าเขาไม่สนใจว่าหลังจากนี้กูฉ่าวอวิ๋นจะลงมือทำอะไรกับซือหม่าหลิงรึไม่

เมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยมพวกเขาก็เตรียมตัวกลับไปยังเมืองต้าหยิง และเมื่อเสร็จธุระที่นั่นแล้วพวกเขาก็ยังออกจากดาวหยุนติ่งและกลับไปดาวเหอหนิง หลังจากนี้อีกราวๆร้อยปีหลิงฮันต้องมุ่งหน้าไปยังสำนักละอองดาราในเขตดวงดาวสี่ทิศเพื่อท้าทายเหล่าอัจฉริยะที่แท้จริง

“ข้าออกไปกับพวกเจ้าไม่ได้” หลี่ลั่วถงกัดริมฝีปาก “ตระกูลได้ส่งคนไปคุ้มกันประตูเมืองเอาไว้ หากข้าออกจากเมืองนี้คงหนีไม่พ้นถูกนำตัวกลับมา”

หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ไม่ใช่ปัญหา หากข้าต้องการนำใครออกไปจากเมืองนี้ ใครจะหยุดข้าได้?”

หลี่ลั่วถงไม่เชื่อ แม้หลิงฮันจะแข็งแกร่งมากก็จริงแต่เขาก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นชั้นต้นเท่านั้น ต่อให้เขาเป็นอัจฉริยะสิบดาวก็ทำเพียงต่อสู้ทัดเทียมกับจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงชั้นปลาย ตระกูลหลี่นั้นมีผู้นำคือปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดที่เป็นอัจฉริยะสี่ดาว!

แต่ในเมื่ออาจารย์ของคนรักของนางกล่าวเช่นนั้น ต่อให้นางไม่เชื่อนางก็ไม่กล้าตั้งคำถาม

ถึงอย่างนั้นนางกลับพบว่าทุกคนนอกจากนางนั้นเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวหลิงฮัน

หมายความว่าอย่างไร?

นางรู้ว่าหลิงฮันมีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาด แต่พวกเจ้าจะเทิดทูนชายคนนี้โดยไม่ลืมหูลืมตาเลยงั้นรึ?

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ถึงเวลาพาจิ่วเยากับลั่วถงเข้าหอคอยทมิฬแล้ว”

เขาสะบัดมือและพาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ

ทันใดนั้นเองสองคนที่ไม่เคยเข้ามาในหอคอยทมิฬมาก่อนก็แสดงสีหน้าตกตะลึง นี่มันอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์!

หลิงฮันพาทุกคนไปยังต้นสังสารวัฏและกล่าว “พวกเจ้าบ่มเพาะพลังที่นี่ไปก่อน เมื่อถึงเมืองต้าหยิงข้าจะมาแจ้งอีกครั้ง”

“อืม!” เฟิงโปหยุนและคนอื่นๆพยักหน้า

หลี่ลั่วถงตกตะลึงจนพูดไม่ออก ส่วนจิ่วเยานั้นปรับตัวได้ไวมาก เขานั่งลงใต้ต้นสังสารวัฏและเริ่มบ่มเพาะพลัง เซียนหวู่เซียงกับจักรพรรดิจอมอสูรเองก็นั่งอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขากำลังบ่มเพาะโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

หลิงฮันกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ออกจากหอคอยทมิฬ ตอนนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ติดคอขวดของระดับดาราอยู่ การหมกหมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะพลังย่อมไม่ช่วยอะไรมาก นางตัดสินออกมาที่โลกภายนอกเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศ

ทั้งสองเดินเคียงข้างกันออกจากเมือง

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกเพ่งเล็งโดยสามตระกูลใหญ่ ทันทีที่เดินมาถึงประตูเมืองพวกเขาก็ถูกคนเฝ้าประตูไต่สวนอย่างหนักเนื่องจากจอมยุทธระดับพระเจ้านั้นสามารถย่อหดร่างกายของตนเองได้ เหตุการณ์ที่แอบซ่อนคนอื่นเอาไว้ตามแขนเสื้อหรือที่ต่างๆนั้นเป็นเรื่องปกติในการลอบเข้าออกเมือง

แต่หลิงฮันเป็นตัวตนระดับดารา ใครจะกล้าตรวจสอบร่างกายเขา สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เองก็มีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดในสายตาคนภายนอกซึ่งไม่อาจดูหมิ่นได้

ดังนั้นที่นี่จึงมีตัวตนระดับดาราคอยเฝ้าอยู่ด้วย เขาใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบหลิงฮันกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และไม่พบพลังชีวิตของใครอื่นถูกซ่อนเอาไว้

“เจ้าว่าจะมีใครดักรอพวกเราอยู่รึเปล่า?” หลิงฮันกล่าวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าว

หลิงฮันถือครองทั้งผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาลและแก่นไขกระดูกหยก ก่อนหน้านี้ในเมืองแม้ทุกคนจะดูมีศิลธรรม แต่เมื่อใดที่ออกจากเมืองมารชั่วร้ายในจิตใจก็จะปรากฏออกมา

“พูดไม่ทันขาดคำ ก็ต้องลงมือสังหารคนเสียแล้ว!” แววตาของหลิงฮันส่องประกายด้วยจิตสังหาร