เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1303
ลมดุจดั่งมีด ชี่ดุจดั่งสายรุ้ง
กระบี่จงเทียนเปล่งประกายลำแสง และในคู่ดวงตาของหลินหย่า ก็เริ่มเปล่งประกายลำแสงวิชาชิงวิญญาณขึ้นแล้วเช่นกัน
เทียนชิงหยางยืนอยู่ตรงนั้น โดยได้เก็บกระบี่มังกรคำรามขึ้นแล้ว
เขามองไปที่หลินหย่าอย่างเย็นชา และพูดขึ้นว่า: “ดูเหมือนว่าเธอจะต้องลงมือต่อสู้กับฉันถึงจะยอมหยุดล่ะสิ! ”
หลินหย่าพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “เทียนชิงหยาง นายยโสโอหังขนาดนี้ วันนี้ฉันจะทำให้นายพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายเลย! ”
เมื่อพูดจบ หลินหย่าก็เดินก้าวขึ้นมาด้านหน้า กระบี่จงเทียน ประกายลำแสงสีขาวและสีดำ ซึ่งก็คือกระบวนท่าของการปลดปล่อยวิชาชิงวิญญาณ
คู่ดวงตาของเทียนชิงหยางเกิดแสงกระพริบ ทันใดนั้นร่างกายก็แข็งทื่อเคลื่อนไหวไม่ได้
เมื่อหลินหย่าเห็นว่าเทียนชิงหยางถูกพลังโจมตีแล้ว กระบี่จงเทียนในมือก็พลันเกิดลำแสงลายเส้นปากว้าขึ้น
กระบี่คะนองเทพปากว้า!
ท่วงท่าดุจดั่งมังกรคะนองน้ำพุ่งทะยาน ลำแสงกระบี่ดุจดั่งแสงรุ่งอรุณตอนดวงอาทิตย์ขึ้น
หลินหย่าก็ได้ใช้กระบวนท่านี้เอาชนะสือเฉินที่เป็นหนึ่งในลูกหลานของสิบตระกูลใหญ่ วันนี้ เธอก็ยังจะใช้กระบวนท่านี้เข้าต่อสู้เพื่อที่จะเอาชนะเช่นกัน!
กระบี่มาถึงที่ตรงหน้าแล้ว แต่เทียนชิงหยางก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว
ทั้งตัวหลินหย่าและกระบี่ ได้ผ่านข้างกายของเทียนชิงหยางไปแล้ว
บนแท่นผู้ชม ทุกคนต่างก็ตกตะลึง หรือวันนี้เทียนชิงหยางจะต้องจบสภาพลงแบบเดียวกับสือเฉินอีก
ผู้ชมนับไม่ถ้วนต่างก็ชะเง้อคอ มองไปยังด้านในของสนามบู๊
ภายในเมือง เกือบทุกคนล้วนมองขึ้นไปที่ท้องฟ้า
เพื่อชมกระบวนท่ากระบี่สังหารนี้ของหลินหย่ากันอีกครั้ง!
แต่ทันใดนั้น เงาร่างของเทียนชิงหยางก็แหลกสลายไปอย่างกับเงาลวงตา กลายเป็นควันพวยพุ่งสูญหายไปกับที่
หลินหย่าถึงกับเหงื่อตก แล้วมองไปยังระยะไกล แต่ก็เห็นว่าเทียนชิงหยางนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย เขานั่งอยู่บนเก้าอี้กิเลนโดยตลอด และหลับตาทั้งสองข้าง
ใครจะไปคิดได้ว่า ตั้งแต่ขึ้นบนสังเวียนจนถึงตอนนี้ เทียนชิงหยางก็แค่แสดงเงาลวงตาออกไปเท่านั้นเอง!
หลินหย่ามองไม่ออก ฉินซางต้าตี้และคนอื่น ๆ ก็มองไม่ออกเหมือนกัน
คงจะมีเพียงแค่พวกไอ้อ้วนตงที่มองออก ดังนั้นโดยรอบบริเวณสนามบู๊ ก็มีเพียงพวกไอ้อ้วนตงที่แสดงรอยยิ้มบนใบหน้า
ส่วนคนอื่น ต่างก็ตะลึงและประหลาดใจกันทั้งหมด
“วิชาทะยานเมฆา เมฆปรากฏตัวขึ้นจากมังกร ส่วนมังกรแอบซ่อนตัวอยู่ในท้องฟ้า! ”
“วิชากายทะยานเมฆา,มังกรจากเมฆา,มังกรที่ซ่อนอยู่ในท้องฟ้า!”
เจ้าบ้านตระกูลเทียนส่ายศีรษะไปมาพร้อมกับพูดชื่อของวิชาที่เทียนชิงหยางใช้ขึ้น โดยสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
ท่าไม้ตายเซียนบู๊เทียนซ่วน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพียงวิชากลายร่างแค่อย่างเดียวเท่านั้น
เวลานี้เทียนชิงหยางได้แสดงให้ทุกคนเห็นถึง ความแข็งแกร่งของวิชาทะยานเมฆาของตนเอง แม้ตอนที่เผชิญหน้ากับสุ่ยสือฉวน เขาก็ยังไม่ใช้กระบวนท่านี้
ไม่ใช่ว่าเขาจะดูถูกสุ่ยสือฉวน แต่สุ่ยสือฉวนยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะบีบบังคับให้เขาแสดงกระบวนท่านี้ออกมาเท่านั้น
แต่วันนี้ ที่เทียนชิงหยางกลับต้องใช้กระบวนท่านี้ ไม่ใช่เพราะว่าหลินหย่ามีความสามารถเหนือกว่าสุ่ยสือฉวนแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะวันนี้เขาไม่อยากที่จะลงมือแล้ว ซึ่งการใช้วิชานี้ ก็สามารถที่จะทำลายเจตจำนงของหลินหย่าลงได้อย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามได้แสดงกระบวนท่าไม้ตายออกมาอย่างเต็มที่แล้ว แต่กลับพบว่าที่ตนเองกำลังโจมตีนั้นเป็นเพียงแค่เงาลวงตา ความกดดันอึดอัดทางอารมณ์ คงไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ก็เหมือนกับหลินหย่าที่มีลักษณะท่าทางเปลี่ยนไปอย่างมากในเวลานี้!
หลังจากที่โจมตีไปแล้วนั้น หลินหย่าก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองอ่อนแอลงไปไม่น้อย
โดยไม่งายเลยกว่าที่จะฟื้นฟูปรับสภาพจิตญาณให้ดีกลับคืนมาได้ในสิบวัน แต่ตอนนี้ก็เริ่มที่จะผันผวนอีกครั้งแล้ว
หลินหย่าชัดเจนอย่างมากว่า การโจมตีแบบนี้ ตัวเองสามารถที่จะใช้งานได้มากที่สุดเพียงสามครั้งเท่านั้น
หลังจากใช้ไปสามครั้งแล้ว เธอเองก็คงจะหมดแรงและล้มลงไปกองที่พื้น!
ตอนนี้ได้ใช้งานไปแล้วหนึ่งครั้ง!
หลินหย่าสูดหายใจลึก และจ้องเขม็งไปยังเทียนชิงหยางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กิเลนนั่น
เธอยังคงไม่สามารถแยกแยะออกได้ว่าเทียนชิงหยางคนนี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม หรือจะใช่เงาลวงตาที่เทียนชิงหยางปลดปล่อยออกมาหรือไม่
หลินหย่าเดินขึ้นมาด้านหน้า และตัดสินใจใช้กระบี่แทงเข้าไปเพื่อดูว่าตัวจริงหรือตัวปลอม
หลินหย่ากลายร่างเป็นลำแสง พร้อมกับใช้กระบี่ทิ่มแทงไปที่เทียนชิงหยาง แต่เธอกลับลืมไปว่า
เทียนชิงหยางนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถกลายร่างเป็นเงาลวงตาเพียงร่างเดียวในแต่ละครั้งเท่านั้น!
ทันใดนั้น หลินหย่าก็พลันรู้ว่าร่างกายของตัวเองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว เห็นเพียงเทียนชิงหยางปรากฏขึ้นจำนวนมากอย่างกระทันหัน ซึ่งแต่ละร่างยืนอยู่เบื้องหน้าของหลินหย่า และบีบคอของเธออย่างหนัก!
แต่ละร่าง เหมือนจะมีตัวตนอยู่จริง โดยหลินหย่าถูกบีบคอจนยากที่จะเคลื่อนไหว จึงทำได้เพียงปล่อยพลังปราณ เพื่อที่จะกระแทกให้มันกระเด็นออกไป
แต่การกระทำของเธอนั้น เหมือนว่าจะถูกเทียนชิงหยางคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว
ในขณะที่พลังปราณจากร่างของเธอนั้นถูกปลดปล่อยออกมา เงาลวงตาทั้งหมดก็ระเบิดสลายไป
โดยแรงระเบิดแฝงไปด้วยกระแสลมในอากาศที่รุนแรง รวมถึงอานุภาพพลังฟ้าดินห้าธาตุ จนทำให้หลินหย่าต้องถอยร่นไม่หยุด!
การระเบิดครั้งนี้ เหมือนจะลุกลามไปไม่หยุด โดยปรากฏขึ้นไปทั่วทั้งสนามบู๊แล้ว
บนแท่นผู้ชม เมื่อสุ่ยสือฉวนเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่าที่เขาพ่ายแพ้นั้นคงจะไม่ต้องตัดพ้อแต่อย่างใด เพราะตอนที่เทียนชิงหยางต่อสู้กับเขา ยังมีวิชาอีกมากที่ยังไม่ได้แสดงออกมาเลย
หลินหย่าถูกระเบิดอย่างกระเซอะกระเซิง พลังปราณในร่างกายก็สิ้นเปลืองไปอย่างหนัก
เมื่อมองทะลุผ่านการระเบิดเหล่านี้ไปแล้ว หลินหย่าก็มองเห็นอย่างใจเย็นว่ายังคงมีเงาร่างของเทียนชิงหยางที่ยังไม่ระเบิดอยู่อีก นั่นก็คือเงาร่าง ที่นั่งอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด
เวลานี้ หลินหย่าเองก็ไม่สนใจอะไรมากแล้ว
เหาะเหินพร้อมกับถือกระบี่พุ่งสังหารไปที่เทียนชิงหยางทันที ในขณะที่เธอแทงกระบี่นั้น ก็ปลดปล่อยวิชาชิงวิญญาณออกมาด้วย
เมื่อกระบี่พุ่งมาถึง ก็แทงทะลุกระแสชี่ป้องกันของเก้าอี้กิเลน แล้วก็แทงทะลุเข้าไปอีกครั้ง!
หลินหย่าสะดุ้งตกใจ เป็นเงาลวงตาอีกแล้ว!
ในขณะนั้นเอง เสียงระเบิดก็หยุดลง แต่เงาลวงตาเหล่านั้นของเทียนชิงหยาง ก็มาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเธอ ร่างหนึ่งแย่งกระบี่ ร่างหนึ่งจับมือเธอเอาไว้ ส่วนที่เหลืออีกสองร่างก็ถีบเข้าไปที่น่องขาของหลินหย่า