ตอนที่ 2165

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,165 : ต้วนหลิงเทียนคือชายชุดดำ!?

 

 

 

ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะยังไม่ทันได้กล่าว ‘ใจความสำคัญ’ ออกมา

 

ทว่าเพียงแค่ได้ยินคำสาบานนี้ของต้วนหลิงเทียน เหล่าผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะเผลอหยุดหายใจ!

 

เรียกว่าตอนนี้ในใจของพวกมันทั้งหมดหันไปรอฟังคำพูดของต้วนหลิงเทียนอย่างใจจดจ่อ หลายต่อหลายคนยังบังเกิดความสงสัยในใจ…

 

“ต้วนหลิงเทียนคิดกล่าวเรื่องยิ่งใหญ่ใดในโลกกันแน่ ถึงกับต้องสาบานว่าจะไม่โกหกออกมาก่อนแบบนี้?”

 

“หรือมันคิดกล่าวคำสาบานให้ทุกคนรับทราบว่า ตอนนี้ที่ตัวไม่มียอดศาสตราเซียนแล้วจริงๆ?”

 

“เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์แล้วไม่ใช่รึไง? ในเมื่ออาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬก็ได้ออกมาประกาศเรื่องนี้ไปแล้ว…”

 

“แต่ผู้คนยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง…หากต้วนหลิงเทียนกล่าวสาบานเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้จริง เรื่องราวมันจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”

 

 

ผู้ฝึกตนหลายคนคาดเดาไปในทำนองนี้

 

แต่น่าเสียดายที่พวกมันต้องผิดหวัง

 

เพราะตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ประกาศออกมาว่า “เมื่อ 3 ปีก่อนทางตอนเหนือของนครแห่งบาป ได้ปรากฏสถานที่ๆคาดว่าจะเป็นคลังสมบัติของครึ่งก้าวเซียนอมตะ ทว่าสถานที่แห่งนั้นกลับพรากชีวิตผู้คนไปมากมาย! ทั้งหมดรู้หรือไม่ ว่าคนร้ายในเรื่องนี้ก็คือผู้ที่ร่วมมือกันสร้างคลังสมบัตินั่น แถมยังเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะถึง 3 คน!!”

 

แม้ต้วนหลิงเทียนจะประกาศเรื่องนี้ออกมา แต่ทุกคนในที่นี้ก็ไม่มีใครตื่นเต้นอะไร

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกคนก็ได้รู้เรื่องนี้กันหมดตั้งแต่แรก

 

“ต้วนหลิงเทียนยกเอาเรื่องนี้มาพูดอีกครั้งทำอะไร?”

 

“นั่นสิ แล้วนี่มันถึงกับต้องกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีเพื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยหรือไง? ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้รู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วรึ ยังจะมาพูดซ้ำซากทำอะไรกัน?”

 

 

ผู้ฝึกตนอิสระหลายคนขมวดคิ้ว

 

“และที่สำคัญก็คือ ครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้ง 3 คนนั่น…มันคือเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ยังหลงเหลืออยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของพวกเราตั้งแต่ยุคมนุษย์ปีศาจ! เพื่อความอยู่รอดพวกมันเลือกที่จะซ่อนตัวอย่างเงียบงันในทวีปมนุษย์! ข้ามผ่านวันเวลาอันยาวนานด้วยการมุ่งมั่นบ่มเพาะสั่งสมพลัง…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจานี้ออกมา ไม่ว่าจะผู้ฝึกตนอิสระหรือผู้ฝึกตนจากขุมพลังต่างๆ ก็ชักหน้าเครียดทันที หลายคนยังอดไม่ได้ที่จะโพล่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ “เผ่าพันธุ์ปีศาจ!? ถล่มมารดามัน! 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะนั่นที่แท้มารดามันเป็นปีศาจ!?”

 

“บ้าน่า! ล้อกันเล่นหรือไร?!”

 

“ล้อเล่นก็แย่แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือไรว่าเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ไป แล้วตอนนี้ใช่คนยังอยู่ดีหรือไม่? มีฟ้าผ่าอันใดหรือไม่? ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง!!”

 

“สวรรค์ช่วย! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่แท้นั่นจักเป็น ‘กับดัก’ ที่เผ่าพันธุ์ปีศาจสร้างเอาไว้!!”

 

“ก่อนหน้านี้มีหลายคนรวมถึงตัวข้าเองที่สงสัยกันนัก…ว่ายอดฝีมือบัดซบอันใดถึงว่างมากขนาดสร้างระนาบเทียมเพื่อฆ่าชนรุ่นหลังเล่น! หากพวกบัดซบนั่นเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ เช่นนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็มีคำอธิบายแล้ว!!”

 

 

เนื่องจากต้วนหลิงเทียนได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าไว้แต่แรก เหล่าผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายจึงไม่คิดสงสัยในคำพูดของเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้นทุกสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา ยังสอดคล้องกับความเป็นจริงอีกด้วย

 

นับว่าได้ไขข้อสงสัยที่ค้างคาใจของทุกผู้คนมานาน!

 

“หลังจากที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถูกแบ่งแยกออกเป้น 2 ภูมิภาค เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 3 คนนั่นก็ได้ลอบจัดตั้งค่ายกลเอาไว้ทั้งในภูมิภาคเบื้องบนและภูมิภาคเบื้องล่าง หลักการทำงานของมันก็คือ ทันทีที่ค่ายกลในภูมิภาคเบื้องล่างสัมผัสได้ถึงไอมารบริสุทธิ์จากแดนเนรเทศ มันจะเริ่มต้นเปิดการทำงานทันที…”

 

“และหลังจากค่ายกลที่พวกมันจัดตั้งไว้ในภูมิภาคเริ่มต้นการทำงาน…มันก็จะส่งสัญญาณมายังค่ายกลที่พวกมันจัดตั้งในภูมิภาคเบื้องบนแห่งนี้ และค่ายกลในภูมิภาคเบื้องบนที่ว่า ก็จะเริ่มเปิดทางเข้าสู่ระนาบเทียมที่พวกมันตระเตรียมเอาไว้! หลอกล่อให้ยอดฝีมือเข้าไปแสวงหาโชคลาภเพราะคิดว่าเป็นคลังสมบัติ…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อออกมาไม่หยุด “หลังจากที่เข้าไปด้านในแล้ว ผู้ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนจะถูกขับไล่ออกมาด้วยความยากของบททดสอบรอบแรก…กล่าวไปคนเหล่านี้นับว่าโชคดีนัก! เพราะสำหรับคนที่เหลือรอดหลังจากนั้นแทบทุกคนล้วนต้องตาย!!”

 

กล่าวถึงจุดนี้น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนก็หนักขึ้นไม่น้อย

 

ถึงแม้ยอดฝีมือที่ตายตก…เขาจะไม่ได้รู้จักใครเลยก็ตามที แต่ในฐานะเพื่อนมนุษย์เขาก็อดไม่ได้ที่จะหดหู่ใจเมื่อเห็นทั้งหมดต้องมาตกตายเพราะเหตุนี้

 

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง…”

 

“ไอมารบริสุทธิ์? เช่นนั้นมิได้หมายความว่า…ตอนนี้ที่ภูมิภาคเบื้องล่างก็ถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศรุกรานเข้ามาแล้วหรือไร?”

 

 

หลังได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ผู้ฝึกคนอิสระที่หัวไวก็เข้าใจเรื่องราวทันที ยังตระหนักได้ถึงความจริงอันน่าตื่นตระหนก ต่างพากันมองไปยังต้วนหลิงเทียน คล้ายจะรอฟังคำยืนยันจากปากต้วนหลิงเทียน

 

“เป็นอย่างที่สหายทั้งหลายคิด…”

 

เผชิญหน้ากับสายตาที่ร้อนแรงของทุกคน ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าลงอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศได้บุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว…กระทั่งพวกมันยังบุกเข้ามาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน! เรื่องนี้ข้าสามารถยืนยันความถูกต้องได้เต็มสิบส่วน!!”

 

“เพราะหากที่ข้ากล่าวมีคำใดโป้ปดแม้ครึ่งคำ…ป่านนี้ข้าคงถูกอัสนีฟ้าฟาดผ่าตกตายไปแล้ว!”

 

กล่าวถึงประโยคนี้เสียงต้วนหลิงเทียนก็หนักอึ้งนัก

 

เนื่องจากคำสาบานที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวไว้ตอนแรก ผู้ฝึกตนทั้งหลายในที่นี้ย่อมไม่มีใครคิดสงสัยแคลงใจในความจริง

 

ด้วยเหตุนี้ทั้งหมดถึงได้นิ่งค้างกันไปด้วยความตื่นตระหนก

 

เผ่าพันธุ์ปีศาจกลับบุกเข้ามาแล้วจริงๆ!

 

ในกาลก่อนเนื่องจากอยู่ดีๆค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องบนก็ใช้การไม่ได้ ทั้งหมดก็คาดเดากันไปว่า ใช่มหาผนึกกั้นช่องโหว่บริเวณกำแพงมิติกั้นแดนถูกทำลายเพราะพวกปีศาจหรือไม่? จึงยังผลให้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคเบื้องล่างที่เชื่อมต่อกับม่านพลังผนึกโดยตรงถึงกับขัดข้องไปแบบนี้! และไม่พ้นพวกปีศาจคงรุกรานเข้ามาได้แล้ว!!

 

อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดากันไปเท่านั้น

 

คนส่วนใหญ่ในภูมิภาคเบื้องบนก็เพียงตื่นตัวตามกระแสไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็เลิกสนใจกันไป

 

ทว่าวันนี้กลับมีคนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจได้บุกรุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างแล้วจริงๆ…แถมอัสนีสวรรค์ก็ไม่ได้ฟาดผ่าพิฆาตร่างผู้สาบาน!

 

ด้วยวิธีนี้ก็สามารถอธิบายได้ทันที…

 

ผู้สาบานไม่ได้โกหก!!

 

“เผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามาแล้วจริงๆ? มารดามัน! นี่มิใช่หมายความว่ายุคมนุษย์ปีศาจกำลังจะหวนกลับมาสู่โลกหล้าเป็นครั้งที่ 2 หรือไร?”

 

“3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะนั่นพวกมันถึงกับซุ่มเก็บตัวอยู่นานปี แต่ก่อนที่พวกมันจะขึ้นสวรรค์กลับวางกับดักอันร้ายกาจเช่นนี้เอาไว้ ทำให้ยอดฝีมือมนุษย์ตกตายไปไม่น้อย…หากเผ่าพันธุ์ปีศาจในภูมิภาคเบื้องล่างสั่งสมกำลังจนพร้อมค่อยบุกขึ้นมา เกรงว่าพวกเราคงไม่มีกำลังพอจะสู้กับมัน!”

 

“พวกปีศาจมันบุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างตั้ง 3 ปีแล้ว…แต่พวกมันยังเฝ้ารออยู่นานไม่บุกขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนเช่นนี้ นั่นหมายความว่าพวกมันกำลังเฝ้ารอโอกาสเหมาะ คงคิดยึดภูมิภาคเบื้องล่างให้เป็นฐานที่มั่นได้อย่างสมบูรณ์ค่อยยกทัพขึ้นมาเป็นแน่!!”

 

“ข้ากลัวว่าอีกไม่นาน…พวกปีศาจคงได้เข่นฆ่าสังหารขึ้นมาเบื้องบน!!”

 

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวยืนยันเรื่องราวออกมา ทำให้ทุกคนตระหนักได้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ทันที ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นเสียขวัญกันใหญ่

 

“ต้วนหลิงเทียน! แล้วไฉนเจ้าถึงได้รู้เรื่องนี้ดีนักเล่า!?”

 

ทันใดนั้นเองมีผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งตะโกนถามออกมา

 

เสียงของมันไม่เบาแม้แต่น้อย ยังดังลั่นไปทั่ว เรียกว่าผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายที่อยู่รอบๆล้วนได้ยินกันชัดเจน ต่างสงบปากสงบคำ หันไปมองต้วนหลิงเทียนเพื่อรอฟังคำตอบทันที

 

ใช่

 

ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้รู้เรื่องนี้ดีนัก?

 

เนื่องจากได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ไว้แล้ว พวกมันจึงไม่สงสัยความจริงของวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว แต่พวกมันกลับสงสัยแหล่งที่มาของข้อมูลมากกว่า…ว่าต้วนหลิงเทียนไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน!

 

“ไฉนข้าถึงรู้เรื่องนี้ดีน่ะหรือ?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองวูบ ค่อยกล่าวออกมาห้วนๆ “นั่นเพราะข้าเองก็ได้เข้าไปในระนาบเทียมที่ 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะขอเผ่าพันธุ์ปีศาจนั่นร่วมมือกันสร้างไว้ด้วยเช่นกัน! อีกทั้งเท่าที่ข้ารู้ หลังจากที่ผู้ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนถูกขับออกมาหมดแล้ว…ในบรรดาผู้ที่คิดเข้าไปแสวงโชคทั้งหมด ข้าสมควรเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ในนั้นมาได้!!”

 

โอ! อา!

 

พอได้ยินวาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน ผู้คนก็ฮือฮาขึ้นมาด้วยความแตกตื่นทันที

 

อย่างไรก็ตามมีผู้ฝึกตนอิสระมากมายยังคงแคลงใจสงสัยในเรื่องนี้

 

“จากที่เจ้ากล่าวมา…นั่นหมายความว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เจ้าสามารถผ่านการทดสอบรอบแรกของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะด้านใน จนสามารถอยู่ถึงการทดสอบรอบต่อไปได้?”

 

“น่าขันนัก! เท่าที่ข้ารู้มามิใช่ผู้ฝึกตนที่พลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน ล้วนถูกขับออกมาไม่ใช่หรือไร…หรือเจ้าจะบอกว่า เมื่อ 3 ปีก่อนเจ้ามีพลังฝึกปรือขอบเขตคเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน?”

 

“นั่นสิ หากข้าจดจำไม่ผิด…พลังฝีมือของเจ้ายามนั้นอย่างดีก็เพียงเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนมิใช่หรือไร!?”

 

 

เหล่าผู้ฝึกตนอิสระที่แคลงใจพากันยิงคำถามใส่ต้วนหลิงเทียน

 

“เรื่องที่พวกเจ้าสงสัยข้าเองก็เข้าใจ…อย่างไรก็ตามหากข้าเปิดเผยอีกตัวตนหนึ่งของข้า ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าคงไม่คิดตั้งคำถามเรื่องนี้สืบไป…”

 

ต้วนหลิงเทียนกกล่าวสืบต่อเสียงเรียบ

 

“เปิดเผยตัวตน? ตัวตนอันใด?”

 

ทันใดนั้นผู้ฝึกตนอิสระหลายคนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปม ด้วยไม่ทราบว่าคำเปิดเผยตัวตนของต้วนหลิงเทียนเป็นเรื่องอะไร

 

พรึ่บบบ!

 

ทว่าในขณะที่ผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายกำลังย่นคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดมือเรียกชุดคลุมลมดำออกมา ก่อนที่จะสวมใส่ผ้าหนาพันตัวเล็กน้อยค่อยคลุมชุดคลุมลมดำทับลงไปอีกที…

 

แน่นอนว่าชุดคลุมลมดำตัวนี้ก็เป็นตัวเดียวกันกับชุดที่เขาใช้เล่นบทชายชุดดำประพฤติตัวเป็นศาลเตี้ยไล่ฆ่าผู้ฝึกตนชั่วช้าในนครแห่งบาป…

 

เพียงชั่วพริบตาภาพลักษณ์ของต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปราวกกับหน้ามือเป็นหลังมือ

 

“ชะ…ชายชุดดำ!?”

 

ผู้ฝึกตนอิสระหลายคนอดเหวอไม่ไปไม่ได้

 

เพราะชุดคลุมลมดำที่ต้วนหลิงเทียนสวมใส่นั่น มิใช่ว่าเหมือนกันกับชายชุดดำที่โด่งดังในนครแห่งบาปเมื่อ 3 ปีก่อนเลยหรือไร!?

 

“จะว่าไปหากข้าจำไม่ผิด…ช่วงเวลาที่ชายชุดดำเริ่มปรากฏตัวขึ้นมา ก็เป็นช่วงเวลาหลังจากกที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าเซี่ยจงลูกชายจ้าวราชสีห์ขนทองของลัทธิอารามทมิฬได้ไม่นานนัก ที่แท้ชายชุดดำคนนั้นก็คือต้วนหลิงเทียนเองหรือนี่!?”

 

“ด้วยวิธีนี้…หมายความว่าที่แท้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนมิเคยย่างเท้าออกไปจากนครแห่งบาปเลยหรือไร! เพียงเปลี่ยนตัวตน ทั้งปลอมแปลงรูปร่างแค่เล็กน้อย ก็ตบตาทุกคนได้อย่างที่ไม่มีใครคิดฝัน!!”

 

“คาดมิถึงจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจักเป็นชายชุดดำที่เคยช่วยชีวิตหลานชายของภรรยาพี่ชายน้าสาวปู่ข้าเอาไว้…โลกนี้ช่างแคบนัก! น้องสาวมันเถอะ ช่างมหัศจรรย์ยิ่ง!!”

 

 

ไม่ว่าจะผู้ฝึกตนอิสระที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียนบางประการ หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร จังหวะนี้อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมา

 

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สงสัยฐานะชายชุดดำของต้วนหลิงเทียน

 

เพราะหากต้วนหลิงเทียนใช้ฐานะชายชุดดำเข้าไปในระนาบเทียมอันเป็นกับดักของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะจริง ก็ยากที่จะมีใครจดจำต้วนหลิงเทียนได้

 

และเท่าที่พวกมันรู้ชายชุดดำนั้นเข้าไปใน ‘กับดัก’ นั่นจริง และไม่ได้ถูกกำจัดออกมาในรอบแรก! วันนั้นทั้งหลายยังฮือฮาถึงเรื่องนี้อยู่เลยด้วยซ้ำ!!

 

“ต้วนหลิงเทียน ในเมื่อเจ้าเป็นชายชุดดำและมิได้ตกตายในกับดักนั่น…แล้วไฉนเจ้ามิรีบออกกมาบอกเรื่องราวที่เผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างแต่แรก? ใยต้องรอจนถึงวันนี้ด้วย?”

 

“ใช่ ไฉนเจ้ารู้แล้วไม่รีบมาบอก…หากเจ้าบอกพวกเราแต่แรก พวกเรามิใช่ว่าจะได้ระวังป้องกันแต่แรกแล้วหรือ?”

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าอธิบายมาว่าไฉนต้องรอคอยจนถึงวันนี้ด้วย?”

 

 

หลายคนอดไม่ได้ที่จะมาจี้ประเด็นเรื่องนี้กับต้วนหลิงเทียนแทน ราวกับว่าหากเผ่าพันธุ์ปีศาจมันบุกขึ้นมาแล้วมนุษย์เตรียมตัวรับมือไม่ทันจริงๆ ทั้งหมดจะยกให้ต้วนหลิงเทียนเป็นคนบาปเพราะอมพะนำเรื่องนี้เอาไว้! เรียกว่าโทษคนอื่นเก่งนัก!!

 

“ฮึ่ม!!”

 

ต้วนหลิงเทียนพลันแค่นคำออกมาเสียงเย็น “แล้วพวกเจ้ามั่นใจได้อย่างไร ว่าไม่ใช่เพราะข้าพึ่งออกมาได้วันนี้!?”

 

“อะไร? พึ่งออกมาได้วันนี้!?”

 

ได้ยินคำนี้ของต้วนหลิงเทียน หลายคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

 

“เป็นไปไม่ได้! ผู้อาวุโสสูงสุดได้ออกมาประกาศตั้งแต่เมื่อปีก่อนแล้วว่าได้ชิงยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 จากเจ้าไป…เช่นนั้นเจ้าก็ไม่อาจอยู่ในนั้นและพึ่งออกมาได้!”

 

ผู้ฝึกตนอิสระบางคนที่ฉุกคิดถึงเรื่องนี้รีบตะโกนแย้งออกไปก่อนใครทันที