บทที่ 864 ไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดจาไร้สาระ + บทที่ 865 พูดทุกอย่างให้ชัดเจน โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 864 ไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดจาไร้สาระ
โอหยางซานซานร้องตะโกนอย่างไม่พอใจ “เธอโกหก เธอไม่ได้ปลุกฉันให้ตื่นตั้งแต่แรก เธอทิ้งฉันไว้ตรงทางแยกบนถนนทางทิศตะวันออก เธอยัง…”
คำพูดหลังจากนั้นโอหยางซายซานก็หยุดเงียบลง เธอละอายที่จะพูดถึงสภาพการแต่งตัวของตัวเองในตอนนั้น รวมทั้งต้องพูดออกมาต่อหน้าของจ้าวเสวียหลินและคนอื่น ๆ ด้วย
“ฉันทำไมเหรอ? เธอคงไม่ได้จะบอกว่าฉันดึงเสื้อผ้าเธอจนหลุดหมดหรอกใช่ไหม?” เหมยเหมยยักไหล่ พร้อมกับหัวเราะด้วยเสียงที่ขึ้นจมูกอย่างเยาะเย้ย
โอหยางซานซานทั้งอายทั้งโกรธยิ่งกว่าเดิม สถานการณ์ของเธอในตอนนั้นต่างอะไรกับการถูกดึงเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าละ?
เพียงแค่นึกถึงตอนที่ตัวเองนอนพิงอยู่ตรงทางแยกบนถนนทางทิศตะวันออก และถูกคนจำนวนมากห้อมล้อมจับจ้อง โอหยางซานซานก็ไม่อยากออกจากบ้านไปไหนอีกแล้ว
ออกไปข้างนอกก็คงจะถูกคนภายนอกหัวเราะเยาะใส่ เธอรับไม่ได้กับสายตาและคำพูดติฉินนินทาของคนพวกนั้น เธอยินยอมที่จะขังตัวเองไว้ในบ้าน ขังไปตลอดชีวิต!
หวงอวี้เหลียนโอบลูกสาวไว้ในอ้อมกอด เธอพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ควรโกรธ การแก้แค้นสิบปีก็ไม่นับว่าสายไป!
ครั้งนี้เป็นเพราะเธอประมาทเกินไป ถึงได้ปล่อยให้ยัยเด็กชั่วจ้าวเหมยมาทำร้ายลูกสาวได้ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เธอจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า!
ในตอนนี้การรักษาชื่อเสียงลูกสาวให้กลับคืนมานั้นสำคัญที่สุด ซานซานของเธอเป็นดั่งสาวงามผู้เลื่องลือ หญิงสาวผู้เลิศเลอของทุกคน ชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าเสียยิ่งกว่าหยกน้ำงาม จะปล่อยให้ยัยเด็กชั่วจ้าวเหมยมาทำลายไปได้อย่างไร!
เธอจะต้องให้ตระกูลจ้าวเป็นพยานให้ลูกสาวเธอ!
ให้จ้าวเหมยยอมรับต่อหน้าของทุกคนว่าเธอเป็นคนทำให้ซานซานต้องอับอาย เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะต้องให้สื่อเป็นคนป่าวประกาศอีกทาง ชื่อเสียงของซานซานจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม!
แต่ชื่อเสียงของจ้าวเหมยจะต้องเหม็นเน่าเสียยิ่งกว่าน้ำเน่าในคูคลอง!
นับว่าหมากเกมนี้หวงอวี้เหลียนวางหมากได้ดี แต่เธอกลับไม่ลองคิดดูว่าเหมยเหมยไม่ได้เป็นหุ่นเชิดในมือเธอ จะยอมตกปากรับคำง่ายๆ ได้เหรอ!
“จ้าวเหมยเธออายุยังน้อยแต่กลับพูดแต่เรื่องโกหก ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนทิ้งซานซานไว้ที่ทางแยกบนถนนทางทิศตะวันออก ทั้งยังทำให้เสื้อผ้าของซานซานยับยู่ยี่ ทำให้ซานซานต้องเป็นที่อับอายขายขี้หน้า เรื่องนี้เธอยังคิดที่จะปัดปฏิเสธอีกเหรอ?” หวงอวี้เหลียนตำหนิอย่างแรง
เหมยเหมยหัวเราะเยาะใส่ “สมแล้วที่พวกคุณเป็นแม่ลูกกัน พูดจาเหมือนกันไม่มีผิด คุณบอกว่าฉันพูดโกหก แล้วคุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าคุณก็ไม่ได้โกหก แล้วโอหยางซานซานจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าเธอเองก็ไม่ได้โกหก?”
เพียงไม่นานเหมยเหมยก็พูดเสริมขึ้น “ถึงยังไงคุณหญิงโอหยางก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง พูดจาหรือทำเรื่องอะไรก็อย่าให้เหมือนลูกของคุณที่สมองพิการ คุณอยากจะโยนความผิดให้ฉัน ถ้างั้นก็ขอให้คุณเอาหลักฐานมาสิคะ ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามากล่าวหาลอย ๆ หรือพูดจาเพ้อเจ้อที่บ้านฉัน!”
จ้าวเสวียหลินก็เห็นด้วยในทันที “น้องสาวผมพูดถูก คุณผู้หญิงโอหยางปากเอาแต่บอกว่าน้องสาวผมเป็นคนทำร้ายลูกสาวคุณ กรุณาเอาหลักฐานมายืนยันด้วย คุณไม่มีหลักฐานแต่ยังพูดจาไร้สาระเพื่อทำลายชื่อเสียงของน้องสาวผมอีก นี่คุณไม่เห็นตระกูลจ้าวของเราอยู่ในสายตาเลยหรือไง?”
หวงอวี้เหลียนอยากจะพูดต่อ แต่กลับถูกโอหยางเซี่ยงหมิงห้ามไว้เสียก่อน
ผู้ชายใจเสาะอย่างเขา ไม่กล้าแม้แต่จะมีเรื่องกับตระกูลจ้าวแต่อย่างใด อีกอย่างคือลูกสาวเขาก็ไม่ได้ถูกล่วงละเมิดจริง ๆ โอหยางเซี่ยงหมิงจึงคิดว่าไม่ควรคิดที่จะสืบสาวเอาความอีกต่อไปอีก
เหตุใดจะต้องพาตัวเองไปมีเรื่องกับตระกูลจ้าวที่กำลังรุ่งเรืองโชติช่วงดุจดวงอาทิตย์เที่ยงวันในขณะนี้ด้วยเล่า!
หวงอวี้เหลียนเมื่ออยู่นอกบ้านเป็นดั่งหญิงใจงามที่ยกย่องสามีให้อยู่เหนือตน แม้ว่าเธอจะเกลียดความอ่อนแอของโอหยางเซี่ยงหมิงเป็นไหนๆ แต่เธอก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้ จึงตัดสินใจออกไปจากบ้านตระกูลจ้าวพร้อมกับโอหยางเซี่ยงหมิง
หวงอวี้เหลียนที่ไม่ยินยอมเท่าไรนัก จึงได้รู้ว่าตนนั้นไม่อาจคาดหวังอะไรจากโอหยางเซี่ยงหมิงได้อีก แต่น่าเสียดายที่ช่วงไม่กี่วันมานี้คน ๆ นั้นออกไปทำงานต่างจังหวัด รอเขากลับมาก่อนค่อยเข้าไปหารือด้วย ให้เขาช่วยเอาชื่อเสียงของลูกสาวเธอกลับมาให้ได้ คนๆ นั้นจะต้องมีสักวิธีที่ทำได้แน่
ส่วนยัยเด็กชั่วจ้าวเหมยนั่น ก่อนหน้านั้นเธอคงอ่อนข้อให้เกินไป!
เธอจะต้องพูดกับคนๆ นั้น ให้เขาจัดการไปด้วยเสียทีเดียว ดีที่สุดคือทำให้จ้าวเหมยแพ้อย่างราบคราบและเสื่อมเสียชื่อเสียง และไม่มีที่ยืนในเมืองหลวงเลยก็ยิ่งดี!
หวงอวี้เหลียนมั่นใจต่อชายคนรักของเธอเป็นอย่างมาก แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า คนที่เธอบอกว่าเป็นแค่เด็กแสบนั่น กำลังเรียกลมเรียกฝน และได้เตรียมพร้อมพายุฝนฟ้าคะนองระลอกใหญ่ไว้ให้กับเธอแล้ว!
……………………………………….
บทที่ 865 พูดทุกอย่างให้ชัดเจน
หวงอวี้เหลียนและคนอื่นๆ เพิ่งก้าวเท้าเดินออกไปได้ไม่นาน คุณย่าก็มีอาการกำเริบขึ้น
“เธอยืนอยู่ตรงนั้นเลยนะ” คุณย่าแผดเสียงร้องขึ้น
แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่ได้หลงเหลือความศรัทธาหรือเคารพต่อคุณย่าแต่อย่างใด แต่การรักษาหน้าก็ยังคงต้องทำ เธอจึงยืนอยู่อย่างเชื่อฟัง ยืนนิ่ง ใจจดใจจ่อไม่มีวอกแวก เรียบร้อยจนหาที่ติไม่ได้เลย แต่ในหัวของเธอนั้นกลับล่องลอยไปบนนภาแล้ว
คิดถึงฟ้า คิดถึงดิน คิดถึงดอกไม้ คิดถึงดอกหญ้า คิดถึงพี่หมิงซุ่น…
ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นวิ่งไปตามหาพ่อแม่บุญธรรมถึงไหนแล้ว หลายวันมานี้ไม่เห็นแม้แต่เงา เขานี่จริงๆเลย!
หลังจากที่คุณย่าด่าออกไปไม่กี่ประโยค ก็พบว่าเหมยเหมยนั้นไม่ได้ฟังเธอพูดตั้งแต่แรก แต่กลับกำลังตกอยู่ในภวังค์ ในขณะนี้ไฟโทสะของเธอได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า คุณย่าได้ยื่นมือออกไปเพื่อหวังจะหยิกใบหูของเธอ
จ้าวเสวียหลินพุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยืนขวางด้านหน้าของเหมยเหมยเพื่อเป็นที่กำบัง พอมือของคุณย่าจะสัมผัสโดนตัวของจ้าวเสวียหลิน จึงดึงกลับอย่างฉับพลัน เธอจึงหันมาจ้องมองเหมยเหมยอย่างดุดัน
“เสวียหลินแกถอยออกไป วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนยัยเด็กบ้านี่ให้ได้ กล้าไปพูดกับคนนอกว่าฉันแก่เลอะเลือน และยังจะไปทำร้ายร่างกาย และดึงกระชากเสื้อผ้าคนอื่นอีก ไม่สนขือสนแปอะไรเลย!” คุณย่าด่าทอด้วยความโกรธเคือง
เหมยเหมยพูดประชดประชัน “หวงอวี้เหลียนไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของย่าเหรอ โอหยางซานซานเป็นหลานสาวแท้ของคุณย่า พวกหล่อนเป็นคนนอกเสียที่ไหนกัน? คุณย่าสนิทกับพวกหล่อนจะตายไป พวกหล่อนบอกว่าหนูตบตีและดึงเสื้อผ้า คุณก็เชื่อตามเขาไปเสียหมด หนูบอกว่าหนูไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ ไม่ว่ายังไงคุณย่าก็ไม่ยอมเชื่อ ถ้าคุณไม่ได้แก่จนเลอะเลือนแล้วจะเรียกอะไร?”
คุณย่าโกรธจนหน้าเขียว หายใจหอบถี่ราวกับเครื่องสูบลม แต่ร่างกายยังคงตระหง่านไม่มีล้มลง
เหมยเหมยช่วยฟื้นร่างกายให้เธอได้ดีจนเกินไป ต่อให้เธออยากจะแกล้งเป็นลมก็ไม่อาจจะทำแบบนั้นได้!
แม้ว่าคุณปู่เองจะไม่พอใจที่คุณย่านั้นไม่เข้าใจเรื่องราวต่างๆ แต่เขาได้ยินคำพูดของหลานสาวและรู้สึกว่าไม่เข้าหูนัก จึงได้ตำหนิออกไป “เหมยเหมย ทำไมพูดอะไรแบบนั้นล่ะ!”
เหมยเหมยเถียงกลับ “หนูจะพูดแบบนี้ หนูพูดภาษาคนอยู่”
นับแต่นี้ต่อไปใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดจะมาสร้างความไม่เป็นธรรมให้เธออีก ไม่สนว่าจะเป็นคุณปู่หรือคุณย่า เพราะเธอไม่เคยติดหนี้ตระกูลจ้าวเลย
มีสิทธิ์อะไรที่ต้องมาทำเรื่องไม่เป็นธรรมกับเธอ!
ไม่ง่ายนักกว่าที่คุณย่าจะปรับอารมณ์กลับมาคงที่ได้ เธอชี้หน้าเหมยเหมยพร้อมกับต่อว่าอย่างโมโห “ตาแก่ฟังดูสิ ตอนนี้ยัยเด็กบ้านี่ปีกกล้าขาแข็งนัก แม้แต่คุณก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา ต่อไปนี้อย่าหวังว่ายัยเด็กนี่จะกตัญญูต่อพวกเราอีกเลย!”
เหมยเหมยหัวเราะเยาะและพูดขึ้น “คุณย่าพูดอะไรก็ต้องรักษาน้ำใจหน่อยสิคะ ถ้าหากว่าหนูไม่กตัญญูรู้คุณพอ ตอนนี้คุณจะสารมารถกระโดดโลดเต้นได้แบบนี้หรอ? รวมทั้งเรื่องที่ลุงสองและลุงสามได้เลื่อนขั้น พวกคุณอย่ามาพูดกับฉันว่าเป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัวของพวกเขา มีบางเรื่องที่หนูไม่อยากจะพูดหรอก แต่พวกคุณกลับบีบให้หนูต้องพูดมันออกจนได้”
เธอหยุดนิ่งไปสักพัก จากนั้นกวาดสายตามองท่าทีของทุกคนในตระกูลจ้าว คุณปู่มีสีหน้าเคร่งขรึม ส่วนคุณย่ายังคงทำหน้าบึ้งตึง เธอจึงหัวเราะเยาะไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมา
“แต่ไหนแต่ไรมาหนูว่านอนสอนง่าย ใครดีกับหนู หนูก็ดีตอบเป็นสิบเท่า ใครร้ายกับหนู หนูก็จะร้ายกลับไปเป็นสิบเท่าเหมือนกัน สำหรับตระกูลจ้าวหนูถามตัวเองตลอดว่าเมตตาช่วยเหลือมามากพอแล้ว แต่แล้วหนูได้รับอะไรตอบแทน? หวงอวี้เหลียนที่ไม่รู้มาจากไหนกลับเอาหนูไปนินทาสร้างข่าวลือเสียๆ หายๆ กล่าวหาคนอื่นอย่างตามใจชอบ แต่คุณย่าคนดีของหนูกลับเป็นดั่งผู้ช่วยฆาตกร คุณปู่ก็เอาแต่ให้ท้ายคุณย่า ในบ้านหลังนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะช่วยหนูสักคน!”
โทนเสียงของเหมยเหมยดังขึ้นเรื่อยๆ เหมยเหมยรู้สึกผิดหวังกับตระกูลจ้าวจริงๆ คุณย่าแก่แล้วเลอะเลือนไม่เป็นไร แต่พอถึงตอนนี้ดูท่าว่าคุณปู่เองก็ไม่ใช่คนที่ดูฉลาดนัก
เธอจะต้องวางแผนให้กับตัวเองเสียก่อนถึงจะถูก กับเรื่องที่จะทำให้ตระกูลจ้าวยิ่งใหญ่นั้น ยกให้จ้าวอิงหัวเพียงคนเดียวไม่ดีกว่ารึ!
อย่างน้อยจ้าวอิงหัวก็เป็นคนเดียวที่ดีกับเธอด้วยใจจริง!
คุณปู่รู้ดีว่าเหมยเหมยหมายถึงแหล่งน้ำและใบชาดีๆ พวกนั้น เธอไม่ได้พูดผิดไปเลย น้ำและชาดีๆ นั่น ไม่เพียงแค่ทำให้ร่างกายของเขาและยายแก่ดีขึ้นมากกว่าเดิม และยังทำให้ตระกูลจ้าวก้าวข้ามอำนาจยิ่งใหญ่นั้นไปได้
สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นเพราะคุณงามความดีของหลานสาว!
คำพูดของเหมยเหมยราวกับไม้ตีกลองที่ตีตรงกลางใจของคุณปู่อย่างรุนแรงและหนักหน่วง!
…………………………………………