ตอนที่ 2286 สงครามของซิวหลัว (9)

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

โล่ผลึกขยายลำแสงเจิดจ้าออกมา คิดจะต้านทานกำปั้นนี้

แต่ชั่วพริบตาที่กำปั้นสีทองปะทะกับโล่ผลึก ลำแสงสีม่วงเจิดจ้าก็ระเบิดออก

โล่ผลึกสั่นเทาเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกกลางลำแสงสีม่วง

ส่วนลำแสงวิญญาณที่ห่อหุ้มร่างของชายชราก็ถูกกำปั้นเลือนรางทะลวงผ่านราวกับกระดาษ แล้วปะทะเข้ากับร่างอย่างแรง

ชายชราแซ่อี้พลันตกตะลึงจนหน้าถอดสี แล้วร่ายอาคมกระตุ้น ไม่เหลือพลังปราณแท้จะบรรจุเข้าไปในเกราะสงครามในเรือนร่างอีก

เสียง “ปัง” ดังขึ้น!

ผิวของเกราะสีเงินมีลวดลายโลหิตปรากฏขึ้น แล้วกลายเป็นอักขระยันต์ทะลักออกมา แล้วกลายเป็นม่านโลหิตห่อหุ้มชายชราเอาไว้ข้างใน

วานรยักษ์เห็นเช่นนี้แววตากลับฉายแววยิ้มเยาะ กำปั้นสีม่วงทองกางนิ้วทั้งห้าออก ใจกลางฝ่ามือมีลำแสงสีเงินเจิดจ้า เขตอาคมสีเงินที่ทับซ้อนกันสิบกว่าชั้นเปล่งแสงสว่างวาบแล้วระเบิดออกพร้อมกัน ลำแสงสีเงินม้วนวนออกมา

วานรยักษ์กลับร่างกายเลือนราง แล้วหายวับไปจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย

“ไม่”

ชายชราพลันตกตะลึง แต่จิตสัมผัสกลับสัมผัสได้ถึงพลังจากลำแสงสีเงิน สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นไร้สีสัน หลังจากร้องตะโกนออกมา ตรงหน้าผากก็เปิดออก เงาลวงตาความยาวสองสามฉื่อสายหนึ่งพลันบินหนีออกมาทันที

และในยามนั้นลำแสงสีเงินพลันโจมตีไปที่ม่านลำแสงชั้นนั้นอย่างแน่นหนา

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น แล้วระเบิดออกกลางอากาศ

ดวงอาทิตย์สีเงินทะลักออกมาจากจุดที่ชายชราแซ่อี้ยืนอยู่เดิม ผิวมีอักขระยันต์สีเงินเต็มไปหมด แต่ก็รวมตัวกันกลายเป็นเขตอาคมลำแสงขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากัน

แต่ครู่ต่อมาดวงอาทิตย์และลำแสงที่ผิวก็เปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้งแล้วระเบิดออก เสาลำแสงยักษ์กวนพลังปราณฟ้าดินแล้วพุ่งออกมาจากตรงกลาง ระลอกคลื่นสีเงินแผ่ออกไปทั้งสี่ทิศราวกับคลื่นยักษ์ ทุกแห่งที่กวาดผ่านไปล้วนมีเสียงอึกทึกดังขึ้นไม่หยุด ราวกับจะฟ้าถล่มดินทลายลงมาจริงๆ

ทางฝั่งหัวหมาป่าสีโลหิตและร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันพลันถูกจันทราสีเงินม้วนวนเข้ามา

ฉากที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ซิวหรานและพวกมารดาเผ่าซิวหลัวที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ใกล้ๆ พลันหน้าเปลี่ยนสี เก็บอิทธิฤทธิ์ของตนพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย และหลบหลีกไปไกล เพื่อไม่ให้ถูกอานุภาพที่น่ากลัวกลุ่มนี้กวาดมาถึง

เมื่อทั้งสองฝ่ายปรากฏตัวที่ริมขอบฟ้าอีกครั้ง สายตาที่มองมาทางหานลี่ก็อดที่จะมีสีหน้าแปลกประหลาดไม่ได้

เซี่ยหรานและเฮยหลินย่อมตกตะลึงระคนดีใจ แต่ดวงตากลับมีแววตกตะลึง

เขาสองคนมั่นใจว่าตนไม่ใช่ระดับมหายานธรรมดาๆ แต่ก็ไม่อาจแสดงอานุภาพถล่มฟ้าดินเช่นนี้ได้

อิทธิฤทธิ์ของหานลี่ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของทั้งสองคนจริงๆ

มารดาเผ่าซิวหลัวมองเสาลำแสงที่พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า สีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้นอีกครั้ง

แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่เซี่ยหรานและเฮยหลินก็มองสบตากันแวบหนึ่ง กระตุ้นสมบัติอาคมและอิทธิฤทธิ์โจมตีใส่ฮูหยินอีกครั้งโดยไม่ปริปาก

ฮูหยินเห็นเช่นนั้นพลันโกรธเกรี้ยวไม่สนใจทางฝั่งของหานลี่อีก ทันใดนั้นก็หมุนตัวกลายเป็นแมงมุมเหี้ยมสามตัวที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว พลางพุ่งเข้าไปหาเซี่ยหรานและพวก

ชั่วพริบตาพวกเขาก็ตะลุมบอนกันจนแยกไม่ออก

ส่วนม่อเจี่ยนหลีและแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัวในยามนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าย้ายไปสู้กันที่ใดแล้ว

หลังจากเสียง “ปัง” ดังอึกทึกขึ้น เสาลำแสงหนาๆ ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป

รอบด้านพลันมีระลอกคลื่นสีเงินแผ่ออกมา แล้วม้วนวนพลางสลายหายไปจากกลางอากาศ

ยามนั้นกลางอากาศนอกจากไอความร้อนที่แผ่ออกมาเป็นระลอกๆ แล้ว ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

ทว่าจุดที่ชายชรายืนอยู่แต่เดิมพลันว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยใดๆ อีก

ราวกับว่าระดับมหายานเผ่าลำแสงเบญจธาตุผู้นี้หายไปจากการโจมตีเมื่อครู่แล้วจริงๆ

หญิงสาวสวมกระโปรงโลหิตเห็นฉากนี้ชัดเจนดวงตาพลันฉายแววฉงน ฉายแววเย็นเยียบออกมา

และในยามนั้นห่างจากชายชราไปห้าหกร้อยจั้งพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น คนตัวเล็กที่มีลำแสงห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบพลันปรากฏขึ้น

คนตัวเล็กสวมชุดเกราะแวววาวสองมือกุมตราประทับสีเขียวเอาไว้ ท่าทางและหน้าตาเหมือนกับชายชราอย่างไรอย่างนั้น นั่นก็คือทารกวิญญาณของเขา

คนตัวเล็กมองจุดที่กายเนื้อของตนสลายหายไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น ผิวมีลำแสงแวววาวปรากฏขึ้นโดยไม่ปริปากกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังเมืองศิลา

แต่เมื่อเขากลายเป็นลำแสงหลีกหนี เบื้องหน้าพลันมีลำแสงปรากฏขึ้น เงาสีทองสามเศียรหกกรพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น ขวางทางไว้พอดี

คนตัวเล็กพลันตกตะลึง สายรุ้งพลันเลี้ยวอ้อมพุ่งไปด้านล่าง

แต่ชั่วพริบตาที่มันเปลี่ยนทิศทาง ด้านล่างก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น มือใหญ่ๆ ที่มีขนปุกปุยสองข้างฉีกห้วงเวลาออกมา

วานรยักษ์สีทองสูงสิบจั้งเศษกระโดดออกมา ทันใดนั้นก็อ้าปากพ่นประจุไฟฟ้าสีทองหนาๆ ออกมา

คนตัวเล็กพลันตกตะลึง เมื่อคิดจะหลบหลีกกลับไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงโยนตราประทับในมือออกไปอย่างจนปัญญา แล้วขยายใหญ่กลางอากาศกลายเป็นฐานหินกลมขวางอยู่ด้านหน้า

เสียง “ปัง” ดังขึ้น

ประจุไฟฟ้าสีทองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปที่ตราประทับสีเขียว โจมตีมันจนกระเด็นลอยไป แต่ประจุไฟฟ้าสีทองกลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป

วานรยักษ์ขนสีทองมีสีหน้าโหดเหี้ยม แล้วสาวเท้าไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง มือยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบแล้วตะปบลงมา

แต่การล่าช้าแค่เล็กน้อยทารกวิญญาณของชายชรากก็ใช้สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ร่างกายส่งเสียง “ปัง” แล้วระเบิดออก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นขนนกเต็มท้องฟ้าสลายหายไปจากที่เดิม

ครู่ต่อมาด้านหลังวานรยักษ์ห่างออกไปร้อยจั้งเศษก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาร่างคนตัวเล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง และกลายเป็นผลึกลำแสงพุ่งไปยังเมืองศิลาที่อยู่ด้านล่าง

เห็นเพียงมันเปล่งแสงสว่างวาบสองครั้ง อยู่ห่างจากม่านลำแสงด้านนอกเมืองศิลาไปแค่คืบ เคล็ดวิชาหลีกหนีก็หนีเข้าไปด้านใน

แต่ในยามนั้นเสียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาก็ดังมาจากไหนก็สุดจะรู้ได้ เมื่อเข้าโสตของทารกวิญญาณชายชรา ชั่วขณะนั้นก็ทำให้จิตสัมผัสองเขาสั่นสะเทือนราวกับถูกอัสนีฟาดใส่ ปราณแท้ในร่างแข็งตัว เกือบจะร่วงลงมาจากกลางอากาศ

ชั่วพริบตาที่ลำแสงหลีกหนีของคนตัวเล็กสลายหายไป กลางอากาศก็มีลำแสงสีเหลืองปรากฏขึ้น หลังจากหมุนคว้างก็ทยอยกันกลายเป็นเม็ดผลึกสีเหลือง ในเวลาเดียวกันหมอกทรายสีเหลืองก็ก่อตัวขึ้นจากรอบด้าน กลายเป็นพายุสายหนึ่งม้วนทารกวิญญาณของชายชราเข้าไป ในเวลาเดียวกันพลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งก็กดลงมาจากใจกลาง

ผิวของคนตัวเล็กมีผลึกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดปังๆ ดังขึ้น ในเวลาเดียวกันใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีหน้าเจ็บปวด ราวกับว่าครู่ต่อมาจะถูกพลังมหาศาลกดจนระเบิดออกก็ไม่ปาน

ส่วนพลังมหาศาลอันน่ากลัวที่ส่งออกมาจากรอบด้าน กลับเพิ่มความเร็วขึ้นไม่หยุด

ยามนี้วานรยักษ์สีเหลืองที่อยู่ไม่ไกลกลับยืนนิ่งกลางอากาศ แต่ตรงหน้าผากกลับเปิดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ คนตัวเล็กสูงสองฉื่อสวมชุดคลุมสีเขียวยืนอยู่ตรงนั้น ฝ่ามือข้างหนึ่งแบรองน้ำเต้าความยาวสองสามชุ่นลูกหนึ่งเอาไว้ และกำลังหมุนวนอยู่กลางฝ่ามือไม่หยุด

รัศมีสีเหลืองที่พ่นออกมาจากปากน้ำเต้าพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ

แต่ในเวลาเดียวกันที่รัศมีลำแสงสีเหลืองสลายหายไปทุกสาย พลังมหาศาลรอบด้านทารกวิญญาณของชายชราก็เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง

คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะคาดเดาเส้นทางที่ทารกวิญญาณของชายชราจะหนีเอาไว้แล้ว แล้วปล่อยทารกวิญญาณออกไปอย่างไม่ลังเล พลางกระตุ้นสมบัติที่เพิ่งได้มาไม่นาน ห่อหุ้มทะเลทรายวัชระเดือดเอาไว้อย่างเงียบๆ

แม้ว่าทารกวิญญาณของชายชราจะมีอิทธิฤทธิ์ลึกลับอยู่กับตัวสองสามชนิด แต่ก่อนหน้าที่ถูกเคล็ดวิชาลับจิตสัมผัสของหานลี่โจมตี แล้วตกอยู่ท่ามกลางการโจมตีด้วยเม็ดทราย ทันใดนั้นก็ตกอยู่ในอันตรายทันที

ในยามที่ชายชรากำลังตกอยู่ในความเป็นความตาย ในที่สุดหญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตก็ลงมืออีกครั้ง

และไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้ใช้วิธีการใด เห็นเพียงสัตว์ประหลาดหัวหมาป่าสี่ตัวข้างกายร่างกายระเบิดออกอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน พายุด้านนอกม่านลำแสงมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หมอกโลหิตปรากฏขึ้นรอบด้าน และม้วนวนในเวลาเดียวกัน พลางห่อหุ้มทารกของชายชราเอาไว้ราวกับมีชีวิตก็ไม่ปาน

ชั่วขณะนั้นชายชราพลันรู้สึกพลังแรงกดรอบด้านลดลง ทันใดนั้นก็ดีใจแล้วหมุนตัวกลายเป็นนกยูงวาววับความยาวสองสามฉื่อตัวหนึ่ง หลังจากกระพือปีกทั้งสองข้างก็มีเปลวเพลิงห้าสีลุกโชนทันที

ทารกวิญญาณของหานลี่เห็นเช่นนั้นดวงตาทั้งสองพลันหรี่ลง น้ำเต้าสีเหลืองในมือเปล่งแสงสีเหลืองเจิดจ้าออกมา อักขระยันต์แวววับจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่ผิว

ชั่วขณะนั้นทารกวิญญาณของชายชราที่เดิมติดอยู่ในพายุหมุน พลันส่งเสียงกรีดร้องแล้วเพิ่มขึ้นสองสามเท่า ในเวลาเดียวกันเม็ดผลึกขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้น และแผ่ระลอกคลื่นเขตอาคมต้องห้ามแปลกประหลาดออกมา

แทบจะในเวลาเดียวกันพายุหมุนที่อยู่กลางอากาศอีกด้านพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาร่างสีทองสูงร้อยจั้งเศษปรากฏขึ้น นั่นก็คือร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์

เมื่อร่างทองเคลื่อนย้ายกายปรากฏขึ้น แขนทั้งหกพลันตะปบออกไปกลางอากาศ อาวุธทั้งหกกรวย ไม้เท้า ค้อน ไม้ วงแหวน เหล็กท่อนพลันปรากฏขึ้น หลังจากร้องตะโกน ก็ทุบไปที่ใจกลางของยอดเขายักษ์พร้อมกัน

เสียง “ตึง” ดังสะเทือนเลื่อนลั่น

ในพายุหมุนมีเสียงระเบิดดังขึ้น ในเวลาเดียวกันรัศมีลำแสงสีทองพลันระเบิดออกที่ใจกลาง ระลอกคลื่นม้วนวนออกมา แผ่ไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านอย่างรวดเร็ว

ทารกวิญญาณของหานลี่ที่อยู่เหนือวานรยักษ์มองไปยังใจกลางของรัศมีลำแสงด้วยดวงตาสีดำสนิท รูม่านตาหดเล็กลง แล้วสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย แขนที่อยู่ด้านในขยับ ดูเหมือนว่าจะคิดร่ายอาคมอันใด แต่ทันใดนั้นก็คิดอันใดได้ นิ้วทั้งห้ากางออก

เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!

เหนือเมืองศิลาด้านข้างหญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น นกยูงจิ๋วที่ปีกเสียหายไปครึ่งหนึ่งบินออกมา และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อร่างปรากฏตัวขึ้น ก็ส่งเสียงกรีดร้องเสียงแหลมของชายชราดังออกมา

“สหายอิง ช่วยข้าเร็ว มีแค่อิทธิฤทธิ์วิญญาณย้อนกลับของเจ้าถึงจะซ่อมแซมทารกวิญญาณของตาเฒ่าได้ ขอแค่เจ้าช่วยทารกวิญญาณของข้าได้ จากนี้ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าให้จงหนัก”

สิ้นเสียงนกยูงจิ๋วมีรัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลับร่างคนอีกครั้ง แค่ร่างกายกว่าครึ่งกลับหายวับไป กลิ่นอายเปลี่ยนเป็นอ่อนแรงอย่างยิ่ง ราวกับว่าจะตายจริงๆ ได้ตลอดเวลาก็ไม่ปาน

แม้ว่าเมื่อครู่จะมีหญิงสาวลงมือช่วยเหลือ ตนก็มีทารกวิญญาณปรากฏขึ้นแล้วพุ่งตัวหนีไป แต่ภายใต้การโจมตีด้วยพลังแปลกประหลาดของทรายวัชระเดือดและอาวุธทั้งหกของร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็อดที่จะช้าไปครึ่งก้าวไม่ได้ ทำให้ทารกวิญญาณได้รับบาดเจ็บหนัก

หากหญิงสาวไม่ใช้พลังเวลาออกแรงช่วย เกรงว่าเขาอาจจะต้องร่วงลงมาจากระดับมหายาน

มิน่าล่ะคำพูดของเขาเมื่อครู่ถึงได้หวาดกลัวเช่นนั้น

“เยี่ยม”

หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีโลหิตกวาดตามองทารกวิญญาณของชายชราแวบหนึ่ง พยักหน้าด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แล้วตบไปเบาๆ…