บทที่ 1281 จิตสังหาร

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1281 จิตสังหาร

ตู้ม**!**

ฝ่ามือและกำปั้นปะทะกันพลังทำลายล้างก็ทำให้มิติรอบด้านทั้งสองพังครืนลง ราวกับว่ากลายเป็นหลุมดำกลืนกินแสงสว่างทั้งหมด

รอยยิ้มร้ายกาจแขวนบนริมฝีปากกู้ซือหวง เขาเหมือนจะเห็นฉากพิการของมู่เฉินในเวลาต่อมาแล้ว

ปัง!

เสียงแสบแก้วหูสะท้อนก้องไปมา แต่เมื่อดังออกมาใบหน้าของกู้ซือหวงก็เปลี่ยนไปรุนแรง ความตะลึงพรึงเพริดพล่านในนัยน์ตา

นั่นเป็นเพราะทันทีที่เกิดการปะทะกัน เขาก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังที่มาจากกำปั้นของมู่เฉินนั้นเกินกว่าขอบเขตระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายควรมี!

ตึง!

คลื่นกระแทกที่มองเห็นด้วยตาเปล่ากวาดออก สรรพสิ่งในรัศมีหนึ่งพันลี้ก็ถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง แม้แต่รอยแตกก็ถูกทิ้งไว้ในมิติโดยรอบ

โคลนสาดกระเซ็น ร่างมู่เฉินก็สั่นสะท้านก่อนจะพัดกลับไปจากผลกระทบ เขาก้าวถอยหลังไปร้อยกว่าแต่ละก้าวทิ้งรอยเท้าลึกไปบนพื้น

ส่วนกู้ซือหวงก้าวถอยหลังไปยี่สิบกว่าก้าว แม้ว่าอาจดูเหมือนว่าได้เปรียบ แต่ใบหน้าของเขากลับมืดครึ้ม

สายตาจ้องมู่เฉินเขม็งด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว เขาไม่เคยคิดเลยว่าในการประจันหน้ากันตรงๆ มู่เฉินจะต้านการโจมตีของเขาได้

มู่เฉินรับการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้ด้วยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายรึ?

ในเวลานี้กู้ซือหวงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ฝ่ามือของเขาไม่ต้องพูดถึงตี้จื้อจุนขั้นปลายเลย แม้แต่จอมยุทธ์เกือบจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแบบหลงเซี่ยงก็อาจได้รับบาดเจ็บหนักหากประมาท

ทว่ามู่เฉินยังสามารถกระโดดไปมาหลังจากรับฝ่ามือจากเขา โดยไม่แสดงอาการบาดเจ็บใด

ขณะที่กู้ซือหวงรู้สึกตกใจ มู่เฉินก็ลูบกำปั้นด้วยความตกตะลึงเช่นกัน จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทรงอำนาจแท้จริง แม้ว่าหมัดเขาเมื่อสักครู่อาจจะดูธรรมดา แต่ก็มีการผสมผสานระหว่างมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบวกกับคลื่นหลิงที่ขยายผ่านเจดีย์ผลึกแก้วใส อาจกล่าวได้ว่าแม้กระทั่งหลงเซี่ยงก็ยังไม่สามารถรับหมัดนี้จากเขา

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เสียเปรียบเล็กน้อยเมื่อปะทะกับกู้ซือหวง ดังนั้นนี่บอกได้ว่าระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มทรงพลังเพียงใด

ทว่าการเผชิญหน้ากับศัตรูในระดับนี้ ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะไม่แสดงความกลัว แต่ดวงตากลับเปล่งประกายแทน เส้นทางสู่ยอดยุทธ์จำเป็นต้องท้าทายขีดจำกัดของตนเองอย่างต่อเนื่อง กู้ซือหวงจะได้รับเกียรติเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มคนแรกที่เขาจะเปิดศึกด้วย

มู่เฉินเอียงศีรษะพลางโบกมือเบาๆ ให้ลั่วหลีและหลงเซี่ยง เพื่อให้พวกเขาประสานกำลังจัดการกับจอมยุทธ์อีกคน

ลั่วหลีและหลงเซี่ยงพยักหน้า ก่อนที่จะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตาจับจ้องไปที่เหลียงเสียหยู

“คึๆ จอมยุทธ์ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มกับขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น พวกแกกล้าที่จะท้าทายข้าด้วยการรวมตัวกันเนี่ยนะ รนหาที่ตายแล้ว” เหลียงเสียหยูแสยะยิ้ม

“ตาเฒ่ากู้ ข้าจะไปช่วยเจ้าหลังจากจัดการพวกมันเรียบร้อย!”

เหลียงเสียหยูหัวเราะก่อนที่จะพุ่งไปในทิศทางของลั่วหลีและหลงเซี่ยง

“หึ มันก็แค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ราวกับลูกไก่ในกำมือข้าที่จะจัดการ” กู้ซือหวงเค้นเสียงขึ้นจมูก ชัดว่ารู้สึกถูกลูบคม

ขณะที่พูดสายตาเย็นชาของเขาก็จับจ้องไปที่มู่เฉินราวกับอสรพิษร้าย คลื่นหลิงไร้ขอบเขตผันแปรจากร่างกาย ประหนึ่งขอบเขตที่ดูใหญ่โตไม่มีที่สิ้นสุด

สามารถบอกได้ว่ากู้ซือหวงถอนอาการดูถูกเหยียดหยามและเริ่มใช้พลังเต็มที่

รับรู้ถึงความกดดันที่น่ากลัวจากกู้ซือหวง สายตาของมู่เฉินก็กะพริบวูบไหว วินาทีต่อมาเขาก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด ก่อนที่มือจะวาดกระบวนท่าตราประทับเร็วปานสายฟ้า

ฮึ่ม!

แสงไม่มีวันจบสิ้นพล่านขึ้นจากด้านหลังมู่เฉิน รัศมีสีม่วงทองแปรสภาพเป็นร่างเวทสวรรค์ นี่คือร่างเทพสุริยะนิรันดร์!

พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของการเพาะบ่มขุมพลัง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เพิ่มขนาดขึ้นพันจั้ง ทว่าก็ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับร่างเวทสวรรค์อื่นๆ ที่มีขนาดหลายหมื่นหรือหลายแสนจั้ง

ทว่าเมื่อมองไปที่ร่างเวทสวรรค์ขนาดเล็กบางนี้ กู้ซือหวงก็ไม่ได้เยาะเย้ย กลับมองอย่างเคร่งเครียดลงหลายส่วน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อมู่เฉินเรียกร่างสีม่วงทองขึ้นมา แม้แต่เขาก็รู้สึกถึงอันตรายเบาบางเล็ดลอดมาจากมัน

“ร่างเวทสวรรค์นี้คืออะไร?”

กู้ซือหวงขมวดคิ้ว ร่างเวทสวรรค์นี้ต้องเป็นของหายากมาก ดังนั้นแม้แต่เขาก็ยังจำไม่ได้ แต่เขาสามารถยืนยันได้ว่าในแง่ของการจัดอันดับร่างสีม่วงทองนี้อยู่ในยี่สิบอันดับแรกแน่นอน!

ร่างเวทสวรรค์ระดับนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่เขาที่เป็นสมาชิกเผ่าฝูถูโบราณก็ไม่สามารถครอบครองได้

“หึ ไม่ว่าแกจะครอบครองร่างเวทสวรรค์อะไร พลังของแกก็ยังมีอย่างจำกัด!” กู้ซือหวงเค้นเสียงเย็นชา ก่อนที่จะก้าวออกไป ทันใดนั้นแสงหลิงก็มารวมตัวกัน อึดใจหลังจากนั้นก็สร้างร่างเวทสวรรค์ขนาดแสนจั้งขึ้นมา

ร่างเวทสวรรค์นี้เปล่งแสงสีเงินดูหยาบกระด้างและที่น่าตกใจก็คือหัวของมันเป็นหัวสิงโต

รัศมีชั่วร้ายปลดปล่อยจากร่างเวทสวรรค์นี้ ทำให้อุณหภูมิในบริเวณนี้ลดฮวบลงทันที

เมื่อมองไปที่ร่างหัวสิงโต สายตาของมู่เฉินก็วูบไหว “อันดับสี่สิบเอ็ดในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง ร่างราชสีห์เทวโลก?”

ร่างเทห์สวรรค์นี้ชัดว่าไม่ใช่ธรรมดา

เมื่อปรากฏขึ้นใบหน้าของกู้ซือหวงก็ถึงกับเคร่งขรึม รัศมีอันตรายที่ปล่อยออกมาก็ถึงขีดจำกัดเลยทีเดียว

“มู่เฉิน แกจงภาคภูมิใจที่บีบข้าให้นำร่างเวทสวรรค์ออกมาทั้งที่มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น”

กู้ซือหวงพุ่งตัวขึ้นไปบนไหล่ของร่างเวทสวรรค์ ก่อนที่จะก้มมองมาที่มู่เฉิน เสียงที่ไม่แยแสสะท้อนออกมา

ในอดีตเว้นแต่ว่าต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังเดียวกัน ไม่อย่างนั้นกู้ซือหวงก็จะไม่นำร่างเวทสวรรค์ออกมา แต่วันนี้เขากลับนำมาใช้จัดการกับมู่เฉิน เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกไม่สบายใจกับอีกฝ่าย

ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจคำพูดนั่น เขากระทืบเท้าพร้อมกับฝ่ามือประสานกันเร็วรี่ แสงสีม่วงทองเข้มลึกก็ปรากฏบนร่างเทพสุริยะนิรันดร์อย่างรวดเร็ว

รหัสเทพอมตะ!

เมื่อรหัสเทพเริ่มควบแน่น แต่ละลวดลายก็ราวกับมังกรสีม่วงขดตัวรอบร่างมู่เฉิน ในไม่กี่อึดใจจำนวนที่ได้มาก็ถึงระดับห้าสิบลวดลายอย่างน่าทึ่ง!

ย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินสู้กับหลิงจั้นจื่อ เขาเร้ารหัสเทพได้ยี่สิบสามลวดลายก็ถึงขีดจำกัด ทว่าเมื่อเขาบรรลุขุมพลังอีกขั้น รหัสเทพอมตะก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ขณะที่รหัสเทพห้าสิบลวดลายล้อมรอบมู่เฉินก็กำจายความผันผวนที่น่าสะพรึงออกมา ทำให้มิติโดยรอบสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจากแรงกดดัน

เผชิญหน้ากับศัตรูขุมพลังดังกล่าว เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่มีความตั้งใจที่จะอุ่นเครื่อง เขาโจมตีโดยไม่ลังเลทันที

“ไป!”

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ รหัสเทพอมตะห้าสิบลวดลายก็บินออกไป ก่อตัวเป็นหมุดสีทองที่มีความคมชัดไม่มีใครเทียบยิงไปทางกู้ซือหวง

มองไปที่หมุดที่กำลังพุ่งมาในทิศทางของตน ดวงตากู้ซือหวงก็หดลง จากนั้นเค้นเสียงเย็น เขากระทืบเท้าลงบนพื้น ร่างเวทสวรรค์เปิดปากคำราม

“เสียงคำรามราชสีห์เทวโลก!”

สิงโตดึกดำบรรพ์แผดเสียงดังกึกก้อง คลื่นกระแทกแรงกล้าและพลังพินาศอันตรายกวาดออก

การโจมตีด้วยคลื่นเสียงนี้มีความครอบงำอย่างมาก ซึ่งสามารถเพิกเฉยต่อการป้องกันส่วนใหญ่ได้ ถ้าเป็นพวกจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นยืนอยู่เบื้องหน้ากู้ซือหวง การคำรามนี้อาจทำให้คู่ต่อสู้ตัวฉีกขาดออกจากกันเลยทีเดียว

ปัง ปัง!

หมุดถูกขัดขวางไว้ก่อนที่จะกระเด็นกลับโดยคลื่นเสียงกดขี่ แต่โชคดีเนื่องจากความลึกซึ้งของรหัสเทพจึงไม่แตกสลาย

เสียงคำรามยังคงพุ่งมาใส่มู่เฉิน

“สมกับเป็นระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแท้จริง”

มู่เฉินถอนหายใจ กู้ซือหวงเชี่ยวชาญในการโจมตีด้วยคลื่นเสียง การโจมตีดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่จะป้องกัน ถ้าคลื่นเสียงเข้ามาในจิตใจละก็ จะทำให้คลื่นหลิงของเขาผันผวน ซึ่งมู่เฉินจะถือว่าแพ้ในการต่อสู้นี่เลย

แต่น่าเสียดายที่การโจมตีแบบนี้ไม่สามารถปราบคนแบบมู่เฉินได้ง่ายๆ เนื่องจากลักษณะการเปลี่ยนแปลงของรหัสเทพ ทำให้มู่เฉินไม่กลัวการโจมตีที่แปลกประหลาดใดๆ

มือของมู่เฉินประสานกัน ในเวลาต่อมารหัสเทพห้าสิบลวดลายที่กระเด็นกลับก็เปล่งแสงอันน่าตื่นตาพลางรวมกันอย่างรวดเร็ว

“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน ระฆังเทพทองคำ!”

ฮึ่ม!

ระฆังสีม่วงทองขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะแกว่งไปมา คลื่นวงแหวนโบราณดังก้องกังวานไปทั่วปะทะกับเสียงสิงโตคำราม

ปัง ปัง ปัง!

ชั้นมิติพังทลายอย่างต่อเนื่อง จุดที่ปะทะกันมิติถึงกับแตกสลาย

เมื่อเห็นว่าคลื่นเสียงของตนถูกสลายไป ใบหน้าของกู้ซือหวงก็มืดครึ้ม เขาไม่คิดเลยว่าลวดลายสีม่วงทองจะเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของมู่เฉิน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างก็จะนำการโจมตีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงในระดับเดียวกับทักษะเทพ!

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเขาที่จะได้สัมผัสกับวิธีการที่ลึกซึ้งเช่นนี้

ใบหน้าของกู้ซือหวงมืดมนลง ไอสังหารพล่านในดวงตา ยิ่งมู่เฉินแสดงตัวตนโดดเด่นมากเท่าไรก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้มีชีวิตได้ เพราะมารดาของมู่เฉินมีสถานะสูงส่งในเผ่าฝูถู มิหนำซ้ำยังมีผู้สนับสนุนอยู่บางคน เพียงแต่ว่าทุกคนเลือกเงียบพร้อมกับกับจองจำของนาง

หากมีวันหนึ่งมู่เฉินสามารถไปยังเผ่าฝูถูได้ เขาจะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งสำหรับประมุขน้อยต่อไป

นี่คือสิ่งที่กู้ซือหวงไม่ต้องการเห็น!

“ไอ้เด็กเหลือขอตัวนี้ต้องถูกจัดการในวันนี้ แม้ว่าข้าจะไม่สามารถฆ่ามันได้ ข้าก็ต้องทำลายเจดีย์พุทธะของมันให้ได้!”

ด้วยความคิดนี้ไอสังหารในหัวใจของกู้ซือหวงก็เพิ่มสูงขึ้นถึงขีดสุด