บทที่ 1033 เซียวหยู่เซวียนสารภาพรัก

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1033 เซียวหยู่เซวียนสารภาพรัก
“แค๊กๆ……”

เสียงกระแอมของเซียวหยู่เซวียนดังมาจากในถ้ำ กู้ชูหน่วนหมุนตัวเข้าไปในถ้ำ

เซียวหยู่เซวียนฟื้นขึ้นมาช้าๆ

“ชีพจรคงที่มากแล้ว เพียงแค่ไม่ใช้วิทยายุทธมั่วซั่ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรักษาชีวิตน้อยๆนี้ไว้”

เซียวหยู่เซวียนเหลือบมองซ้ายขวา “เวินเส้าหยีล่ะ แค๊กๆ……”

“ไปแล้ว”

“ไปแล้ว? เจ้าปล่อยเขาไปเหรอ?”

กู้ชูหน่วนหาที่นั่งสบายๆนั่งลง มือเขี่ยกองไฟ กล่าวเบาๆว่า “เจ้าจะโทษที่ข้าปล่อยเขาไป หรือว่าไม่ได้ฆ่าเขาหรือไม่”

เซียวหยู่เซวียนกุมบาดแผล ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ผ่านไปนานกว่าจะพ่นประโยคหนึ่งออกมา

“นี่เป็นความแค้นของข้ากับเขา ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามาพัวพัน และไม่ได้ค้างคาเหตุผลอะไรกับข้า”

“คำพูดนี้ ทำไมฟังแล้วรู้สึกแปลกๆขนาดนั้นนะ”

“บุญคุณการช่วยชีวิตสองครั้ง ขอบใจมาก”

“ระหว่างพวกเราทั้งสอง ใครช่วยใครก็พูดไม่กระจ่างตั้งนานแล้ว”

เซียวหยู่เซวียนยิ้มด้วยความขมขื่น พยายามดิ้นรนลุกขึ้น

“เจ้าบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ออกไปตอนนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกพวกเขาไล่ฆ่าอีกครั้งหรือ?”

“สิ่งที่ควรสะสาง ก็ต้องสะสาง”

กู้ชูหน่วนหยิบขวานผานกู่ออกมาจากแหวนมิติ ยื่นไปในมือของเซียวหยู่เซวียน

“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าขวานร้ายๆนี่ทำอะไรได้บ้าง แต่ข้าคิดว่า เจ้าก็น่าจะอยากได้”

เซียวหยู่เซวียนหยิบขวานผานกู่ขึ้นมาดูมองรอบๆอย่างละเอียด ราวกับว่าจะไม่ได้เหมือนคำร่ำลือที่บอกว่าสามารถผ่าทุกอย่างได้เช่นนั้น กระทั่งคิดไม่ถึงว่าขวานผานกู่ที่ผ่าม่านอาคมให้แยกออกได้จะเป็นขวานร้ายๆที่มีสนิมขึ้นเขรอะอันหนึ่งเช่นนี้

ขวานด้ามนี้ไม่ต่างอะไรไปจากขวานธรรมดาๆ วางอยู่ในกองขวาน คนก็จำไม่ได้เป็นแน่

“เจ้าคงไม่ได้สงสัยว่าข้าจะเอาขวานร้ายๆมาให้เจ้ามั่วซั่วหรอกนะ”

เห็นเขาขมวดคิ้ว กู้ชูหน่วนจึงกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์

“จะเป็นไปได้ยังไง ทุกคนบนโลกนี้สามารถโกหกข้าได้ แต่ข้าเชื่อ เจ้าจะไม่โกหกข้าเด็ดขาด เพียงแต่…..เจ้ารู้หรือไม่ว่าขวานด้ามนี้มีความสำคัญมากเพียงใด”

“ไม่รู้ และไม่อยากรู้ด้วย ยังไงซะสำหรับข้าก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร”

“ยัยอัปลักษณ์”

เซียวหยู่เซวียนกอดนางไว้อย่างฉับพลัน สูดดมกลิ่นบนตัวของนางด้วยความโลภ

“ขอบใจเจ้า ขอบใจที่เจ้าเชื่อใจข้าได้ขนาดนี้ ขอบใจที่เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าในเวลาที่ข้าสับสนไร้หนทางมากที่สุด”

กู้ชูหน่วนอยากจะผลักเขาออก แต่ไม่รู้ว่าเพราะนางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความโดดเดี่ยวบนตัวของเขาหรือไม่ นางจึงได้ลังเลกับการที่จะผลักออกไป

“เจ้าเต็มใจจะแต่งงานกับข้าหรือไม่?”

“อะไร?”

กู้ชูหน่วนเกือบจะคิดว่าหูของตัวเองผิดปกติไปแล้ว

เซียวหยู่เซวียนทำใจปล่อยนางออกจากอ้อมแขนไม่ได้

เบือนใบหน้าแดงๆเล็กน้อยออกไป พูดคลุมเครือไม่ชัดเจนว่า “ไม่มีอะไร…..”

เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้พูดประโยคนั้นออกมาอย่างกะทันหัน

รู้เพียงแค่มีนางอยู่เป็นเพื่อน บางทีทั้งชีวิตนี้ เขาอาจจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขมากเท่านั้น

“เซียวหยู่เซวียน……ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สุดท้ายคนที่ตายไปแล้วก็ไม่สามารถจะกลับมาได้ ชีวิตของเจ้าต้องมองไปข้างหน้า”

“อื้ม…..ได้….”

“ไปกันเถอะ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นหากม่านอาคมปิดแล้ว เกรงว่าจะต้องอยู่เป็นเพื่อนกับสัตว์อสูรฝูงนั้นจริงๆแล้ว”

กู้ชูหน่วนพูดพลางเดินไปข้างหน้าพลาง

นางคิดว่าเซียวหยู่เซวียนจะไม่พูดอะไรอีก

แต่ราวกับว่าเซียวหยู่เซวียนได้รวบรวมความกล้า แล้วพูดออกมาอย่างหนักแน่นว่า “ยัยอัปลักษณ์ ข้าเซียวหยู่เซวียนโดดเดี่ยวเพียงลำพัง และไม่รู้ว่าจะพูดคำหวานอะไร แต่หากว่าเจ้ายอมแต่งงานกับข้า ข้าจะทุ่มเททั้งชีวิต ทะนุถนอมเจ้าปกป้องเจ้ารักเจ้า ซื่อสัตย์กับเจ้าไม่คลาย”

การสารภาพรักอย่างกะทันหันนี้ ทำให้จิตใจทั้งดวงของกู้ชูหน่วนวุ่นวายไปหมด

สำหรับเซียวหยู่เซวียน นางมีเพียงแค่ความรู้สึกดีเท่านั้น

นางก็คิดว่าตัวเองชอบเซียวหยู่เซวียนเช่นกัน

ทว่าเผชิญหน้ากับการบอกรักของเขา นางกลับลังเลแล้ว

มีเสียงชนิดหนึ่งในใจ อยากจะให้นางปฏิเสธ

ชำเลืองมองความหนักแน่นในดวงตาของเซียวหยู่เซวียน นางรู้ว่าเซียวหยู่เซวียนไม่ได้พูดเล่น