บทที่ 819 เข้าใจผิดมากไปกว่าเดิม

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

หลินเหวินปิงสัมผัสได้ว่าคืนนี้จู่ ๆ ลูกสาวของเขาค่อย ๆ ย่องออกจากห้อง ซึ่งมันไม่ปกติเป็นอย่างมาก เขาจึงรู้สึกสนใจอยากจะรู้ว่าลูกสาวของเขากำลังจะย่องไปหาใครกันแน่

เมื่อเขาแอบตามนางไป เขาก็ได้พบกับความจริงว่าแท้จริงแล้วนางแอบไปหาหลิงตู้ฉิงนั่นเอง แต่ในเวลาที่เขาไปเห็นนั้นมันกลับเป็นแค่ช่วงเวลาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดว่าลูกสาวของเขากับหลิงตู้ฉิงนั้นคุยอะไรกัน เขาจึงยิ่งเข้าใจผิดมากขึ้นกว่าเดิมและปักใจเชื่อมากขึ้นว่าลูกสาวของเขามีใจให้กับหลิงตู้ฉิง และหลิงตู้ฉิงก็ชอบลูกสาวของเขาเช่นกัน

เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อนางที่จากไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม หลินหรูซวนก็รู้ในทันทีว่าตอนนี้เรื่องของนางกับหลิงตู้ฉิงมันยิ่งถูกเข้าใจผิดจนเลยเถิดมากเข้าไปใหญ่

นางรู้สึกโมโหเป็นอย่างมากจนทนไม่ไหว และเขวี้ยงแหวนหยกที่อยู่ในมือใส่หลิงตู้ฉิง อย่างสุดแรง แต่น่าเสียดายที่ในทันทีแหวนหยกถูกปาออกจากมือนาง แค่เพียงหลิงตู้ฉิง โบกมือครั้งเดียว แหวนหยกวงนั้นมันก็บินวกกลับไปหาตัวนางทันทีและจากนั้นไม่ว่านางจะปามันออกไปกี่ครั้งก็ตามมันก็จะบินกลับไปหานางเสมอ

หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนี้ของหลินหรูซวน เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบรรดาลูกสาวของเขาและนางเองก็นับได้ว่าเป็นลูกหลานของเขาเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะมอบของให้นางเพิ่มสักหน่อย “เจ้าโยนแหวนมาใส่ข้าแบบนี้มันหมายความว่าเจ้าคิดว่าแหวนนี่มันไร้ค่าเกินไปสำหรับเจ้าใช่ไหม? ได้! งั้นข้าจะให้สมบัติที่ล้ำค่ากว่าแหวนวงนี้ให้เจ้า ข้าอยากรู้ว่ารอบนี้เจ้าจะกล้าโยนทิ้งอีกรึเปล่า! รับไปนี่คือปิ่นปักผมระดับสวรรค์!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ส่งปิ่นปักผมหยกระดับสวรรค์ให้ลอยไปสวมอยู่บนม้วนผมของหลินหรูซวน

“เอาล่ะ เจ้าได้สิ่งที่เจ้าต้องการแล้ว ตอนนี้ให้ข้าพักผ่อนสักที พรุ่งนี้ข้ามีนัดกับพี่ชายของเจ้าเดินเล่นทั่วเกาะหนานชาน!” หลิงตู้ฉิงโบกมือไล่หลินหรูซวน จากนั้นเขาก็วาดภาพเสือขอบเขตรวมแสงดาราตัวหนึ่งลงบนกระดาษ และสั่งให้มันไล่หลินหรูซวนกลับไป

หลินหรูซวนถูกเสือที่ถูกวาดขึ้นขับไล่ให้ออกไปจากเรือนรับรองด้วยสีหน้าสับสนอย่างรุนแรง

นี่มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอที่ชายผู้นี้ชอบนาง?

ตอนแรกก็มอบสมบัติระดับราชวงศ์ให้นาง แล้วตอนนี้กลับมอบสมบัติระดับสวรรค์ให้นางอีกชิ้นนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?

นางรีบดึงปิ่นปักผมที่หลิงตู้ฉิงมอบให้นางออกจากม้วนผมนางทันที และเก็บมันซ่อนไว้ในแหวนมิติของนางพลางคิดในใจ

‘แค่แหวนหยกระดับราชวงศ์ก็ทำให้ญาติ ๆ ของนางเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่แล้ว หากคนอื่น ๆ ได้เห็นปิ่นปักผมอันนี้มีหวังนางได้ถูกจับแต่งงานแน่นอน!’

วันต่อมา หลินเหรินเจี๋ยก็มาตามหลิงตู้ฉิงถึงหน้าห้องด้วยสีหน้าแปลกประหลาด และพูดขึ้นว่า “พี่อู๋ เห็นท่านบอกว่าอยากจะชมความงดงามของเกาะหนานชาน วันนี้ข้าจะพาท่านเดินดูรอบ ๆ เกาะเอง แต่…น้องสาวของข้านางเองก็บอกว่าอยากมาด้วยเช่นกัน แต่ว่านางจะตามไปเจอเราระหว่างทางเพราะว่านางมีธุระต้องไปทำก่อน…”

อันที่จริง หลินเหรินเจี๋ยรู้แล้วเรื่องที่พ่อของเขาเชิญหลิงตู้ฉิงร่วมทานอาหารค่ำกับตระกูลของเขา แถมพ่อของเขายังบอกอีกว่าหลิงตู้ฉิงน่าจะสนใจในตัวน้องสาวของเขา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

“ถ้านางจะตามมาด้วยก็ไม่เป็นไร เอาล่ะตอนนี้เจ้าก็พาข้าไปดูรอบ ๆ เกาะเถอะ” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ว่าแต่ข้าได้ยินมาว่าเกาะของเจ้ากำลังจะถูกศัตรูบุก เจ้าช่วยอธิบายรายละเอียดเรื่องนี้ให้ข้าฟังหน่อยจะได้ไหม?”

เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงเริ่มจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างแล้ว หลินเหรินเจี๋ยก็ได้แต่ถอนหายใจและพูดว่า “อันที่จริงข้าไม่อยากให้ท่านต้องปวดหัวกับเรื่องของข้าด้วยอีกคนเลยจริง ๆ แต่ก็เอาเถอะไหน ๆ ท่านก็พอรู้อะไรบ้างแล้ว ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน อาณาเขตหนานหัวที่พวกเราอาศัยอยู่ในตอนนี้มีสามกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดคานอำนาจกันอยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลหลินของข้า ส่วนอีกหนึ่งก็คือตระกูลกงที่อยู่ทางเหนือและอีกตระกูลหนึ่งก็คือตระกูลเจ้าเมืองหนานหัว”

“แต่เดิมพวกเราสามตระกูลนั้นอยู่กันอย่างสงบเรื่อยมา แต่แล้วต่อมาเมื่อข้าได้เจอกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลกง กงหลิง นางกับข้าพวกเราก็ตกหลุมรักกันในทันทีตั้งแต่แรกเจอและสาบานว่าจะอยู่ร่วมกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่น่าเสียที่ทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามที่พวกเราคิด เพราะจู่ ๆ ตระกูลกงกลับบังคับให้นางต้องไปแต่งงานกับลูกชายของเจ้าเมืองหนานหัว และด้วยความไม่ยินยอมนางจึงหนีมาหลบอยู่ที่ตระกูลของข้าบนเกาะแห่งนี้”

“แน่นอนว่าหลังจากนั้นเมื่อตระกูลกงรู้เรื่องนี้เข้าพวกเขาก็โมโหเป็นอย่างมาก และประกาศเอาไว้ว่าพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อมาพาตัวนางกลับไปให้ได้ ซึ่งทำให้สถานการณ์มันวุ่นวายมาจนถึงปัจจุบันนี้”

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “มันไม่ใช่เรื่องปกติรึไงที่พวกเขาจะต้องมาพาตัวลูกสาวของพวกเขาคืน? ส่วนตัวเจ้าเองในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้ารักนางและต้องการอยู่ร่วมกับนาง ทำไมเจ้าถึงไม่ไปคุยกับตระกูลกงให้มันรู้เรื่อง ทำไมเจ้าดันมาเตรียมรบกับพวกเขาแบบนี้?”

หลินเหรินเจี๋ยตอบกลับด้วยสีหน้าอับอาย “คือว่า…หลังจากที่ข้ากับน้องหลิงสาบานว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนวันตาย ข้ากับนาง…คือตอนนี้นางตั้งท้องอยู่! และเรื่องนี้ก็รู้ไปถึงหูของตระกูลกงแล้วเช่นกัน ซึ่งมันทำให้พวกเขายิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมและยืนยันว่าพวกเขาจะต้องเล่นงานตระกูลของข้าให้ย่อยยับให้ได้ให้สมกับที่ข้าสร้างความเสื่อมเสียให้กับตระกูลของพวกเขา พี่อู๋ ท่านคงจะไม่รู้ ตระกูลกงนั้นเป็นตระกูลที่เคร่งในกฎระเบียบของพวกเขามาก ดังนั้นเมื่อมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นพวกเขาจึงไม่มีทางยอมถอยเด็ดขาด”..

“พวกเขายังได้พูดเอาไว้อีกว่าความอับอายนี้น้องหลิงของข้ามีส่วนเกี่ยวข้องซะส่วนใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจะลงโทษนางโดยการโบยนางให้ตายเพื่อเป็นการกู้คืนเกียรติของพวกเขากลับมา ดังนั้นเมื่อพวกเขาตัดสินใจกันแบบนี้ ทางฝั่งของข้าเองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคอยระวังตระกูลกงเอาไว้ทุกวินาที”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เนื่องจากเขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนและไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง

ถ้าคิดกันตามหลักเหตุผลแล้วตระกูลหลินนั้นเป็นฝั่งที่ทำผิด ยังไม่ทันเข้าพิธีแต่งงานหรือแจ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ใด ๆ หลินเหรินเจี๋ยกลับไปทำลูกสาวของตระกูลกงท้องซะแล้ว แต่ตระกูลหลินดันเป็นตระกูลของเขา ซึ่งถ้าเขาจะไม่ช่วยมันก็ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไงต่อดี

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก หลินเหรินเจี๋ยก็พูดขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “นี่มันเป็นความผิดของข้าเองทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะข้าเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น พี่อู๋ ท่านอย่าได้มาปวดหัวกับเรื่องของข้าอีกคนเลย เอาเป็นว่าตอนนี้ให้ข้านำท่านชมความสวยงามรอบ ๆ เกาะก่อนจะดีกว่า”

อันที่จริง หลินเหรินเจี๋ยก็รู้สึกประหลาดใจกับตัวเองเหมือนกันเพราะเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงเล่าเรื่องของตระกูลเขาให้กับหลิงตู้ฉิงฟัง

จากนั้นในระหว่างที่พวกเขาเดินออกจากเรือนรับรอง พวกเขาก็เห็นหญิงสาว ซึ่งมีหน้าตางดงามนางหนึ่งยืนรออยู่ด้านนอก

“พี่อู๋ นี่ภรรยาของข้า กงหลิง!” หลินเหรินเจี๋ยแนะนำ

“คารวะพี่อู๋!” กงหลิงย่อตัวเล็กน้อย และทักทายหลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีจริงใจ

หลิงตู้ฉิงมองไปที่คนทั้งคู่ จากนั้นเขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและตอบกลับ “อืม พวกเจ้าเหมาะสมที่จะอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า!”

เขาเห็นอารมณ์ของคนทั้งคู่ได้อย่างชัดเจนว่าจริงใจต่อกันอย่างแท้จริง และยังรู้สึกได้อีกว่าในร่างของกงหลิงนั้นมีอีก 1 ชีวิตที่กำลังจะกำเนิด แต่เรื่องราวของพวกเขามันซับซ้อนเกินไป ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงยังไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็พากันเดินชมความงดงามของวิวทิวทัศน์รอบๆเกาะ

“พี่อู๋ ที่นี่คือหอคอยเสียงสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของเกาะหนานชาน ตามตำนานเคยกล่าวไว้ว่าเสียงที่เปล่งออกมาจากหอคอยนี้มีอำนาจทำให้เหล่าผู้คนเข้าใจในพลังแห่งกฎต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ว่าข้าเองก็มาที่นี่อยู่หลายต่อหลายครั้งแล้วแต่ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงอะไรดังออกมาจากมันเลย พี่อู๋อยากจะลองขึ้นไปชมที่ด้านบนหอคอยสักหน่อยไหม?” หลินเหรินเจี๋ยเอ่ยชวน

หลิงตู้ฉิงหรี่ตามองไปที่หอคอยเสียงสวรรค์ จากนั้นเขาตอบกลับว่า “เอาสิ พาข้าขึ้นไปดูด้านบนหน่อย!”

หลิงตู้ฉิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างที่เขาคุ้นเคยแผ่ออกมาจากหอคอยเสียงสวรรค์

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเห็นได้ว่าแท้จริงแล้วหอคอยเสียงสวรรค์แห่งนี้คือมหาค่ายกลที่ถูกสร้างขึ้นมาหลังจากที่เขาตัดขาดตระกูลไป ซึ่งมหาค่ายกลนี้จะมีก็แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะมองมันออกว่ามันคือมหาค่ายกล

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?

ทำไมของแบบนี้ถึงได้มาโผล่ที่บ้านเกิดของเขาได้?

เมื่อเห็นว่าหอคอยนี้ซ่อนความลับอะไรไว้หลายอย่าง เขาก็ตัดสินใจว่าจะต้องขึ้นไปตรวจสอบมันให้ละเอียด

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันก้าวเข้าไปในหอคอยเสียงสวรรค์ เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของหลินหรูซวนดังขึ้น “ช้าก่อน!”