อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1036 ถูกจับตัว
“ที่นี่คือจวนมู่ เจ้าอย่าทำตามอำเภอใจ ไม่งั้นข้าจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ”

“ช่วย? ใครจะช่วยเจ้าได้? ตาแก่ตระกูลมู่ที่มีเพียงแค่ระดับสามหรือ?” เวินเส้าหยีหัวเราะเยาะ ในตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

กู้ชูหน่วนพิงกำแพง ฟังเสียงผู้คนด้านนอกที่ยังคงถกเถียงกันอยู่ ก็ท้อใจลงไปกว่าครึ่ง

ใช่ เขาเป็นระดับหก

แต่บุคคลที่เก่งกาจที่สุดของตระกูลมู่ มีเพียงแค่ระดับสาม

แม้ว่าทั้งตระกูลมู่จะรวมตัวกันทั้งหมดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ฝืนเข้าไป ก็เป็นการรนหาที่ตายเองเท่านั้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้ชูหน่วนจึงเอนตัวลงไปบนเตียงเสียเลย แล้วดึงเสื้อผ้าออก นอนลงไป ท่าทางเหมือนจะฆ่าจะแกงก็เชิญ

“ข่มขืนก่อนแล้วฆ่า หรือฆ่าก่อนแล้วค่อยข่มขืน ตามใจเจ้า ยังไงซะพวกเราสองคนก็ไหว้ฟ้าดินกันแล้ว แต่งงานกันแล้ว หากว่าข้าตายในอ้อมแขนของเจ้า คนอื่นก็ไม่กล้าพูดอะไร”

เวินเส้าหยี “…….”

พริบตานั้น เวินเส้าหยีเห็นแหวนมิติในมือของกู้ชูหน่วน ก็ไม่รู้ว่าเขาทำท่าทางอย่างไร ปรากฏตัวเบื้องหน้ากู้ชูหน่วน และปลายจมูกก็อยู่ตรงข้ามนางพอดี

กู้ชูหน่วนตกใจ รีบดึงเสื้อผ้าขึ้น ดึงระยะห่างกับเขาเล็กน้อย

“เอ่อนี่…..ข้างนอกคนเยอะเกินไป รบกวนพวกเราได้ง่าย งั้นวันอื่นค่อย…..”

“ซืด…..”

คอเสื้อถูกดึง กู้ชูหน่วนทั้งคนถูกเขาลากขึ้นมา ไม่รอให้นางดึงสติได้ ก็ถูกเวินเส้าหยีบีบบังคับแล้ว

นางคิดจะต่อต้าน ทำอะไรไม่ได้ร่างกายเหมือนได้ถูกตรึงไว้แล้วเช่นนั้น ไม่ว่านางจะดิ้นรนยังไงก็ดิ้นรนไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูสถานการณ์เบื้องหน้าของนางที่ผ่านไปด้วยความรวดเร็วเท่านั้น

“เวินเส้าหยี มีอะไรก็พูดดีๆ เจ้าวางข้าลงก่อน”

“ปึก……”

ทันทีที่คอรู้สึกเจ็บ กู้ชูหน่วนก็สลบเหมือนตายไปแล้ว

จนนางฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในห้องลับห้องหนึ่งแล้ว

ไม่ พูดให้ถูกควรจะเป็นในห้องทำโทษห้องหนึ่ง

แสงในนี้มืดสลัว กำแพงทั้งหมดเป็นกำแพงหิน เผยกลิ่นอายความเย็นยะเยือกออกมา

บนกำแพงหินเต็มไปด้วยเครื่องมือทำโทษ ทุกอย่างที่กู้ชูหน่วนบอกได้ บอกไม่ได้ ในนี้มีอยู่ทั้งหมด เครื่องมือทำโทษมากมายยังมีรอยเลือดอยู่ด้วย และไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่ที่เคยโดนทำโทษที่นี่

มองไปข้างหน้า ข้างหน้ายังมีหัวกะโหลกอยู่อีกหลายหัว

และเวินเส้าหยีก็ยืนอยู่ด้านบนศีรษะของโครงกระดูก มองดูนางด้วยความเย็นชาจากบนลงล่าง

“ดูไม่ออกเจ้าที่ดูท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง ยังจะมีความชอบด้านนี้ด้วย เจ้าผีเสื้อ ข้า……”

“เอาแหวนมาจากไหน?”

“อะไร…..” กู้ชูหน่วนยังดึงสติไม่ได้

“เอาแหวนมิติมาจากที่ไหน?”

“เจ้าหมายถึงแหวนมิติบนมือของข้าเหรอ ได้มาจากงานประมูล หากว่าเจ้าอยากได้ ข้าค่อยไปประมูลที่ดีกว่านี้อีกสักสองสามอันมาให้เจ้า”

เวินเส้าหยีโบกมือ พลังอย่างหนึ่งพรั่งพรูไปที่แหวนบนมือของกู้ชูหน่วน

แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นการโบกมือธรรมดา แต่กลับแฝงไว้ด้วยกำลังภายในอันแข็งแกร่งของเขา

แหวนธรรมดาอันหนึ่ง หลุดและลอยมาอยู่ในมือของเวินเส้าหยีนานแล้ว

แต่ทว่าแหวนมิติบนมือของกู้ชูหน่วนกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ยังคงอยู่บนมือของนางอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนไป และเหมือนกับว่ามันติดแน่นอยู่กับเจ้าของของมันเช่นนั้น

เห็นดังนี้ ลมปราณของเวินเส้าหยีก็เย็นลงอีกเล็กน้อย เพิ่มความรุนแรงของกำลังภายในขึ้นอีกครั้ง

แหวนก็ยังคงไม่ขยับ

เวินเส้าหยีพยายามลองอีกหลายครั้งติดต่อกันแต่ก็ไม่เป็นผล