บทที่ 743 เกิดเรื่องแล้ว

The king of War

ลั่วปิงแค่โทรศัพท์กริ๊งเดียว ไม่นาน ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา

“ท่านกรรมการจิน แย่แล้วครับ เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”

สีหน้าของบริหารระดับสูงตื่นตระหนก พูดเสียงดังด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

ท่านกรรมการจินมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนักจึงรีบถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? รีบบอกฉันมา!”

“ประธานหลิว ประธานฉี ประธานเฟิ๊ง และผู้จัดการลูกน้องของพวกเขาต่างพากันลาออกแล้วครับ นี่คือจดหมายลาออกของพวกเขาครับ!”

ผู้บริหารระดับสูงยื่นจดหมายลาออกปึกเล็กส่งให้ท่านกรรมการจิน

เมื่อท่านกรรมการจินเห็นจดหมายลาออกมากมายขนาดนี้ เขาทรุดตัวลงบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรงด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

เพราะว่าผู้บริหารของบริษัทที่ลาออกทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคนที่กุมความลับของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง ยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา

สามารถพูดได้ว่า ถ้าไม่มีผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ก็ไม่มีบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงในวันนี้

ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงเพราะเจตนาร้าย บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงก็ยังพอจะมีทางรอด แต่การขาดบุคลากรที่มีความสามารถเหล่านี้นั้นสำคัญที่สุด นี่ถือได้ว่าเป็นการสิ้นสุดของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงอย่างแท้จริง

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง และผู้บริหารระดับสูงหลายคนก็มาลาออกกะทันหันแบบนี้ บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง ยังจะรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างไร?

“เพราะแก!”

ท่านกรรมการจินลุกขึ้นทันใด ชี้นิ้วไปที่หยางเฉิน พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือแกเหรอ?”

“ดูเหมือนว่าท่านกรรมการจินจะยังไม่เชื่อ?”

หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นให้ฉันทำมากกว่านี้ให้คุณดูไหม?”

ลั่วปิงหัวเราะเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “จินจื้อเผิง ผมแนะนำให้คุณรีบยกบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง ให้โดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงจะต้องล้มละลายแน่ และคุณในฐานะประธานกรรมการก็ต้องเผชิญกับหนี้ก้อนโตเช่นกัน”

“พวกแกมีเจตนาร้ายทำให้ราคาหุ้นของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงดิ่งลง มันจะมากเกินไปแล้ว ฉันจะฟ้องพวกแก!”

จินจื้อเผิงแผดเสียงด้วยความโกรธ

“มากไปเหรอ?”

หยางเฉินหัวเราะเยาะ “ตอนที่คุณทำลายความร่วมมือกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเพียงฝ่ายเดียว ทำไมถึงไม่รู้ว่านั่นมันก็มากเกินไปล่ะ?”

“ตอนนี้พูดกับผมว่ามันมากเกินไป? คุณเนี่ยนะ มันคู่ควรเหรอ?”

“ในเมื่อคุณอยากจะฟ้องพวกเรา งั้นก็ไปฟ้องสิ ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่าภายในสามวันคุณจะทำอะไรพวกเราได้?”

พูดจบ หยางเฉินก็ยืนขึ้น “พวกเรากลับ!”

ลั่วปิงเหลือบมองจินจื้อเผิงอย่างเย็นชาและเย้ยหยัน “ท่านกรรมการจิน ผมจะรอข่าวตลาดหุ้นเปิดพรุ่งนี้เช้าและหุ้นของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงร่วงลงจนถึงขีดสุด!”

มองหยางเฉินและลั่วปิงที่เดินจากไป ใบหน้าของจินจื้อเผิงเต็มไปด้วยความโกรธ

ไม่นาน เขาก็โทรศัพท์ “ประธานเซว เกิดเรื่องขึ้นกับบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงแล้ว คุณจะไม่ยุ่งไม่ได้นะ!”

“ไอ้คนไร้ประโยชน์!”

อีกฝ่ายส่งเสียงเย้ยหยัน “แค่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปยังจัดการไม่ได้ แล้วคุณจะคู่ควรที่จะมาติดตามตระกูลเซวเหรอ?”

ใบหน้าของจินจื้อเผิงเต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธ แต่ก็รู้ฐานะของอีกฝ่ายดีจึงทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้

“สบายใจได้ มีฉันอยู่ บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงไม่เป็นอะไรแน่!”

หลังจากเงียบไปนาน อีกฝ่ายก็พูดขึ้นทันใด

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของจินจื้อเผิงก็เต็มไปด้วยความดีใจและรีบพูดขึ้นว่า “ขอบคุณประธานเซว!ขอบคุณประธานเซว!”

อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินและลั่วปิงออกจากบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงไปแล้ว

“ท่านประธานครับ ท่านคิดว่าจินจื้อเผิงจะยอมยกบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงให้พวกเราไหมครับ?”

ลั่วปิงถามขึ้นระหว่างเดินทางกลับ

หยางเฉินพูดขึ้นอย่างราบเรียบ “พรุ่งนี้เขาจะขอให้เราซื้อกิจการบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง!”

แม้ว่าลั่วปิงจะไม่รู้ว่าหยางเฉินเอาความมั่นใจมาจากไหนที่พูดแบบนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่าหยางเฉินนั้นยากที่จะคาดเดาและแอบประหลาดใจอยู่ในใจลึกๆ

บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ถ้าถูกเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเข้าซื้อกิจการแล้วดำเนินการได้ดี อันดับของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ใน 500 อันดับแรกของโลกก็จะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งแน่นอน

นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งสำหรับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

ภายในเวลาไม่ถึงสองปี หลังจากที่สร้างเมืองจิ่วโจวสำเร็จแล้ว มูลค่าการตลาดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปจะต้องพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน

เมื่อนึกถึงความรุ่งเรืองของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ทำให้ลั่วปิงตั้งหน้าตั้งตารอเป็นอย่างมาก

วันต่อมา เมื่อตลาดหุ้นเปิด ราคาหุ้นของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงก็ดิ่งลงจนถึงขีดสุด

นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือธนาคารมาทวงหนี้แล้ว และพนักงานของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงก็ลาออกเป็นจำนวนมาก

ตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่ายจนกระทั่งวันนี้ช่วงเช้า ยังไม่ถึงหนึ่งวัน มีพนักงานของบริษัทลาออกไปกว่าครึ่ง

สำหรับบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลง แล้วนี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ

นี่ทำให้จินจื้อเผิงยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีกจึงรีบโทรศัพท์ “ประธานเซว ผู้อำนวยการหลิวธนาคารเยี่ยนตูมาที่บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงแล้ว ตอนนี้อยู่ด้านล่างตึก”

“แล้วอีกอย่างราคาหุ้นของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงก็ดิ่งลงถึงขีดสุดแล้ว ประธานเซว คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าตระกูลเซวจะช่วยพวกเรา ไม่มีปัญหาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ประธานเซวตะโกนใส่ “กลัวอะไร ?นี่แค่วันที่สองเองไม่ใช่เหรอ ?”

จินจื้อเผิงโกรธมากจนอยากจะด่าแม่ บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตระกูลจินทั้งหมด เป็นเพราะยกเลิกความร่วมมือกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ทำให้มูลค่าการตลาดของบริษัทลดลงเกือบครึ่งในตอนนี้

นี่แค่เวลาเพียงไม่ถึงวัน เขาไม่กล้าจะคิดว่าถ้ารอให้ตลาดหุ้นเปิดพรุ่งนี้ มูลค่าการตลาดของบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงจะลดลงไปอีกเท่าไร ?

ถ้าดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงดูไม่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเลย

จากการพิจารณาของเขาแล้ว คาดว่าน่าจะทานได้ไม่ถึงพรุ่งนี้ แต่ว่าตระกูลเซวกลับยังบอกเขาว่าไม่ต้องร้อนใจ

“ประธานเซว คุณจะไม่ให้ผมร้อนใจเหรอ ? บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงเสียหายไปแล้วกว่าแสนล้าน ถ้าวันนี้ไม่มีทีท่าว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เกรงว่าวันนี้ก็ต้องสูญเสียไปอีกกว่าแสนล้าน”

“บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงทั้งหมดมูลค่ากว่าสามแสนล้าน ไม่ถึงสองวันก็สูญเสียไปกว่าสองแสนล้าน คุณบอกผมที ผมจะเอาอะไรมาทานไหว?”

น้ำเสียงของจินจื้อเผิงไม่ดีนัก ไม่ใช่ไม่กลัวตระกูลเซวแต่เขาถูกบีบให้ร้อนใจ

“ไอ้สารเลว! แกกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับฉันเหรอ?แกอยากตายหรือไง ?”

ประธานเซวตะโกนขึ้นทันใด

เมื่อได้ยินเสียงอำมหิตของประธานเซว จินจื้อเผิงถึงได้สติราวกับตื่นจากความฝัน อีกฝ่ายคือ ตระกูลเซวหนึ่งในตระกูลเดอะคิงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นบุคคลตัวเล็กๆ ในตระกูลเซว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้ตำหนิเขาได้

“ประธานเซว ขอโทษครับ!ผมขอโทษ! ผมก็ร้อนใจ อย่าได้ถือสาผมเลยครับ!” จินจื้อเผิงรีบพูดขอโทษ

ประธานเซวพูดอย่างเย็นชา “คุณไม่ต้องกังวลไป คุณแค่ต้องสู้กับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างสุดกำลัง แค่ต้องทำให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปพังไม่เป็นท่า ตระกูลเซวจะชดใช้ให้เป็นสองเท่าที่บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงสูญเสียไป”

จินจื้อเผิงรีบพูดว่า “ขอบคุณครับประธานเซว!ขอบคุณครับประธานเซว!”

หลังจากวางโทรศัพท์ ใบหน้าของจินจื้อเผิงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรงและแผดเสียงพูดด้วยความโกรธ “ตระกูลเซว คิดว่าฉันโง่หรือไง ?”

“บริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงยังไงก็ทนได้ไม่ถึงสามวัน เมื่อบริษัทวัสดุก่อสร้างเจิ๊นหลงต้องล้มละลายจริงๆ ตระกูลเซวยังจะมองมาที่ฉันไหม ?”

จินจื้อเผิงไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นคนที่ฉลาดมาก ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจความร้ายกาจที่แฝงอยู่

“ท่านกรรมการจิน แย่แล้วครับ!แย่แล้วครับ! ผู้อำนวยการหลิวโมโหแล้วครับ เขายื่นจดหมายจากสำนักงานทนายความในนามธนาคารเยี่ยนตู กำหนดให้พวกเราจ่ายหนี้คืนเมื่อวานนี้ ตอนนี้ไม่ได้คืนแม้แต่หยวนเดียว บอกว่าจะยื่นเรื่องระงับบัญชีบริษัทเราครับ”

ในเวลานี้เอง ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว

ตอนนี้เองที่จินจื้อเผิงถึงได้ตระหนักว่า ตระกูลเซวไม่สามารถพึ่งพาได้ ไม่เช่นนั้น ก็คงสามารถจัดการธนาคารเยี่ยนตูได้แล้ว

“ใช่แล้ว นามบัตร!”

จู่ๆ เขาก็นึกได้ ก่อนที่หยางเฉินจะกลับไปเมื่อวานนี้ เขาจงใจทิ้งนามบัตรไว้ แต่เขาทิ้งถังขยะไปแล้ว

เขารีบคว่ำถังขยะลงบนพื้นควานหานามบัตรของหยางเฉินในกองขยะนั้นด้วยตัวเอง