ตอนที่ 2291 สมบัติของบึงเย็นเยียบ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

เส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป คาดไม่ถึงว่าจะจมหายเข้าไปในลูกบอลอักขระยันต์แล้วหายวับไปอย่างเงียบเชียบ

จากนั้นฮูหยินพลันบริกรรมคาถา นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมชี้ไปกลางอากาศเหนือบึงเย็นเยียบไม่หยุดราวกับล้อรถ

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น

ผิวของลูกบอลอักขระยันต์มีรัศมีลำแสงนับหมื่นสายหมุนคว้างอีกครั้ง ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นเมฆห้าสีรูปทรงกรวย

อักขระยันต์ในหมู่เมฆเปล่งแสงสว่างวาบ กลิ่นอายเปลี่ยนไป มีอันใดสักอย่างบินออกมาแล้วรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

เมื่อมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวร้องตะโกนต่ำๆ ออกมา เมฆหมอกพลันเลือนราง ในเวลาเดียวกันตรงก้นพลันมีลำแสงสว่างวาบ เส้นไหมผลึกสวยงามขนาดเท่าหัวแม่มือห้าสายทะลักออกมา และร่อนลงไปหาผิวน้ำของบึงเย็นเยียบ

เสียง “ครืด” ดังขึ้น

เมื่อเส้นไหมผลึกสัมผัสกับวารีของบึงน้ำเย็นเยียบ ไอเย็นเยียบสีขาวนวลชั้นหนึ่งม้วนวนออกมา ผิวมีรัศมีสีขาวชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น

ฮูหยินพลันเลิกคิ้วดำขลับ ใช้นิ้วชี้ไปที่หมู่เมฆอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมโดยไม่พูดไม่จา

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น รัศมีลำแสงห้าสีไล่ไปตามผลึกเส้นไหม เมื่อสัมผัสกับไอเย็นเยียบสีขาวเหล่านั้น ชั่วพริบตาก็ม้วนวนแล้วสลายออก

ผิวของผลึกเส้นไหมเป็นสีขาวหิมะ ทันใดนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากที่ผลึกเส้นไหมลดต่ำลงมา ก็จมหายเข้าไปในบึงเย็นเยียบอีกครั้ง

ใบหน้าของมารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวมีสีหน้าระมัดระวัง มือร่ายอาคมไม่หยุด

ผลึกเส้นไหมห้าเส้นลดระดับลงไปในส่วนลึกของบึงเย็นเยียบไม่หยุด

หานลี่ยืนอยู่บนเสาหิน แววตาเปล่งประกายพลางมองทุกอย่าง ในเวลาเดียวกันพลังปราณในร่างก็หมุนวนออกมา แล้วบรรจุเข้าไปในเขตอาคมด้านล่างไม่หยุด

แม้ว่าฮูหยินจะเรียกพวกเขาให้พยายามเต็มกำลัง แต่จากพลังปราณที่ลึกล้ำของหานลี่ ใช้เพียงครึ่งหนึ่งก็เพียงพอจะรับมือกับเรื่องนี้ได้แล้ว

เขากลับใช้เคล็ดวิชาลับคำนวณอย่างเงียบๆ ผลึกเส้นไหมเหล่านั้นจมหายเข้าไปในบึงเย็นเยียบไปสองสามชุ่น

สิบจั้ง สามสิบจั้ง ร้อยจั้ง สามร้อยจั้ง…

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป ดวงตาทั้งสองข้างหานลี่หรี่ลงเล็กน้อย

จนถึงยามนี้ผลึกเส้นไหมที่ลงไปยังส่วนลึกก็ถูกความเย็นเยียบต้านทานเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าความเร็วลดลงเป็นอย่างมาก

เมื่อลงลึกไปได้พันจั้ง ฮูหยินก็อดที่จะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

ยามนี้ทุกๆ ช่วงลมหายใจ ผลึกเส้นไหมถึงจะลงลึกไปได้แค่สองสามชุ่นเท่านั้น เปลี่ยนเป็นเชื่องช้าอย่างหาที่เปรียบมิได้

ปีนั้นที่ถูกไอเย็นเยียบต้านทาน มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวผู้นี้อาศัยสมบัติอาคมลงลึกไปได้แค่นี้เท่านั้น

ดังนั้นจากนี้ผลึกเส้นไหมเหล่านี้ก็อาจจะสัมผัสที่ก้นบึ้งของบึงเย็นเยียบได้ทุกวินาที ทำให้ฮูหยินไม่กล้าประหม่า

หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตในยามนี้ เงาร่างทั้งร่างกลับถูกหมอกสีโลหิตกลืนกินไป แผ่นหลังของเขามีเงาลวงตาสีเขียวปรากฏขึ้นลางๆ และเปล่งแสงสว่างวาบเล็กน้อย

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้สำแดงเคล็ดวิชาลับอันใด แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าระดับมหายานธรรมดาๆ

ก่อนหน้านี้นางบอกว่าใช้เคล็ดวิชาลับเพิ่มระดับได้ นั่นไม่ใช่เรื่องหลอกลวงดังคาด

นี่ทำให้เซี่ยหราน ม่อเจี่ยนหลี และพวกจ้องเขม็งไป

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

ผลึกเส้นไหมเผยอออกมาจากผิวน้ำ แค่รัศมีลำแสงห้าสีที่ไหลวนโคจรไปมา ก็ยังคงเริ่มรวมตัวกันเป็นน้ำแข็งชั้นบางๆ ระดับความเร็วที่ร่อนลงมาก็อยู่ในจุดที่ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตาเนื้อ

ม่อเจี่ยนหลีและพวกบรรจุพลังปราณเข้าไปเป็นเวลานานไม่หยุด แม้ว่าจะยืนหยัดได้ สีหน้าก็ไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนตอนแรก

เซี่ยหรานขมวดคิ้วแน่น ถ่ายทอดเสียงไปหาเฮยหลานอย่างเงียบๆ สองสามประโยค ไม่รู้ว่ากำลังปรึกษาอันใดกันอยู่

ส่วนเผ่าแมงมุมซิวหลัวที่อยู่ด้านนอกเขตอาคม ก็ทยอยกันหน้าซีดขาว แล้วเริ่มมีท่าทีไม่ไหว

ฮูหยินเห็นทุกอย่างก็รู้สึกร้อนใจ

หากตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางก็ไม่อาจหยิบสมบัติออกมาจากบึงได้ จากนี้เกรงว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้!

มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวผู้นี้ก็ตัดสินใจเงียบๆ ฉับพลันนั้นมือหนึ่งก็ตบไปที่หน้าผาก ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ แมงมุมหยกสีเขียวมรกตขนาดความยาวสองสามฉื่อบินออกมา

ผิวของแมงมุมมีลำแสงสีเขียวมรกต ดวงตาทั้งสองข้างกลับมีเปลวเพลิงสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบ เมื่อปรากฏตัวก็อ้าปากใส่บึงเย็นเยียบ พ่นลำแสงสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นออกมา ด้านในมีแกนผลึกสีขาวแฝงอยู่ลางๆ หลังจากกะพริบวาบก็จมหายเข้าไปในเมฆทรงกรวยอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่และพวกเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ใจหายวาบ

ฮูหยินปล่อยแกนผลึกประจำกายออกมา ดูแล้วคิดจะพยายามสุดชีวิต

หลังจากที่เมฆดูดแกนผลึกเข้าไป ด้านในพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น รัศมีลำแสงเจิดจ้าไล่ไปตามไอเส้นไหมผลึกแล้วม้วนวนลงมา

ผลึกเย็นเยียบบนผลึกเส้นไหมถูกกำจัดออกไปอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็ลดระดับลงมาเร็วกว่าก่อนหน้ามากกว่าสิบเท่า ชั่วครู่ก็ลึกลงไปยี่สิบสามสิบจั้ง ถึงได้ลดระดับความเร็วลงอีกครั้ง

ฮูหยินเห็นเช่นนี้ก็อดที่จะมีสีหน้าเคร่งขรึมไม่ได้

แต่ในยามนี้รัศมีโลหิตมีเสียงถอนหายใจเบาๆ ของหญิงสาวดังออกมา ไอหมอกม้วนวน พ่นเสาลำแสงสีเงินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในหมู่เมฆเช่นกัน

ในเมฆมีรัศมีลำแสงม้วนวนลงมา ชั่วขณะนั้นพลันเจิดจ้าขึ้น ผลึกเส้นไหมร่อนลงมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ผลึกเส้นไหมทั้งห้าลึกลงไปประมาณเจ็ดแปดจั้ง แล้วพลันสั่นเทาในเวลาเดียวกัน ไม่ขยับเขยื้อน

“ถึงก้นแล้ว สหายทุกท่านยืนหยัดอีกเดี๋ยว ข้าจะหาตำแหน่งที่แน่นนอนของสมบัติชิ้นนั้น” ฮูหยินเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้ากระตือรือร้น ปากก็เอ่ยอย่างรวดเร็ว สองมือพลันร่ายอาคม ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทลง

พลังจิตสัมผัสมหาศาลแผ่ออกมาจากหว่างคิ้วของฮูหยิน ไล่ไปตามผลึกเส้นไหมทั้งห้า ชั่วพริบตาก็ไปถึงก้นของบึงเย็นเยียบ แล้วกวาดไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ฮูหยินก็มีสีหน้ายินดี ปากก็เอ่ยคำว่า “หาพบแล้ว” ออกมา แล้วลืมตาทั้งสองข้างขึ้นทันที ในเวลาเดียวกันนิ้วก็ชี้ไปที่ผลึกเส้นไหมห้าเส้นกลางอากาศ ปากก็บริกรรมคาถาอย่างรวดเร็ว

แทบจะในเวลาเดียวกัน หานลี่รู้สึกเพียงว่าพลังปราณในร่างตึงแน่น คาดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความเร็วไปจากตอนแรกสองสามเท่า ทะลักออกมาจากเสาหินด้านล่าง

เขาขมวดคิ้ว ปรับพลังปราณในร่าง แล้วจ้องเขม็งไปที่ผิวน้ำของบึงเย็นเยียบไม่ขยับเขยื้อน

ยามนี้ผลึกเส้นไหมทั้งห้าพลันสั่นเทา จากนั้นพลันสั่นเทาอย่างรุนแรง และส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา พลางดึงออกจากหมู่เมฆอย่างเชื่องช้า

หนึ่งชุ่น สองชุ่น ครึ่งฉื่อ หนึ่งฉื่อ…

ความเร็วลดลง ดูเหมือนจะพัวพันกับอันใดสักอย่างที่หนักอึ้ง ท่าทางกินแรงมาก

ผิวน้ำที่เดิมนิ่งสงบเริ่มหมุนวนอย่างรุนแรง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นระลอกคลื่นสีดำสนิทที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้ ดูเหมือนว่าจะทำให้ทุกอย่างแหลกละเอียด

มีเพียงผลึกเส้นไหมทั้งห้าที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางบึงเย็นเยียบ

กลิ่นอายเย็นเยียบแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าสองสามเท่า แล้วทะลักออกมาจากระลอกคลื่น แต่ล้วนถูกเขตอาคมต้องห้ามรอบด้านขวางเอาไว้

ท่าทางใหญ่โตมโหฬาร ทำให้เซี่ยหรานและม่อเจี่ยนหลีเองก็หน้าเปลี่ยนสี ทยอยกันจ้องเขม็งไปยังทุกอย่างด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ

แต่ยามที่ผลึกเส้นไหมยกขึ้นนั้นนานกว่ายามที่ลดระดับลงหลายส่วน

หลังจากนั้นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เมื่อระลอกคลื่นมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ก้อนหินสีฟ้าอ่อนขนาดเท่าศีรษะคนถึงได้ถูกดึงออกมา ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งก็แผ่ออกมา

“พลังของห้วงเวลา”

เกล็ดสีดำสัมผัสได้ถึงพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่แฝงอยู่ในระลอกคลื่น ก็อดที่จะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วเอ่ยพึมพำอย่างละโมบไม่ได้

แม้ว่าพลังของห้วงเวลาจะไม่ได้ลึกลับเท่ากับพลังของเวลา แต่สิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งที่ควบคุมอิทธิฤทธิ์แห่งกฎเกณฑ์นี้ได้ก็มีอยู่น้อยมาก

แม้ว่าสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งส่วนใหญ่จะฉีกห้วงเวลาได้ กายเนื้อส่งตัวผ่านอากาศได้ แต่กว่าครึ่งยังอาศัยพลังปราณแท้ที่แข็งแกร่งและสมบัติห้วงเวลาถึงจะทำระดับได้ เทียบกับสิ่งมีชีวิตของกฎเกณฑ์ห้วงเวลาที่แท้จริง ย่อมไม่อาจเทียบกันได้

สมบัติที่ทำให้ผู้คนสัมผัสถึงพลังแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาได้ สำหรับระดับมหายานแล้ว ย่อมเป็นสมบัติวิเศษที่หายากโดยธรรมชาติ

หานลี่เห็นเช่นนี้ก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา ไม่ได้เอ่ยปากพูดอันใด

เขาสามารถแปลงร่างเป็นหงส์สวรรค์ที่เชี่ยวชาญพลังแห่งห้วงเวลาอยู่แล้ว หากอยากเรียนรู้กฎเกณฑ์ห้วงเวลา ขอแค่ให้เวลาเขาเพียงพอ ย่อมต้องได้ประโยชน์บ้าง ดังนั้นจึงไม่สนใจสมบัติชิ้นนี้

สายตาของเซี่ยหรานที่มองก้อนหินสีฟ้าแฝงไว้ด้วยความเร่าร้อน

ม่อเจี่ยนหลีมีสีหน้าราบเรียบดุจยามปกติ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลกระทบจากก้อนหินที่มีพลังแห่งกฎเกณฑ์ฟ้าดินแฝงอยู่

ทว่าในยามที่เซี่ยหรานและเฮยหลินล้วนกำลังลังเล หญิงสาวในหมอกสีโลหิตร้องตะโกนเสียงต่ำๆ ออกมา ชูมือข้างหนึ่งขึ้น เส้นไหมผลึกพุ่งออกมา ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ถูกห่อหุ้มไว้ข้างในเหมือนกับก้อนหินสีฟ้าอ่อน

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ก้อนหินพุ่งไปยังหญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตราวกับลูกธนู

เซี่ยหรานยังคงมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส แต่ฝ่ามือที่หดเข้าไปในแขนเสื้ออดที่จะหงิกงอเล็กๆ ไม่ได้

แต่ในยามนั้นสายตาเย็นชาดุจใบมีดก็จ้องเขม็งมองไป ทำให้ใบหน้าของเขาอดที่จะเจ็บปวดเล็กๆ ไม่ได้

เซี่ยหรานหน้าซีดเผือด อดที่จะกวาดสายตาไปแวบหนึ่งไม่ได้

มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวผู้นั้นใช้สายตาเคร่งขรึมจ้องเขม็งไปไม่วางตา เห็นได้ชัดว่ามีแววตักเตือน

เซี่ยหรานพลันตกตะลึง สายตากวาดไปที่หานลี่ ม่อเจี่ยนหลีอย่างรวดเร็ว พบว่าทั้งสองยืนอยู่บนเสาหินอย่างเงียบเชียบ ไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ เลยสักนิด ทันใดนั้นจิตสัมผัสก็โคจรอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแสยะยิ้มออกมา นิ้วในแขนเสื้อผ่อนลง

เฮยหลินที่อยู่ใกล้ๆ กันเห็นเช่นนี้ ก็อดที่จะรู้สึกไม่ยินยอมไม่ได้ แต่ก็ทำได้เพียงมองก้อนหินสีฟ้าจมหายเข้าไปในหมอกสีโลหิตตาปริบๆ

“ขอบพระคุณท่านที่ช่วยเหลือ ประสบความสำเร็จแล้ว ในที่สุดสมบัติชิ้นนี้ก็มาอยู่ในมือของเผ่าข้า” หลังจากที่หมอกโลหิตหมุนวนแล้วสลายออก ก็เผยหน้าตาที่แท้จริงของหญิงสาวออกมาอีกครั้ง มือหนึ่งรองหินสีฟ้าอ่อนเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

“ของ พวกเราก็ช่วยพวกเจ้าเอามาแล้ว แกนผลึกที่เหลือล่ะ?” หานลี่เก็บพลังปราณในร่าง พิจารณาสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

“เรื่องนี้นั้นพูดง่าย ในเมื่อสหายทุกท่านทำตามสัญญา น้องหญิงย่อมไม่ผิดสัญญา” หญิงสาวสวมกระโปรงสีโลหิตฉีกยิ้มเบิกบาน ในมือมีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ก้อนหินสลายหายไป กล่องหยกสีขาวอีกใบหนึ่งปรากฏขึ้น และสะบัดโยนไปทางหานลี่

เสียง “สวบ” ดังขึ้น สายตาของเซี่ยหรานและพวกจ้องเขม็งไปที่กล่องใบนั้น

หานลี่สะบัดแขนเสื้อด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แล้วตะปบกล่องหยกเข้ามาในมือ เปิดฝาออก

“ไม่เลว เผ่าของเจ้าเป็นผู้รักษาสัญญา สหายเซี่ย พวกเราแบ่งกันเถิด” สายตาของหานลี่กวาดไปในกล่อง มุมปากเผยรอยยิ้มออกมาขณะเอ่ย

“เยี่ยม เอาแกนผลึกที่เหลือมาได้ เป้าหมายของพวกเราก็นับว่าสำเร็จแล้ว ในที่สุดก็วางใจได้แล้ว” เซี่ยหรานหัวเราะฮ่าๆ สองมือร่ายไปมาขณะเอ่ย

เห็นได้ชัดว่าเทียบกับก้อนหินสีฟ้าอ่อนในมือของหญิงสาว ยันต์อัสนีใบนี้สามารถลดพลังของเคราะห์อัสนีได้ ในสายตาของเขาเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า

เฮยหลินและม่อเจี่ยนหลีเองก็มีสีหน้าตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดเช่นกัน

หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา สะบัดแขนเสื้อไปทางกล่องเบาๆ ชั่วขณะนั้นแกนผลึกทั้งสี่พลันบินออกมา แยกกันพุ่งไปยังทั้งสามคน…