ในชั่วพริบตา สายตาของทั้งสองก็จ้องมองกันโดยมีอวกาศระยะสั้นๆ กั้นอยู่
“หวังเป่าเล่อหรือ” ชงอี้จื่อเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ท่าทางไม่แน่ใจ ความจริงแล้วในข้อมูลที่เขาได้รับมา หวังเป่าเล่อเป็นแค่ดาวพระเคราะห์ ต่อให้เลื่อนขั้นทะลวงระดับแล้ว ก็เป็นเพียงดารานิรันดร์ชั้นต้นเท่านั้น
หรือถึงแม้จะมีระดับพิภพแบบเขา ตราบใดที่ไม่ใช่ดารานิรันดร์ชั้นปลาย เขาก็ไม่สนใจ แต่คนผู้นี้ที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตน…กลับทำให้เขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวน คล้ายจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าศัตรูทั้งหมดที่เขาเคยเจอในชีวิตนี้มากนัก
โดยเฉพาะอาการใจสั่นสะท้านเล็กน้อยยามที่มองสบตากัน สำหรับตัวเขาแล้ว มีเพียงเซียนเต๋าลำดับหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เกิดความรู้สึกประเภทนี้ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากเช่นตอนนี้
และเป็นเพราะเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ตอนนี้ชงอี้จื่อเกิดความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อและไม่น่าเชื่อขึ้นในใจ ดังนั้นในชั่วแวบแรก เขาจึงเดาได้ยากว่า…คนตรงหน้าผู้นี้คือหวังเป่าเล่อ
“ชงอี้จื่อหรือ” หวังเป่าเล่อเอ่ยช้าๆ สาเหตุที่จำได้ในแวบแรกเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันกับร่างแยกที่ถูกตนสังหารก่อนหน้านี้บนร่างของอีกฝ่าย
ถึงแม้กลิ่นอายนี้คล้ายจะเบาบาง แต่ในความรู้สึกของหวังเป่าเล่อ มันกลับชัดเจนอย่างยิ่ง
ส่วนตอนนี้พวกเซี่ยไห่หยางก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าที่แท้ข้างกายตนกลับมีอีกคนซ่อนตัวอยู่ สีหน้าของแต่ละคนจึงเปลี่ยนไปในทันที เมื่อพวกเขามองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของชงอี้จื่อ ดวงตาก็หดเกร็ง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนวงในที่เคยได้ยินหรือรู้ว่านี่คือร่างต้นแบบของชงอี้จื่อ จิตใจก็เต้นรุนแรง แท้จริงแล้วในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ชงอี้จื่อนั้นเลื่องชื่อลือนามมาก!
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเซียนเต๋าลำดับสองแห่งเต๋าเก้ารัฐ และในฐานะที่เป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ผู้เยี่ยมยุทธ์ในจักรพิภพนั้นก็มีมากถึงสิบกว่าคน สามารถสยบสำนักทั้งหมดในเต๋าฝั่งซ้ายได้เลย!
ถึงขนาดที่มีข่าวลือว่า ผู้อาวุโสสูงสุดในสำนักนั้นได้ฝึกตนจนทะลวงจักรพิภพแล้วก้าวเข้าสู่ระดับจักรวาลแล้ว…ซึ่งเปรียบได้กับจักรพรรดิสวรรค์ทั้งเก้าของตระกูลไม่รู้สิ้น!
สำนักเช่นนี้ ขณะที่เป็นหัวหน้าของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ก็เลื่องชื่อลือนามในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเป็นเซียนเต๋าลำดับสองของยุคในสำนักเช่นนี้ ชื่อเสียงของเขาไม่เพียงแต่สามารถสยบคนในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายได้เท่านั้น ทว่าแม้แต่จักรพิภพสำนักเสริมและราชวงศ์ของตระกูลที่อยู่ใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นก็ยังเคยได้ยินชื่อ
ใช้คำว่า ‘บุตรแห่งสวรรค์’ มาบรรยายตัวเขาก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว อีกอย่างชงอี้จื่อยังเป็นบุตรแห่งสวรรค์ประเภทที่เติบโตขึ้นมาเองอีกด้วย ตั้งแต่เล็กจนโต ตลอดชีวิตเขาผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งยังไม่ใช่ดอกไม้ในเรือนกระจก แต่อาศัยความสำเร็จจากการรบ สังหารหลายชีวิตเพื่อตำแหน่งเซียนเต๋าของตน
เพียงแต่ชงอี้จื่อมักจะออกไปข้างนอกด้วยร่างแยกหลายครั้ง ดังนั้นคนที่เห็นร่างต้นแบบจึงมีไม่มาก ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อไม่ได้จำผิด ภายในใจของชงอี้จื่อก็พลันหนักอึ้ง
แม้ว่าเขาจะไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนตรงหน้าผู้นี้ก็คือหวังเป่าเล่อ ขณะเดียวกันก็เกิดความโกรธและความเข้าใจขึ้นมาในก้นบึ้งจิตใจ ที่โกรธก็เพราะโกรธคนผู้นั้นที่ให้ตนมาสังหารหวังเป่าเล่อ เห็นได้ชัดว่าให้ข้อมูลมาไม่รอบด้าน
นี่ทำให้เขากลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่มีเหตุผลจะไปผูกความแค้นกับคนแข็งแกร่งเช่นนี้ ส่วนที่เข้าใจก็คือการตายของร่างแยก…เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถูกผู้อื่นฆ่า แต่เป็นหวังเป่าเล่อตรงหน้าผู้นี้นั่นเอง
และเป็นเพราะการแตกดับของร่างแยก เขาที่มาที่นี่ในตอนนี้จึงไม่อาจถอยกลับได้แล้ว การต่อสู้ครั้งนี้…เขาต้องสู้ ไม่อย่างนั้นถ้าไม่สู้แล้วถอย จะส่งผลต่อแก่นเต๋าของเขาแน่นอน
“จื่อเยว่ เจ้าสมควรตาย!” ชงอี้จื่อคำรามเสียงต่ำอยู่ในใจ แต่เบื้องหน้ากลับนิ่งงันอย่างเห็นได้ชัด ไม่เผยความรู้สึกใดมากเกินไป ถึงขนาดหลังจากหวังเป่าเล่อตะโกนชื่อของตนออกมา เขายังประสานหมัดคำนับหวังเป่าเล่ออีกด้วย
“สหายเต๋าเป่าเล่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ไม่รู้ว่าเจ้าจำคนที่ชื่อว่าจื่อเยว่ได้หรือไม่…” เขาเอ่ยช้าๆ อย่างจริงใจ เมื่อเสียงสะท้อนออกไปก็ยังแฝงพลังแห่งกฎเกณฑ์เล็กน้อย ทำให้ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ตั้งใจฟังโดยธรรมชาติ
แต่ทันทีที่ชื่อจื่อเยว่หลุดออกมาจากปาก กลับทำให้ทุกคนรู้สึกว่าชงอี้จื่อที่ยังพูดไม่จบและอยากจะเอ่ยต่อมีเจตนาสังหารเย็นวาบขึ้นมาทันที เขาพลันเงยหน้าขึ้น ร่างกายพุ่งออกมาท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง
เขารวดเร็วราวกับก้อนหินสะเทือนท้องฟ้า พริบตาเดียวก็ร่นระยะห่างระหว่างเขากับหวังเป่าเล่อแล้ว ปรากฏตัวอีกทีก็มาอยู่ด้านข้างของหวังเป่าเล่อ มือขวายกขึ้นมาพร้อมส่องแสงสว่างไสว กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีขาวเล่มหนึ่ง กวาดไปหาหวังเป่าเล่ออย่างดุดัน!
ทุกอย่างนี้รวดเร็วมาก อึดใจก่อนหน้าชงอี้จื่อยังเอ่ยอย่างจริงใจจากที่ไกลๆ อยู่เลย แต่พริบตาต่อมาจิตสังหารของเขากลับระเบิดกะทันหัน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีอาจประมาทเลินเล่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ หรืออาจจะรู้ตัวแต่หลบหนีไม่ได้ แม้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะไม่ถึงชีวิต แต่ก็ยากจะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ
แต่ชงอี้จื่อดูถูกหวังเป่าเล่อเกินไปแล้ว ถึงแม้เขาจะเข่นฆ่าเพื่อความเป็นความตายมามาก แต่ก็ไม่มากไปกว่าหวังเป่าเล่อที่ระลึกอดีตชาติทั้งหมดได้ ในแง่หนึ่ง หวังเป่าเล่อมีประสบการณ์ด้านนี้มากจนถึงขีดสุดต่างหาก
ดังนั้น ชั่วพริบตาที่ชงอี้จื่อเข้ามาใกล้ มือขวาของหวังเป่าเล่อก็ยกขึ้นมา เมื่อพลังดารานิรันดร์ในร่างปรากฏขึ้นกะทันหัน ไอหมอกนับไม่ถ้วนก็เปลี่ยนแปลงในทันที มันรวมตัวกลายเป็นนิ้วมือหนึ่งนิ้วอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว
หากมองชัดๆ ก็จะเห็นว่านิ้วนี้คล้ายคลึงกับนิ้วมือของทัณฑ์อัสนีเล็กน้อย นี่ก็คือดัชนีเมฆหมอกที่ทรงพลังยิ่งกว่าซึ่งหวังเป่าเล่ออ้างอิงมาจากทัณฑ์อัสนีและปรับเปลี่ยนแล้ว ทั้งยังมีพลังของดารานิรันดร์
ตอนนี้เมื่อมันปรากฏขึ้นมา ฟ้าดินก็แปรผันทันใด ขณะที่ลมและเมฆพัดม้วน มันก็ร่วงลงมาตรงหน้าของชงอี้จื่อที่อาศัยความคิดฉับพลันเพื่อชิงโอกาสเปิดการต่อสู้
พริบตาเดียวก็เกิดเสียงดังสนั่น ยามนิ้วของหวังเป่าเล่อปะทะกับหมัดของชงอี้จื่อ มันสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทุกทิศ ทั้งยังมีพลังโจมตีรุนแรงยิ่งกว่าเดิม มันแผ่กระจายดังสนั่นราวกับคลื่นมหาสมุทรไปทั้งสี่ทิศ ร่างกายของชงอี้จื่อสั่นสะท้านแล้วถอยหลังโซเซในทันที สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็แดงก่ำเล็กน้อย ยามมองไปยังชงอี้จื่อ ดวงตาก็เผยประกายความคึกคักออกมา
“ไม่เลวนี่!”
แสงสว่างในดวงตาของหวังเป่าเล่อเจิดจรัส เขากำลังกังวลเพราะไม่รู้ว่าพลังต่อสู้ของตนเป็นเช่นไรกันแน่ ส่วนชงอี้จื่อตรงหน้าก็มีระดับไม่เลว พลังฝึกปรือไม่เลว แม้แต่ความกระหายต่อสู้ก็ยังไม่เลว กล่าวได้ว่าบนตัวของเขาแทบจะมองหาจุดอ่อนใหญ่ๆ ไม่เจอ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนผู้นี้จึงเป็นเครื่องมือทดสอบที่ดีที่สุดอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นตอนนี้หวังเป่าเล่อจึงรู้สึกสนใจการต่อสู้ครั้งนี้มาก ร่างของเขาสั่นไหวแล้วไล่ตามไปทันที แต่ขณะที่เขากำลังจะเข้าใกล้ชงอี้จื่อซึ่งยังถอยร่นอยู่นั้น ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็หรี่ลง สัมผัสได้รางๆ ว่าการล่าถอยของชงอี้จื่อเหมือนจะไม่ถูกต้อง ถึงร่างของเขาจะยังรวดเร็วเช่นเดิม แต่พริบตาเดียวเขากลับถอยหลังอย่างกะทันหัน จากนั้นจึงทิ้งร่องรอยเงาเอาไว้บนที่ที่เขาเคยอยู่ เพราะมีความเร็วสูงมากจึงถอยกลับเร็วมากเช่นกัน
พริบตาที่เขาล่าถอย ชงอี้จื่อที่ดูเหมือนจะโซเซคล้ายถูกกระแทกก็พลันเงยหน้าขึ้นแล้วร้องคำรามเสียงต่ำลั่นฟ้า จากนั้นด้านหลังของเขาก็มีเงากิ้งก่าสีดำตัวเขื่องปรากฏขึ้นพร้อมเสียงคำราม เงากิ้งก่านี้ตัวใหญ่หลายร้อยจั้ง มันอ้าปากออกมาพร้อมกับเสียงร้องคำรามของชงอี้จื่อ แล้วพุ่งไปยังเงาที่เหลือเอาไว้ ซึ่งเป็นจุดที่หวังเป่าเล่ออยู่ในขณะนี้ ก่อนจะอ้าปากกลืนลงไปทันทีด้วยวิธีการที่รวดเร็วรุนแรงเหลือล้ำ!
เสียงร้องคำรามดังก้อง ท้องฟ้าโดยรอบผันผวนรุนแรง ตอนนี้ท้องฟ้าบริเวณที่ถูกกิ้งก่าตัวนั้นกลืนกิน กลับคล้ายจะขาดหายไปชิ้นหนึ่งจนทำให้ทรุดตัวลง
“มีกลโกงจริงๆ ด้วย!” ประกายแสงในดวงตาของหวังเป่าเล่อรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเขาอ่อนแอ เขาจะชอบคู่ต่อสู้ที่ไร้สมอง ถึงแม้การต่อสู้จะไม่น่าสนใจ แต่โอกาสชนะของตนก็จะเพิ่มขึ้นมาหน่อย ทว่ากลับกัน สิ่งที่เขาชอบจริงๆ นั้นเป็นแบบชงอี้จื่อตรงหน้าที่มีวิธีการต่อสู้พลิกแพลงได้มากมาย!
เหมือนกับเมื่อครู่นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความสงสัยของหวังเป่าเล่อถึงได้หลบพ้นแล้วล่ะก็ เกรงว่าตอนนี้เขาคงถูกกิ้งก่าตัวนั้นกลืนเข้าไปแล้ว แม้จะไม่ถึงตาย แต่การโจมตีที่อีกฝ่ายเตรียมมานานก็ยังมีพลังสั่นคลอนเขาได้ ทันทีที่ถูกกลืนกิน มากน้อยก็ต้องบาดเจ็บแน่ๆ และจะกระทบไปถึงท่าทางสูงส่งของตนด้วย
ตอนนี้เมื่อหลบพ้นแล้ว สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็นิ่งสงบ มือขวาพลันยกขึ้นโบก ทันใดนั้นดัชนีเมฆหมอกก็ชี้ออกมาอีกครั้งแล้วพุ่งตรงไปยังชงอี้จื่อ!
ด้านชงอี้จื่อ ตอนนี้สีหน้าของเขาย่ำแย่มาก การโจมตีนี้เขาเตรียมเอาไว้นานแล้ว ขณะที่มันใช้ทำร้ายดวงวิญญาณเทพโดยเฉพาะ มันยังแฝงพิษแปลกประหลาดที่ไม่อาจมองเห็นชนิดหนึ่งด้วย!
จุดนี้แม้แต่หวังเป่าเล่อก็ยังสังเกตไม่เห็น ดังนั้นพิษจึงถูกซ่อนไว้ ถึงแม้โดนพิษแล้วก็ยากจะพบเห็น แต่เมื่อผสานกับกระบวนเวทเทพของชงอี้จื่อ มันจะเพิ่มระดับอีกหลายขั้น ทำให้พิษชนิดนี้ระเบิดออกมาในช่วงเวลาสำคัญ
นี่คือกระบวนท่าของชงอี้จื่อที่มีไม่กี่คนจะสามารถเทียบความแข็งแกร่งได้ ยากที่จะใช้ออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในการต่อสู้หลายครั้งของเขาก็ยังทำให้เกิดความพลิกผันไม่คาดคิด ทำให้คู่ต่อสู้ที่ได้เปรียบด้านพลังฝึกปรือแข็งแกร่งล้วนต้องหน้าชื่นอกตรม แต่ตอนนี้เขากลับโดนหวังเป่าเล่อสังเกตพบล่วงหน้าและหลบหลีกได้ ทำให้เขารู้ในทันที่ว่าหวังเป่าเล่อตรงหน้าเขาคนนี้…ยากจะต่อกร!
………………