บทที่ 1967 พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
อีกอย่าง เธอรู้สึกได้ว่าที่เธอกลับมาเจอจี้ซิวหร่านในครั้งนี้ แม้ว่าจะรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรขนาดนั้น
เธอคิดว่า…เธอคงจะชอบคนอื่นไปแล้ว ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างนั้น ที่แม้แต่ชิวสุ่ยเองก็ไม่รู้…
จากข้อมูลที่รู้ในตอนนี้ เธอหายตัวไประหว่างต่อสู้กับนักโทษของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ และไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงเวลานั้น
เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตาลงเล็กน้อย เธอเดาว่าเธอน่าจะรู้จักกับซือเยี่ยหานในช่วงนั้นเอง…
แต่ซือเยี่ยหานคือนายแห่งอาชูร่า เธอเป็นพี่ใหญ่แบดเจอร์แห่งพันธมิตรอู๋เว่ย แล้วเธอจะไปรู้จักมักจี่กับผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาชูร่าได้ยังไง?
นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้เท่าไร?
คิดไม่ตกเลย…
บ้าฉิบ! เธอโคตรโมโหเลยจริงๆ!
ไอ้เวรนั่นจะให้เธอกินยาถอนพิษ!
นี่คือผลไม้พิษที่ทำให้เธอมีมลทิน!
เธอจะต้องเอาความทรงจำของตัวเองกลับคืนมาให้ได้ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง!
“สรุปว่าฉันไม่ได้ชอบจี้ซิวหร่านแล้วนะ ฉันก็แค่เล่นๆ กับเขาเท่านั้นแหละ เธอก็อย่าไปพูดมั่วๆ กับอีกใครเด็ดขาด อีกอย่าง เรื่องตัวตนของฉันจะต้องเก็บเป็นความลับโอเคไหม”
“เรื่องนี้ฉันรู้อยู่แล้วแหละน่า เธอวางใจเถอะ!” ชิวสุ่ยกล่าวพลางมองเธออย่างเคลือบแคลง “ทำไมฉันรู้สึกว่าเมื่อกี้มันแปลกๆ นะ ทำไมเธอถึงประหม่ากับนายแห่งอาชูร่า แล้วยังเรียกเขาว่า…ที่รัก?”
“จะไม่ให้ประหม่าได้ยังไงล่ะ? ฉันลำบากแทบตายกว่าฉันจะจีบเขาติด! นี่เพิ่งจะง้อเขาได้สำเร็จ เธอก็มาทำให้เขาโกรธอีก จนสะบัดตูดหนีไปแล้วเนี่ย!” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวด้วยความโกรธเคือง
ชิวสุ่ยตะลึงอ้าปากค้าง “ไม่จริงมั้ง? เธอจีบเขาติดแล้วจริงๆ เหรอ?”
หลังจากชิวสุ่ยพูดจบก็รีบตอบสนองทันที เพราะเธอคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ และยังกล่าวเชิงดูถูกว่า “อย่ามาขี้โม้หน่อยเลย เมื่อครู่เขาเพิ่งปฏิเสธจะถอนพิษร่วมกันกับเธอ แล้วยังจะให้เธอกินยาถอนพิษอีก!”
บ้าบอ…
เยี่ยหวันหวั่นเหมือนโดนมีดกรีดแทงใจอีกครั้ง นั่นไม่ใช่เพราะเธอหรือไงที่ทำให้เขาโกรธ?
……
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว หลินเชวียที่รออยู่บนถนน เมื่อเขาเห็นซือเยี่ยหานจากระยะไกลก็รู็สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เอ๊ะ? พี่เก้า ทำไมกลับมาเร็วจัง? ผมยังคิดว่าคืนนี้พี่จะนอนค้างคืนที่อื่นซะอีก!”
หลินเชวียพูดไปพูดมาก็พบว่าท่าทางของซือเยี่ยหานดูแปลกไป “พี่เก้า เกิดอะไรขึ้น?”
ซือเยี่ยหานเปิดประตูรถโดยไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ ขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลังและหลับตาลง ราวกับเรี่ยวแรงทั้งหมดโดนสูบไปหมดแล้ว
“ออกรถ”
“พี่เก้า พี่…” แม้ว่าในหัวของหลินเชวียจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่เมื่อเห็นท่าทางของเขาในตอนนี้ที่แลดูอันตรายเป็นอย่างยิ่ง จึงได้แต่อดทนไว้
ที่นั่งตรงเบาะหลัง มุมปากเย็นชาของชายหนุ่มค่อยๆ ยกขึ้นจนเป็นรอยยิ้มอันขมขื่น
หากเป็นเมื่อก่อน เขายังโชคดีที่เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป ทำให้เขาสามารถแน่ใจได้ว่าเธอคงไม่มีวันนึกถึงอดีตอีกแล้ว และเขายังสามารถหลอกตัวเองกับเรื่องความรักระหว่างพวกเขาทั้งสองคน…
แต่ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว เธอกลับมาที่นี่แล้ว
ก่อนหน้านี้เขาคาดเดาว่าคนๆ นั้นคือจี้ซิวหร่าน และเธอก็ได้พบกับคนนั้นเรียบร้อยแล้ว
พอถึงวันนี้ ในที่สุดเขาก็มั่นใจแล้วว่า คนที่อยู่ในใจของเธอในตอนนั้น ก็คือจี้ซิวหร่านนั่นเอง
และเขาก็ยังรู้ดีว่า ถึงแม้พวกเขาจะมีความเข้าอกเข้าใจกันดี และไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็รู้ว่าในช่วงนี้ เธอพยายามจะรื้อฟื้นความทรงจำของตัวเองกลับมา จนกระทั่งตอนนี้เธอสามารถฟื้นความทรงจำบางส่วนได้แล้ว…
เขาไม่กล้าคิดถึงสิ่งที่เธอจำได้แล้ว คิดว่าเธอจำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะไม่รู้ว่าวันไหน เวลาไหน วินาทีไหน ที่จู่ๆ เธอจะจำอะไรได้ทั้งหมด…
ในช่วงเวลานี้ เขาไม่สามารถอธิบายความทรมานในจิตใจได้เลย
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่การสูญเสีย แต่คือการรักษาสิ่งที่กว่าจะได้มา ไม่ให้มันเสียไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังลังเลไม่อาจละทิ้งความสุข ที่อาจจะเป็นหายไปได้ตลอดเวลา
จวบจนกระทั่งวันนี้ คำพูดของชิวสุ่ยก็ทำให้เขาตื่นจากความฝัน…
และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ในปีนั้นเธอมีใครในใจอยู่แล้ว ส่วนเขา ก็เป็นแค่คนที่ผ่านมา…
————————————————————————-
บทที่ 1968 ผู้ชายหลอกลวง
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างยิ่ง
เป็นเพราะว่าเธอไม่ได้ความทรงจำกลับคืน เลยไม่รู้ว่าตอนแรกเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นต่อให้คิดจะอธิบาย ก็ไม่สามารถจะหาทางอธิบายได้เลย เป็นเรื่องที่พูดยาก ยิ่งความอึดอัดใจยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่อย่างน้อย เธอก็มั่นใจในความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของตัวเองในขณะนั้น
แต่ความซวยก็คือ พูดถึงตอนนี้ก็ต้องย้อนกลับไปยังจุดเดิม เพราะเธอจำอะไรไม่ได้ สิ่งที่เธอพูดไปทั้งหมดตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีผลใดๆ ต่อซือเยี่ยหานเลย
“เสี่ยวเฟิง เธอโอเคไหม?” ชิวสุ่ยตบไหล่ของเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าคาดหวัง “แค่คิดก็รู้แล้วว่านายแห่งอาชูร่าไม่ยอมถอนพิษกับเธอแน่ๆ เธออย่าทำเรื่องอันตรายแบบนี้อีกเลยนะ ฉันว่ารอข่าวคราวจากจี้ซิวหร่านดีกว่า”
เยี่ยหวันหวั่นไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ชิวสุ่ย ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม ตอนนั้นฉันมี…”
“อะไรเหรอ?” ชิวสุ่ยรีบถาม
เยี่ยหวันหวั่นพิจารณาคำพูดของเธออยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามว่า “มีใครที่ชอบเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า? นอกจากจี้ซิวหร่าน”
ชิวสุ่ยเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างจนใจ “เธอจีบคนเยอะแยะจนตัวเองก็จำไม่ได้แล้วเหรอ? พูดตรงๆ นะ ตอนนั้นฉันไม่เคยเห็นเธอสนใจใครเป็นพิเศษเลย…”
เยี่ยหวันหวั่นถึงกับงง “จริงเหรอ? เธอลองคิดดูดีๆ อีกทีซิ!”
ชิวสุ่ยส่ายหัว “อื้ม ไม่มีจริงๆ…”
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจอีกครั้ง คงทำได้แค่ยอมแพ้แล้ว
ดูแล้วคงทำได้แค่รอให้ตัวเองคิดออกเท่านั้น…
สมควรตาย อีตาบ้า นี่เขาไม่เชื่อใจเธอขนาดนี้เลยเหรอ?
ความทรงจำในอดีตก็คือความทรงจำ ที่เธออยู่กับเขาหลายปีมานี้ก็ไม่ใช่ความทรงจำเหรอไง?
ตัวเธอในอดีตก็คือตัวเธอ ส่วนตัวเธอในตอนนี้ไม่ใช่เธอด้วยเหรอไง?
เยี่ยหวันหวั่นระงับความโกรธของเธอเอาไว้ แต่เมื่อคิดถึงแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจากไปอย่างเงียบๆ เธอก็ปวดใจจนแทบทนไม่ไหว ไม่อยากพูดอะไรแรงๆ ออกมาแม้แต่คำเดียว
แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นเองก็ยังคิดว่ามันตลกนิดหน่อย ราชาน้ำส้มสายชูแห่งเอเชีย ยังคงรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้อย่างมั่นคง และคาดว่าน้ำส้มสายชูนี้จะผลิตต่อไปอีกเป็นตันๆ
ชอบยกเรื่องในปีนั้นมาพูด เรื่องในปีนั้นมีอะไรให้พูดถึงนักหนา ตัวเองก็รู้เรื่องปีนั้นแต่ไม่ได้พูดถึงสักคำ วีรบุรุษย่อมไม่พูดถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้ว
ต่อให้ในปีนั้นเธอชอบจี้ซิวหร่านจริง ต่อให้รักแทบเป็นแทบตาย รักปานจะกลืนกินแล้วยังไง นั่นเป็นเนี่ยอู๋โยวที่ชอบ ไม่ใช่เธอที่เป็นคนชอบซะหน่อย
แม้ว่าเยี่ยหวันหวั่นจะไม่มีความทรงจำทั้งหมดของเนี่ยอู๋โยว และเธอก็ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน แต่อย่างน้อยเธอก็รู้เกี่ยวกับนิสัยของเนี่ยอู๋โยว เนี่ยอู๋โยวกับเธอในตอนนี้ ถ้าจะให้พูดตรงๆ ทั้งสองคนมีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
……
เยี่ยหวันหวั่นกลับมายังพันธมิตรอู๋เว่ย และนั่งลงหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ นั่งอย่างเบื่อหน่ายอยู่นานสองนาน ลบไปลบมา จนสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความไปหาซือเยี่ยหาน
“คุณเก้า สิ่งที่ชิวสุ่ยพูด อาจเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่หายไปของฉัน แต่ไม่ใช่ทั้งหมดอย่างแน่นอน”
ข้อความที่ส่งถึงซือเยี่ยหาน เหมือนก้อนหินที่จมหายไปในท้องทะเล ไม่มีการตอบกลับ
“ไอ้ผู้ชายหลอกลวง ต่อให้ฉันเคยชอบจี้ซิวหร่านแล้วยังไง ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจจี้ซิวหร่านแม้แต่นิดเดียว คุณก็ผลิตน้ำส้มสายชูต่อไปเถอะ ขอให้เปรี้ยวตายไปเลย”
เยี่ยหวันหวั่นใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองสงบลง แต่ในที่สุดความพยายามของเธอก็ล้มเหลว
เยี่ยหวันหวั่นค่อนข้างหงุดหงิด สายตาของเธอจับจ้องไปยังขวดไวน์แดงที่อยู่บนเคาน์เตอร์ เหมือนจะถูกส่งมาจากหัวหน้าสาขาย่อยสักแห่งเมื่อวานนี้…
ในตอนนี้มีขวดไวน์มาวางอยู่ตรงหน้า สำหรับเธอแล้วนี่คือสิ่งที่มีพลังดึงดูดเธอมากที่สุด
มีเสียงฝีเท้าปึงปังอยู่ด้านนอกประตู เป็นเสียงของเป่ยโต่ว ชีซิง ชิวสุ่ย ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสสามที่เข้ามารายงานการทำงานของพวกเขา
ทันทีที่คนกลุ่มนี้เปิดประตูเข้ามาก็ได้กลิ่นของความอันตรายแบบสุดๆ…
นี่คือ…กลิ่นเหล้า?!
…………………………………………………