ตอนที่ 2123 สภาปรมาจารย์?

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2123 สภาปรมาจารย์?

“ท่านอาจารย์ของเราเก่งกาจมาก ฉันเชื่อว่าเขาคงไม่เป็นอะไรหรอก” สาวน้อยอีกคนหนึ่งในกลุ่มออกความเห็น

“ใช่ ท่านอาจารย์ของเราเก่งกาจมาก” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“เดี๋ยวก่อน ผมรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนกระแสกาลเวลาในมิติเบื้องบนจะแตกต่างกับทวีปแห่งปรมาจารย์นะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มตั้งข้อสังเกตพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ความแตกต่างของกระแสกาลเวลา?” คนอื่นๆชะงัก

ความสามารถของสายเลือดของชายหนุ่มคนนี้เชื่อมโยงกับกาลเวลา เขาจึงมีความรู้สึกไวเป็นพิเศษต่อกฎเกณฑ์ของกาลเวลาในโลก

“ใช่ ขอเวลาผมสักครู่ ผมจะคำนวณคร่าวๆ” ชายหนุ่มตอบขณะหลับตา

ราว 3 นาทีต่อมา เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง “มีความแตกต่างของกระแสกาลเวลาราว 10 เท่าระหว่างมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ พูดง่ายๆก็คือ 1 วันในมิติเบื้องบนเท่ากับ 10 วันของทวีปแห่งปรมาจารย์!”

ถ้าจางเซวียนอยู่ตรงนี้ ก็จะจดจำทั้ง 9 คนได้ทันที พวกเขาคือศิษย์สายตรงที่จางเซวียนรับไว้ตอนที่เขายังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์

จ้าวหย่า หลิวหยาง หวังหยิ่ง เจิ้งหยาง หยวนเทา ลู่ชง เว่ยหรูเหยียน จางจิ่วเซี่ยว และขงซือเหยา!

จางเซวียนเข้าสู่มิติเบื้องบนได้กว่า 1 เดือนแล้ว ซึ่งเวลาในทวีปแห่งปรมาจารย์ก็ผ่านไป 1 ปี

ด้วยระยะเวลายาวนานขนาดนั้น ทุกคนได้ยกระดับวรยุทธขึ้นไปเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4 โลกจารึก และพบว่าไม่อาจพัฒนาได้อีก ทั้งยังไม่มีข่าวคราวใดๆจากท่านอาจารย์ ทำให้พวกเขากังวลมาก สุดท้ายทุกคนก็ไม่อาจอยู่เฉย

ศิษย์สายตรง 8 คนจึงรวมตัวกันที่อาณาจักรคุนฉื่อเพื่อตามหาขงซือเหยา พวกเขาตัดสินใจว่าจะเข้าสู่ทางเดินแห่งมิติและมุ่งหน้าสู่มิติเบื้องบน

แน่นอนว่าผู้ที่ทุกคนเรียกขานว่า ‘ศิษย์พี่’ ก็คือจ้าวหย่า และผู้ที่รู้สึกได้ถึงความแตกต่างของกระแสกาลเวลาระหว่างมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ก็คือจางจิ่วเซี่ยว

“ต่างกันถึง 10 เท่า? แปลว่าท่านอาจารย์ของพวกเราเพิ่งมาถึงมิติเบื้องบนได้เพียง 1 เดือน?” จ้าวหย่าตั้งข้อสังเกต

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอาจารย์ก็น่าจะยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ บางทีตอนนี้เขาอาจยังอยู่ในเมืองชวนเจียงก็ได้!”

พวกเขารู้ความเก่งกาจของท่านอาจารย์ดี ถ้าท่านอาจารย์มีเวลาราว 1 ปี จะต้องหายขาดจากอาการบาดเจ็บแน่ และบางทีอาจสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้ตัวเองได้ด้วย แต่เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงของอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการผ่านทางเดินแห่งมิติ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ท่านอาจารย์จะออกจากเมืองชวนเจียงทั้งที่เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงเดือนเดียว

อีกอย่าง พวกเขาอยู่ในโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เมื่อตอนอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ วรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 คือผู้ที่แค่เอ่ยปากคำเดียวก็สะเทือนทั้งโลก แต่เมื่ออยู่ที่นี่ พวกเขาเป็นแค่ฝูงปลาในมหาสมุทรกว้างใหญ่

“ฉันจะลองดูว่าจะสอบถามเรื่องนี้ได้อย่างไร”

เมื่อเกิดความคิดนั้น จ้าวหย่าหันไปถามสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ไม่ทราบว่าพวกเราจะขอรบกวนพบนายท่านของคุณได้ไหม? ทั้งตัวฉันและศิษย์น้องอยากแสดงความสำนึกในบุญคุณต่อเขา!”

“ได้สิ นายหญิงน้อย” สาวใช้ตอบขณะเดินออกไป

ไม่ช้า ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ก้าวยาวๆเข้ามา เมื่อเห็นทั้ง 9 คน ก็ตั้งข้อสังเกตอย่างประหลาดใจ “พวกคุณได้สติแล้วหรือทั้งที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น?”

เขาไม่มีความรู้เรื่องการรักษาโรคมากนัก แต่ได้เชิญนายแพทย์มาประจำที่บ้านพักเพื่อดูแลอาการของพวกเขาเป็นพิเศษ

โดยทั่วไป ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายเดือนกว่าจะฟื้น แต่นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ทุกคนก็ฟื้นคืนสติแล้ว ดูเหมือนคนเหล่านี้น่าจะมีอะไรมากกว่าที่เขาคิด!

หรือว่าเขาจะมีโชคเหมือนตั้นเฉี่ยวเทียน?

“พวกเราสำนึกในบุญคุณอย่างมากที่คุณช่วยชีวิตเราไว้”

ทั้ง 9 คนลุกขึ้นยืนและประสานมือ

“พวกคุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป ผมแค่ทำในสิ่งที่คนคนหนึ่งควรทำเท่านั้น” จางหย่วนไว่ตอบยิ้มๆ

หลังจากคุยสัพเพเหระกันครู่หนึ่ง จ้าวหย่าก็ตรงเข้าประเด็น “ตอนนี้ความทรงจำของพวกเราค่อนข้างสับสนเพราะอาการบาดเจ็บ ไม่ทราบว่าเมืองชวนเจียงอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มอำนาจไหน และที่นี่มีสภาปรมาจารย์หรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?”

“สภาปรมาจารย์?” จางหย่วนไว่กระพริบตา “เกรงว่าผมจะไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้น”

จากนั้นเขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามแรก “เมืองชวนเจียงอยู่ภายใต้การปกครองของสำนักดาบเมฆเหิน, 1 ใน 6 สำนักใหญ่”

“1 ใน 6 สำนักใหญ่?”

“ใช่ ทวีปที่ถูกลืมถูกปกครองโดย 6 สำนักใหญ่ พวกเขาคือสำนักดาบเมฆเหิน, หอนานาอสูร…” จางหย่วนไว่ร่ายยาว

ทั้ง 9 คนตาโตเมื่อได้รู้ข้อมูล

ดูเหมือนพวกเขาจะมาถึงมิติเบื้องบนแล้วจริงๆ

นี่คือโลกที่แตกต่างกับทวีปแห่งปรมาจารย์โดยสิ้นเชิง

“พูดถึง 6 สำนักใหญ่ เพิ่งเกิดเรื่องที่แสนจะน่าตกตะลึงขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน!”

เมื่อจางหย่วนไว่เปิดประเด็น ก็เริ่มนึกถึงข่าวน่าตื่นเต้นมากมายที่เพิ่งได้ฟังมา ทำให้ใส่อารมณ์กับบทสนทนามากขึ้นเรื่อยๆ

“พวกคุณได้ข่าวของหัวหน้าหอนานาอสูรคนใหม่, เจิ้งหยาง บ้างไหม?”

“เจิ้งหยาง?”

ทั้งกลุ่มอึ้งไป แปดคนหันขวับไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่เป็นตาเดียว

“เขาชื่อเดียวกับผม?” เจิ้งหยางเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน

“คุณก็ชื่อเจิ้งหยางหรือ?” จางหย่วนไว่ออกจะประหลาดใจกับความบังเอิญนี้ แต่ครู่ต่อมาก็หัวเราะลั่น “โลกนี้มีผู้คนมากมายที่ใช้ชื่อเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลหรอก!”

ด้วยความกว้างใหญ่ของทวีปที่ถูกลืม ที่นี่น่าจะมีผู้ใช้ชื่อเจิ้งหยางอย่างน้อยก็หลายพันคน

“ผมเข้าใจ แค่แปลกใจนิดหน่อยที่นักรบผู้เก่งกาจระดับนั้นจะใช้ชื่อที่แสนธรรมดาสามัญเหมือนผม…” เจิ้งหยางตอบ

“ธรรมดาสามัญ? ถ้าคุณกำลังพูดถึงชื่อที่สุดแสนจะธรรมดาสามัญล่ะก็ คงไม่มีชื่อไหนเทียบได้กับเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่” จางหย่วนไว่ตอบยิ้มๆ

“อ้อ? ชื่อที่ธรรมดาสามัญยิ่งกว่าเจิ้งหยาง? มันจะต้องแย่ขนาดไหน คุณถึงบรรยายว่ามันสุดแสนจะธรรมดาสามัญ?” หลิวหยางขัดขณะชำเลืองมองเจิ้งหยางอย่างนึกสนุก

“จริงๆนะ เจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่น่ะชื่อหลิวหยาง!” จางหย่วนไว่ตอบ

“….” หลิวหยาง

เห็นทุกสายตาจับจ้องที่ชายหนุ่มที่เพิ่งออกความเห็น จางหย่วนไว่รู้สึกได้ว่าทุกคนมีท่าทางแปลกๆ เขาตั้งคำถาม “มีอะไรหรือ? หรือคุณยังรู้สึกว่าชื่อนี้ธรรมดาสามัญไม่พอ ถ้าคุณถามผมล่ะก็ ผมว่าชื่อหลิวหยางน่ะฟังดูแย่กว่าเจิ้งหยางมาก พวกคุณเห็นด้วยไหม? เอ่อ อย่าเข้าใจผมผิดนะ ผมไม่ได้จะดูถูกชื่อของคุณ, น้องเจิ้ง เพียงแค่บังเอิญรู้สึกอย่างนั้น…”

หลิวหยางหน้าดำคร่ำเครียด “คือ…ผมใช้ชื่อเดียวกับเจ้าสำนักคนนั้น ผมก็ชื่อหลิวหยาง”

จางหย่วนไว่ผงะ

นี่เขาเพิ่งเก็บเจ้าสำนักกลุ่มหนึ่งที่ปลอมตัวมาหรือ?

จางหย่วนไว่มองวัยรุ่นทั้ง 9 คนที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างลังเล “ถ้าอย่างนั้น…บังเอิญว่ามีใครสักคนในหมู่พวกคุณใช้ชื่อจางเซวียนหรือเปล่า?”

“คุณรู้จักจางเซวียนหรือ?” จ้าวหย่าชะงัก

“ใช่ ในทวีปที่ถูกลืมน่ะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้” จางหย่วนไว่ตอบด้วยทีท่าสลักสำคัญ “เขาคือเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน!”

“เจ้าสำนักดาบเมฆเหิน?”

จ้าวหย่ากับพรรคพวกครุ่นคิดหนัก

“หรือเป็นแค่อีกคนหนึ่งที่ใช้ชื่อเดียวกัน?”

“ท่านอาจารย์เพิ่งมาถึงได้เพียงเดือนเดียว จะกลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหินได้อย่างไร? ต่อให้เป็นระดับท่านอาจารย์ เรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ…”

“เมื่อครู่นี้จางหย่วนไว่บอกว่าเงื่อนไขพื้นฐานของการขึ้นเป็นผู้นำ 6 สำนักใหญ่คือต้องสำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์…”

ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน จางหย่วนไว่พูดถึงระดับวรยุทธอีกหลายขั้น เขาไม่รู้จักวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่พอรู้เรื่องวรยุทธขั้นเสมือนอมตะ อมตะตัวจริง และอมตะขั้นสูงอยู่บ้าง

ในการจะได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนัก ผู้นำจะต้องมีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เป็นอย่างน้อย ท่านอาจารย์ของพวกเขาจะฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนมาถึงเมื่อ 1 เดือนก่อนได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ นับประสาอะไรกับการยกระดับวรยุทธได้สูงขนาดนั้น…

จ้าวหย่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถาม “คุณรู้ไหมว่าเจ้าสำนักจางหน้าตาเป็นอย่างไร?”

“เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูโดดเด่น น่าจะอายุราว 20 ต้นๆ ผมเคยพบเขาครั้งหนึ่ง พูดก็พูดเถอะ เขามี ความเกี่ยวพันอย่างล้ำลึกกับเมืองชวนเจียงของเรา ราว 1 เดือนก่อน ตั้นเฉี่ยวเทียนซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองนี้พบเจ้าสำนักจางบาดเจ็บสาหัส จึงนำอีกฝ่ายกลับไปรักษาที่บ้าน หลังจากนั้น ก่อนที่พวกเราจะรู้เรื่อง ข่าวคราวที่เขากลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหินก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืม…”

ขณะที่จางหย่วนไว่พูดถึงจางเซวียน นัยน์ตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความยกย่อง เหมือนกับแฟนตัวยงที่มีปฏิกิริยาเมื่อใครสักคนพูดถึงไอดอลหมายเลขหนึ่งของเขา

“ไม่เพียงเท่านั้นนะ พวกคุณจำเจ้าสำนักหลิวหยางกับหัวหน้าเจิ้งหยางที่ผมพูดถึงเมื่อครู่ได้ไหม? ผมยังเล่าไม่จบ เรื่องจริงก็คือพวกเขาล้วนแต่เป็นร่างปลอมของเจ้าสำนักจาง! พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้เขาเป็นทั้งเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน เจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง หัวหน้าหอนานาอสูร และหัวหน้าตำหนักคว้าดาวด้วย นั่นคือสี่ในหกสํานักใหญ่เชียวนะ! พวกคุณรู้ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร? ไม่เกินจริงเลยหากจะพูดว่าตอนนี้เขาคือชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลก!”

“เขาคือผู้นำของ 4 สำนักใหญ่?”

“ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลก?”

ทั้ง 9 คนถึงกับจังงัง หวังหยิ่งอ้าปากค้าง จ้าวหย่าทึ้งผม หยวนเทากัดลิ้นโดยไม่รู้ตัว

ถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้สมองช้าขนาดไหน ก็เห็นชัดว่าจางเซวียนคนนี้คือท่านอาจารย์ของพวกเขา!

การที่เหล่าผู้นำของ 6 สำนักใหญ่จะใช้ชื่อเดียวกับพวกเขาก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่บังเอิญเกินไปแน่หากชายที่ชื่อจางเซวียนคนนั้นใช้ชื่อของพวกเขาเป็นชื่อปลอม…

เมื่อครู่นี้ทุกคนยังคิดอยู่ว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ท่านอาจารย์จะหายดีภายในเวลาเพียง 1 เดือน!

พวกเขาได้แต่ยกมือกุมหน้าอกอย่างปวดใจ

ความเร็วในการยกระดับวรยุทธของท่านอาจารย์จะเหลือเชื่อไปหน่อยไหม?

จากนักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 มาเป็นนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ภายในเวลาเพียง 1 เดือน และเท่านั้นยังไม่พอ…ยังได้เป็นผู้นำของ 4 สำนักใหญ่ด้วย และตอนนี้ก็กลายเป็นชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในทวีปที่ถูกลืม!

ดูเหมือนท่านอาจารย์ของพวกเขาไม่เคยเปลี่ยน ต่อให้ทุกคนขยันหมั่นเพียรฝึกฝนวรยุทธแค่ไหน ก็ทำได้แค่แหงนหน้ามองอีกฝ่าย

“พวกคุณรู้จักมักคุ้นกับเจ้าสำนักจางหรือ?”