ตอนที่ 2128 แบบนี้ไม่ได้การ…

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2128 แบบนี้ไม่ได้การ…

มีแต่วรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เท่านั้นที่จะทำให้เขาต่อสู้กับปรมาจารย์ขงได้อย่างสมน้ำสมเนื้อและช่วยตู้ชิงหย่วนได้

แต่ตอนนี้เขายังไม่มีเทคนิควรยุทธที่เหมาะสม จำเป็นต้องเสาะแสวงหาเส้นทางของตัวเองให้พบหากอยากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต

แต่การเสาะแสวงหาเส้นทางของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย

จางเซวียนใช้สมาธิพินิจพิจารณามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าควรให้ความสำคัญที่จุดไหน

เฮ่อออออ!

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็เพ่งสมาธิเข้าสู่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงอีกครั้งพร้อมกับครุ่นคิดพิจารณาภูมิปัญญาทั้งหมดที่ได้รับมาตลอดหลายวันก่อน ไม่ช้าจางเซวียนก็ค่อยๆดำดิ่งเข้าสู่ภวังค์

เราคือนักรบผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า**ร่างกายของเราไม่อาจฝึกฝนเทคนิควรยุทธที่มีระดับขั้นอ่อนด้อยเกินไป

เทคนิควรยุทธที่อ่อนด้อยนั้น นอกจากจะขัดขวางการพัฒนากายเนื้อและวรยุทธ ยังไม่อาจช่วยยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ได้มากนักด้วย

เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรเหยาะแหยะไม่ได้ต่อให้เทคนิควรยุทธที่เราคิดค้นขึ้นจะยังไม่ถึงขั้น เทคนิคเทียบฟ้า แต่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเข้าใกล้ระดับนั้น*!*

นี่คือนิสัยของจางเซวียน หากเขาจะทำอะไร ก็จะมุ่งมั่นทำจนสุดความสามารถเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง

ปรมาจารย์ขงบอกไว้ว่าตัวเขาคือผู้ครอบครองลิขิตสวรรค์ขณะที่เรารับรู้มลทินสวรรค์ได้ยิ่งเราใช้หอสมุดเทียบฟ้าบ่อยครั้งเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องพึ่งพามันมากขึ้นเท่านั้นและสุดท้ายเราก็จะถูกสวรรค์กลืนกิน…จางเซวียนครุ่นคิด

ถึงคำพูดนั้นจะออกจากปากศัตรู แต่เมื่อพิจารณาและใคร่ครวญให้ดี ก็ยังรู้สึกว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นความจริง

ก็เหมือนกับปรมาจารย์ฟ้าประทาน อำนาจสวรรค์ทำให้เขาพัฒนาตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง แต่หากเขาอยากก้าวไปจนเหนือขีดจำกัดของสวรรค์ ในที่สุดก็จะต้องตัดความเชื่อมโยงกับมัน

ไม่อย่างนั้น การที่เขาต้องพึ่งพาสวรรค์จะยับยั้งการพัฒนาเอาไว้ สุดท้ายทุกอย่างก็จะชะงักงัน

ลิขิตสวรรค์และมลทินสวรรค์ อยากรู้จริงว่าที่เหลือคืออะไร

ขณะที่จางเซวียนครุ่นคิด ก็ลืมเวลาไประยะหนึ่ง

ไม่ว่าเขาจะต้องพึ่งพาเคล็ดวิชาเทียบฟ้าหรือไม่ เรื่องจริงก็คือการรวบรวมหนังสือเทคนิควรยุทธให้ได้ตามที่พอใจนั้น นับวันจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆตามระดับวรยุทธที่สูงขึ้น อีกอย่าง เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ไอสีเทาเพิ่มปริมาณขึ้นได้อีก ไม่อย่างนั้นล่ะก็ สุดท้ายจะต้องกลายเป็นหุ่นเชิดของสวรรค์แน่!

จางเซวียนจึงรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้เส้นทางนี้

เขานั่งนิ่งไม่ไหวติงตลอด 3 วันถัดมา ไม่กินอาหารและไม่ดื่มน้ำ

3 วันในมิติเบื้องบนเท่ากับราว 300 วันในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง เวลาเกือบ 1 ปีจึงผ่านไปโดยจางเซวียนไม่ทันรู้ตัว

ภายใน 1 ปีนี้ จางเซวียนไม่ได้หยุดพักเลยแม้ชั่วพริบตา ความเหนื่อยล้าทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เขาเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ร่างกายคงรับไม่ไหว!

“แบบนี้ไม่ได้การ…”

“แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน…”

“อีกนิดเถอะ…ทำไมเราถึงพลาดนิดพลาดหน่อยอยู่เรื่อย!”

สิ่งนี้ดำเนินไปตลอด 7 วันของมิติเบื้องบน

ในช่วงเวลานี้ จางเซวียนรวบรวมหนังสือเทคนิควรยุทธชั้นยอดไว้ได้อย่างน้อยหมื่นเล่ม แต่ทุกเล่มล้วนไม่เหมาะกับสภาวะร่างกายของเขา อีกทั้งยังมีข้อด้อยที่ทำให้ไม่พึงพอใจ สุดท้ายจางเซวียนก็ไม่มีทางเลือกนอกจากล้มเลิกและหันไปเพ่งสมาธิเข้าสู่กายเนื้อ

โลกภายนอกเพิ่งผ่านไป 10 วัน แต่เขาใช้เวลาในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงได้เกือบ 3 ปีแล้ว

การคร่ำเคร่งฝึกฝนอย่างหนักตลอดช่วงเวลานี้ทำให้หัวสมองของจางเซวียนเหนื่อยล้า

เขารู้สึกสิ้นหวัง เพราะถ้ายังคิดค้นเทคนิควรยุทธไม่ได้ ก็ไม่มีทางฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ และถ้าเขามุ่งหน้าสู่หอเทพเจ้าในสภาพนี้ ก็มีแต่จะรนหาที่ตาย

จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเดินออกจากห้องเพื่อจัดการธุระเฉพาะหน้าก่อน

ไม่ช้าจางเซวียนก็พบผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน เขารีบตั้งคำถาม “ผลการค้นหาเป็นอย่างไร? พวกคุณพบตัวเธอหรือยัง?”

ตอนที่กลับจากทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาได้สั่งการให้เหล่าผู้อาวุโสของสำนักดาบเมฆเหินแจ้งข่าวต่อสำนักดาวเจ็ดดวง หอนานาอสูร และตำหนักคว้าดาวให้ค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของหลัวฉีฉี

ในเมื่อเวลาผ่านไป 10 วันแล้ว พวกนั้นก็น่าจะพบอะไรบ้าง

“เรียนเจ้าสำนักจาง ทั้ง 4 สำนักได้ส่งศิษย์สายตรงจำนวนหลายแสนคนออกปูพรมค้นหาทั่วทุกเมืองใหญ่ในมิติเบื้องบน แต่ไม่มีใครพบเห็นหรือได้ข่าวคราวของนายหญิงหลัวฉีฉีเลย!” ผู้อาวุโสประสานมือและให้คำตอบ

“ไม่มีข่าวคราวเลยหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

ในเมื่อหลัวชวนฉิงบอกว่าหลัวฉีฉีข้ามผ่านปราการแห่งมิติของทวีปแห่งปรมาจารย์เพื่อเข้าสู่โลกที่มีระดับขั้นสูงกว่าเดิม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะมาที่นี่…แล้วทำไมถึงไม่มีข่าวคราวของเธอ?

จางเซวียนเชื่อมั่นในศักยภาพของเครือข่ายข้อมูลข่าวสารของ 4 สำนักใหญ่ หากพวกเขาหาตัวเธอไม่พบภายใน 10 วันนี้ เธอก็น่าจะไม่ได้อยู่ในมิติเบื้องบน

แต่ถ้าเธอไม่ได้มาที่มิติเบื้องบนหลังจากที่ออกจากทวีปปรมาจารย์ แล้วจะไปที่ไหน?

ไว้ค่อยคิดทีหลังก็แล้วกัน…จางเซวียนตัดสินใจ

ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาทำได้ จางเซวียนได้แต่ส่ายหัวและมุ่งหน้าสู่บริเวณที่เหล่าศิษย์สายตรงของเขากำลังฝึกฝนวรยุทธ

ตลอด 10 วันที่ผ่านมา ทุกคนพัฒนาไปมาก จ้าวหย่า เจิ้งหยางและคนอื่นๆสำเร็จวรยุทธอมตะตัวจริงแล้ว

แม้แต่หยวนเทาซึ่งมักจะล้าหลังพรรคพวกอยู่เสมอก็สำเร็จวรยุทธเสมือนอมตะสรวงสวรรค์

ส่วนไป๋เหรินชิง เธอฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ระดับอมตะขั้นสูงได้สำเร็จ ทำให้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ในบรรดานักรบรุ่นเดียวกันของสำนักดาบเมฆเหิน

เห็นทุกคนขะมักเขม้นฝึกฝนวรยุทธ จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วก็นึกหนักใจ จึงเดินกลับห้องเพื่อปลีกวิเวกต่อ ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นไม่ไกลนัก

“นายน้อย คุณต้องชดเชยความเสียหายให้ผมนะ! ผม, ซุนฉางผู้เป็นที่รักของคุณ อยู่เคียงข้างคุณมาก็หลายปี เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่ที่อาณาจักรเทียนเซวียน คุณจะเอาเจ้าโจรสลัดหน้าด้านนี่มาแทนที่ผมไม่ได้!”

เสียงร่ำร้องที่ดูจะออกอาการเกินกว่าเหตุดังขึ้นขณะที่ชายร่างตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามาในลานบ้าน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือซุนฉาง

ตลอด 10 วันที่ผ่านมา เขาเดินทางจากเมืองชวนเจียงจนมาถึงสำนักดาบเมฆเหิน ด้วยการใช้อาวุธของจางเซวียนเป็นเครื่องระบุตัวตน จึงเข้ามาที่นี่ได้โดยไม่ยาก แต่ลงท้ายโชคชะตาก็นำพาให้พบกับจอมโจรเฉาเฉิงลี่

ทั้งสองต่างกล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพ่อบ้านเพียงคนเดียวของจางเซวียน และการโต้เถียงก็เผ็ดร้อนขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเริ่มปะทะกัน

แม้เฉาเฉิงลี่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งของมิติเบื้องบน แต่ก็เป็นแค่นักปราชญ์โบราณขั้น 4 ซึ่งเป็นขั้นเดียวกับซุนฉาง การปะทะจึงไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะได้

แต่ทั้งคู่ต่างก็ไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อได้รู้ว่าจางเซวียนออกจากการปลีกวิเวกแล้ว จึงรีบพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่ไวกว่าแสง

“นายน้อย หมอนี่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มาอ้างตัวว่าเป็นพ่อบ้านของคุณ ไม่เพียงเท่านั้น ยังกล้าโจมตีผมด้วย!” เฉาเฉิงลี่คือผู้มีนิสัยดื้อดึงชนิดที่จะไม่ยอมล่าถอยในการโต้เถียงใดๆ

จางเซวียนที่อ่อนล้าอยู่แล้วรู้สึกเวียนหัวกับเสียงตะโกนของทั้งสองฝ่าย เขาโบกมืออย่างหงุดหงิด “ก็แค่ตำแหน่งพ่อบ้าน พวกคุณจำเป็นต้องสู้กันเรื่องนี้ด้วยหรือ? ไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือไง?”

“อะไรๆมันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกนะ! ในฐานะพ่อบ้าน พวกเราต้องยืนหยัดเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของนายน้อยให้ได้ ถ้าตกลงกันไม่ได้ว่าควรทำอย่างไร แล้วจะให้เราฟังใครล่ะ?” ซุนฉางประท้วงอย่างหงุดหงิด

“นายน้อย! ผมติดตามคุณมาก็เนิ่นนาน กล้าพูดเลยว่าในโลกนี้ไม่มีใครรู้จักคุณดีกว่าผม ไม่มีทางหรอกที่เจ้าคนที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้คนนี้จะดูแลคุณได้ดีกว่าที่ผมทำ!”

“คุณ…” เฉาเฉิงลี่กัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยว “นายน้อย มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าหมอนี่ไว้ใจไม่ได้ ในฐานะพ่อบ้าน เราต้องมองภาพรวมให้ออกเพื่อจะได้แบ่งเบาภาระของคุณ ผมไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างหมอนี่จะมีปัญญาทำอะไรแบบนั้น!”

เห็นทั้งคู่เริ่มเกทับกันอีกรอบ จางเซวียนได้แต่นวดขมับเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวตุบๆ

ถ้าจะพูดตามตรง เขาไม่อยากเลือกใครสักคน!

ซุนฉางมีนิสัยคุยโวโอ้อวดที่ฝังรากลึก ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับใครหรือปัญหาแบบไหน สิ่งที่เขาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือหาความพอใจจากการคุยโวโอ้อวด…ด้วยนิสัยไม่เกรงกลัวใครแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต่อไปจะต้องเจอเรื่องยุ่งยากไม่น้อย

ส่วนจอมโจรเฉาเฉิงลี่ก็เป็นคนที่คิดแต่เรื่องใต้สะดือ สิ่งแรกที่เขาให้ความสำคัญคือการตอบสนองตัณหาของตัวเอง ทำให้ไว้ใจไม่ได้ยิ่งกว่าซุนฉางเสียอีก

เฮ่ออออ! ไม่นึกเลยว่าคนที่หนักแน่นและน่าเชื่อถือแบบเขาจะต้องรับพ่อบ้านที่แสนจะทำตัวเจ้าปัญหาไว้ถึง 2 คน…

แถมทุกอย่างยังเลวร้ายกว่าเดิมเพราะทั้งคู่เกทับกันไม่หยุดเรื่องตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง!

เมื่อทนหนวกหูไม่ไหว สุดท้ายจางเซวียนก็ตวาด “พอที! ซุนฉางจะเป็นพ่อบ้านของผม เข้าใจไหม?”

ถ้าเขาต้องเลือกหนึ่งในสองคนนี้จริงๆ ซุนฉางย่อมน่าไว้ใจกว่ามาก

เพราะอย่างน้อยที่สุด เจ้าอ้วนนี่ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเรื่องการหาข้อมูลข่าวสารหรือการฉกฉวยโอกาสงามๆไว้

“ตะ-แต่ผม…” เฉาเฉิงลี่ตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพิพากษา

“ผมจะมอบหมายหน้าที่ให้คุณดูแลตั้นเฉี่ยวเทียนกับศิษย์สายตรงคนอื่นๆของผม” จางเซวียนพูด ครู่ต่อมาเขาก็รีบสำทับ “แต่รู้ไว้ด้วยนะว่าคุณจะต้องรับผิดชอบถ้ามีใครนอกลู่นอกทาง!”

ด้วยความเลือดร้อนของเจิ้งหยาง หยวนเทา และคนอื่นๆ คงน่าปวดหัวมากหากเฉาเฉิงลี่ชักนำพวกเขาให้ออกนอกลู่นอกทางไป!

“ขอรับ ผมเข้าใจ” เฉาเฉิงลี่พยักหน้า

ตอนนี้เขาแสนจะยินดีปรีดาที่นายน้อยไม่ได้พยายามผลักไสไล่ส่ง

จางเซวียนครุ่นคิดอีกครู่ใหญ่ก่อนจะหันไปสั่งการกับซุนฉาง “ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว ผมอยากให้คุณตามหาที่อยู่ของฉีฉี เท่าที่ผมรู้ เธอน่าจะมาถึงมิติเบื้องบนแล้ว”

“นายหญิงฉีฉีก็อยู่ในมิติเบื้องบนหรือ?” ซุนฉางประหลาดใจเล็กน้อยกับข่าวที่ได้รับ แต่ก็ยกมือขึ้นทาบอกอย่างมั่นใจและพูดว่า “นายน้อย ปล่อยเป็นภาระของผมเถอะ ทันทีที่เธอปรากฏตัว ผมจะพาเธอมาพบคุณทันที!”

“ดี” จางเซวียนพยักหน้า

เขารู้สึกมั่นใจกว่าเมื่อมอบหมายภาระนี้ให้ซุนฉาง ในฐานะนักธุรกิจเก่า ซุนฉางย่อมเก่งกาจเรื่องการหาข้อมูลและเชื่อมสายสัมพันธ์ต่างๆเพื่อให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง