ตอนที่ 1370

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หานซินเหยียนรู้สึกเขินอายเมื่อพบหน้าหลิงฮัน สีหน้าของนางขึ้นสีทันที

หลินอวีฉีไม่สนใจใดๆ นางกระพริบตาให้กับหลิงฮันและกล่าว “ฮันน้อย เจ้าพลาดโอกาสทำเรื่องดีๆกับพี่สาวไปแบบนั้น เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่จริงๆรึ?”

แม้นางจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ในดวงตาของเขากลับแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ

ก่อนหน้านี้ที่หลิงฮันปฏิเสธนาง นางยังสามารถคิดได้ว่าหลิงฮันนั้นหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี แต่เมื่อวันก่อนที่นางได้รับผลกระทบจากเม็ดยาและเป็นฝ่ายเสนอเรือนร่างให้หลิงฮันขนาดนั้นแล้วก็ยังถูกปฏิเสธ!

นางไม่อาจรับได้

เมื่อใดกันที่เสน่ห์ของนางตกต่ำลงมาจนถึงขนาดที่ แม้แต่ชายหนุ่มไฟแรงยังปฏิเสธ?

หลิงฮันทำเพียงแค่ยิ้มและเมินเฉย

“หนุ่มน้อย ที่เจ้าปฏิเสธพี่สาวในสถานการณ์เช่นนั้นเป็นการทำให้พี่สาวรู้สึกอัปยศอย่างมาก!” หลินอีฉวีกล่าวน้ำเสียงอ่อนหวานข้างหูหลิงฮัน “ดังนั้น พี่สาวจึงตัดสินใจแล้วว่าชีวิตนี้ไม่ว่าอย่างไรพี่สาวก็ต้องเป็นของเจ้า!”

หลิงฮันสั่นสะท้าน? นี่ข้าทำไมถูกต้องงั้นรึ? ช่างเถอะ ปล่อยเรื่องของปีศาจสาวจอมยั่วคนนี้เอาไว้ทีหลังแล้วกัน

เมืองเมืองหยาดฝนครามนั้นเป็นเมืองใหญ่ อาณาเขตของตระกูลหลินจึงมีจำกัด แต่เหตุการณ์ที่หลินเฟิงทำนั้นเอิกเกริกจนแม้แต่ลานที่พักก็ยังพังทลาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังข่าวนี้ไม่ให้แพร่งพราย

วันเวลาผ่านไปไม่กี่วัน ทุกคนก็ได้ยินข่าวที่ว่าพวกหลินเสวี่ยเฟิงทั้งสี่คนถูกจับแขวนแก้ผ้าไว้บนต้นไผ่

ทันทีที่ได้ยินนี้ไม่ว่าใครๆก็ขำด้วยความตลก แต่พอได้ยินข่างของหลินเฟิง… ทุกคนกลับตัวสั่นขนลุกขนพอง

เขาขึ้นขี่สัตว์อสูรทั่วทั้งภูเขา!

จะว่าจะเป็นสัตว์อสูรเพศผู้หรือเพศเมีย ตราบใดที่ร่างกายมีรูก็เป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีจากเงื้อมมือของหลินเฟิง

เอ่อ… จนถึงตอนนี้เขาเก็บกดความใคร่เอาไว้มากมายขนาดไหนกัน?

แต่ในเมืองนี้ที่ไม่คาดแคลนนักปรุงยาระดับสูงย่อมประเมินสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วว่าแท้จริงแล้วหลินเฟิงนั้นได้รับผลกระทบจากฤทธิ์ยาของตัวเอง!

เมื่อข่าวนี้แพร่งพราย ทั่วทั้งเมืองก็เอะอะขึ้นมาทันใด

น่าอับอายอะไรเช่นนี้… ได้รับผลกระทบจากเม็ดยาของตนเองจนต้องไประบายกับสัตว์อสูรทั่วทั้งภูเขา

ณ เวลานี้ชื่อเสียงอันวิปลาสของหลินเฟิงค่อยๆแพร่กระจายจนไม่มีใรกล้าเข้าใกล้เขา ชายผู้นี้ขึ้นขี่ได้แม้กระทั่งสัตว์อสูร มีรึที่มนุษย์เผ่าเดียวกันเขาจะยกเว้น?

มีข่าวลือว่าแม้กระทั่งเหล่าคนรับใช้ในที่พักของหลินเฟิงก็หวาดกลัวจนเผ่นหนีเตลิด ทั่วทั้งเมืองมีคำเปรียบเทียบขึ้นมาว่าหากผู้ใดทำชั่วร้ายจะถูกหลินเฟิงจับเข้าห้องในยามค่ำคืน

หลินเฟิงไม่มีหน้าจะอยู่ในเมืองนี้ต่อไป เขากับพวกหลินเสวี่ยเฟิงหนีออกจากเมืองหยาดฝนครามไปพร้อมกัน

โชคดีที่สาขาเหิงหยุนนั้นมีอำนาจ ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจึงมีทั้งหมดสิบคนและหลินเฟิงก็เป็นพียงหนึ่งในผู้คุ้มกันที่มาด้วยเท่านั้นโดยยังมีผู้คุ้มกันสาขาคนอื่นกับรุ่นเยาว์อัจฉริยะที่เข้าร่วมการแข่งขันอีกหกคนอยู่ที่เมืองนี้

แต่ด้วยเหตุนี้ สาขาเหิงหยุนจึงจงเกลียดจงชังพวกหลิงฮันเป็นอย่างพวก พวกเขาตั้งตนเป็นศัตรูเป็นตายกับสาขาอังหยวนโดยไม่สนใจว่าหลินเฟิงจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่

สาขาเหิงหยุนแข็งแกร่ง ส่วนสาขาอังหยวนนั้นอ่อนแอ เหตุใดพวกเขาต้องให้ความเป็นธรรมกับสาขาอังหยวนด้วย

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ตระกูลหลินจะจัดการแข่งขันเพื่อตัดสินจำนวนสิทธิ์ที่จะได้เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับโบราณแล้ว เขตแดนลี้ลับแห่งนี้ถูกตำหนักเป่าหลินเรียกว่าถ้ำจ้าวสมุนไพร ในเขตแดนลี้ลับมีอาณาเขตอยู่ทั้งหมดเก้าชั้น แต่ละชั้นล้วนมีขนาดขวางราวกับโลกขนาดใหญ่ไร้ขอบเขต

สาขาย่อยที่เข้าร่วมการแข่งขันนั้นมีจำนวนหนึ่งร้อยสาขา แต่ละสาขาส่งผู้เข้าร่วมแข่งขันได้เพียงสาขาละไม่เกินสิบคน แต่ผลการตัดสินจะวัดกันที่แต้สของผู้เข้าร่วมสองอันดับแรกเท่านั้น

“การทดสอบแรก ทดสอบอายุกระดูก” ผู้อาวุโสคนหนึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการแข่งขัน ชื่อของเขาคือหลินชิน แม้เขาจะมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับดารา แต่อายุขัยของเขานั้นมากกว่าสามสิบล้านปี ถือได้ว่าเป็นผู้เฒ่ายุคเก่าแก่คนหนึ่ง

ผู้เข้าแข่งขันเข้าทดสอบอายุกระดูกทีละคน การทดสอบนี้จะทำให้รู้ถึงอายุที่แท้จริงรวมถึงพลังบ่มเพาะ

สาขาอังหยวนเป็นสาขาที่อ่อนแอ แม้กระทั่งลำดับการทดสอบกระดูกก็ถูกจัดเอาไว้หลังๆ โชคดีที่การตรวจสอบเป็นอย่างรวดเร็วพวกเขาจึงไม่ต้องรอนานเกินไป

ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางฝูงชนก็เกิดเสียงเอะอะขึ้น

“เจ็ดร้อยยี่สิบสี่ปี! มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราอายุในช่วงอายุเจ็ดร้อยปีอยู่จริงๆด้วย!”

“พระเจ้า นี่เขากินเนื้อมังกรเข้าไปรึไงกัน? เหตุใดถึงได้บ่มเพาะพลังได้รวดเร็วเพียงนี้!”

“ไม่ใช่แค่นั้น คนคนนี้มีชื่อว่าหลินหยาง เขาเป็นนักปรุงยาระดับแปด!”

“พรวด! นี่เจ้าพูดจริงหรือล้อเล่น?”

“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง!”

หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายที่มีรูปลักษณ์ของรุ่นเยาว์อายุสิบแปดสิบเก้าปี เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีท่าทีเขินอายเล็กน้อย แต่ไม่ว่ารูปลักษณ์จะเป็นอย่างไรอายุที่แท้จริงเขาก็คือเจ๊กร้อยปี

แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงอุทานดังขึ้นอีกครั้ง อีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะเช่นเดียวกันแต่ว่าอายุมากกว่าเล็กน้อย เขาเป็นชายหนุ่มอายุหนึ่งพันห้าร้อย พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดและเป็นนักปรุงยาระดับแปด!

ชายคนนี้คือหลินป้าเตา เขาเป็นชายร่างสูงล่ำ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูเหมือนกับชายวัยกลางคนในช่วงสามสิบปี

มีคำกล่าวว่าพรสวรรค์ในวรยุทธของเขานั้นสูงส่งกว่าการปรุงยาโดยเป็นถึงอัจฉริยะสี่ดาว

หลังจากนั้นก็มีสตรีชุดแดงอีกคนปรากกตัวสร้างเสียงเอะอะ สตรีผู้นี้เป็นคนของตระกูลหลินสาขาใหญ่ ชื่อของนางคือหลินชูหยิง ปีนี้นางมีอายุสองร้อยปีเท่านั้นแต่กลับก้าวเข้าสู่ระดับสุริยันจันทราแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน แถมยังเป็นนักปรุงยาระดับแปดอีกด้วย

ตามหลักแล้ว เป็นไปได้รึที่จะหลอมเม็ดยาระดับสูงได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาสั้นๆ?

เหตุผลที่นางทำเช่นนั้นได้เป็นเพราะตัวตนของนางนั้นพิเศษ นางได้รับความทรงจำของบรรพบุรุษตระกูลหลินทำให้มีความรู้เกี่ยวกับการปรุงยามาตั้งแต่เกิด สามารถสามารถหลอมเม็ดยาระดับแปดหลายชนิดได้อย่างเชี่ยวชาญทันทีที่ก้าวสู่ระดับสุริยันจันทรา หากไม่ใช่เพราะขีดจำกัดของระดับพลังบ่มเพาะ เกรงว่าแม้แต่เม็ดยาระดับเก้านางก็สามารถหลอมได้!

หลิงฮันพยักหน้า อีกฝ่ายไม่ใช่ปรมาจารย์ที่กลับมาเกิดใหม่อย่างแน่นอน แพราอย่างไรที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้การเกิดใหม่นั้นแม้แต่เซียนก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงไม่ต้องกล่าวถึงตระกูลหลินเลย

ไม่ใช่ทุกตำหนักสาขาย่อยทุกตำหนักจะส่งคนของตัวเองเข้าแข่งขัน บางตำหนักก็ทำเช่นตำหนักสาขาอังหยวนที่ไม่มีอัจฉริยะโดดเด่นในตระกูลจึงหาผู้ช่วยจากนอกตระกูลแทน

อย่าเช่นตำหนักสาขาสุ่ยเยว่ พวกเขาได้ขอความช่วยเหลือจากคนนอกที่ชื่อชางเฟิง ชางเฟิงผู้นี้มีอายุเกินกว่าห้าแสนปีและมีชื่อเสียงโด่งดังมาอย่างยาวนาน เพียงแต่พลังบ่มเพาะของเขาพึ่งจะบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ผ่านคุณสมบัติการแข่งขันที่ต้องมีอายุน้อยกว่าหนึ่งล้านปี

此人也是八阶丹师,而且在丹道上浸淫了好几十万年,经验丰富。

ชางเฟิงผู้นี้เองก็เป็นนักปรุงยาระดับแปด เขาเรียนรู้ศาสตร์แห่งการปรุงยามาหลายแสนปี แน่นอนว่าย่อมมีประสบการณ์โฉกโชน

最后,终是轮到凌寒了。

และในที่สุดก็ถึงการทดสอบของหลิงฮัน