ในบรรดาคนทั้งหมดที่อยู่ในตระกูลหลิน คู่พ่อลูกแซ่ถังนั้นไม่ชอบขี้หน้าหลิงตู้ฉิงมากที่สุด เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าถังจุนเหรินและหลินหรูซวนนั้นชอบพอกันอยู่มาก่อน แต่แล้วจู่ ๆ เมื่อมีหลิงตู้ฉิงเข้ามาทุกอย่างมันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
คู่พ่อลูกแซ่ถังนั้นเป็นกังวลอย่างมากว่าหลิงตู้ฉิงจะทำลายแผนการของพวกเขา และโดยเฉพาะที่หลินเหวินปิงนั้นดูจะยินดีด้วยซ้ำที่หลิงตู้ฉิงพาหลินหรูซวนออกไป พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่หวาดกลัวกับอนาคตของแผนการที่พวกเขาจะยึดครองตระกูลหลิน
คำพูดของถังเหวินหลี่ทำให้หลินหงเหวินถึงกับขมวดคิ้วแน่น
ในฐานะที่เขาเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันและเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของตระกูล รวมไปถึงการกระทำของหลิงตู้ฉิงมันก็ออกจะเกินไปสักหน่อย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะคิดว่าคำพูดของถังเหวินหลี่ก็มีเหตุผล…
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไรออกไป หลินหรูซวนกลับหัวเราะและพูดขึ้นแทรกว่า “ลุงถัง นี่ท่านคิดมากไปรึเปล่า? หากพี่อู๋มีความคิดอื่นจริง ๆ เขาก็คงไม่มาทำตัวเป็นจุดเด่นแบบนี้หรอก ดังนั้นไม่ว่าใครจะคิดยังไงข้าเนี่ยแหละเชื่อมั่นว่าพี่อู๋ไว้ใจได้แน่นอน และที่สำคัญหากพี่อู๋คิดร้ายต่อพวกเราจริง ๆ เขาคงไม่มีวันพาข้ากลับมาหาพวกท่านแบบนี้แน่!”
หลินเหวินปิงมองไปที่ลูกสาวของเขาเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาเองก็พูดขึ้นเสริมว่า “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าหลานอู๋ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ท่านลองคิดดูสิว่าตระกูลกงจะส่งจิตรกรที่มีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตนภามาแทรกซึมเกาะของเราทำไม ด้วยระดับการบ่มเพาะแค่นี้เขาไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรให้กับพวกเราได้อยู่แล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าเขาไม่มีศัตรูของเราแน่นอน”
หลินหงเหวินตอบกลับด้วยท่าทีเป็นกลางว่า “ถ้างั้นก็ทำแบบนี้ไปก่อน พวกเจ้าก็ต้อนรับเขาไปเหมือนเดิม แต่พวกเจ้าต้องไม่ลืมเตือนเขาว่ามันมีบางสถานที่ที่เขาไม่อาจเข้าไปได้ ซึ่งถ้าเขายอมทำตามมันก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“แน่นอนพวกเราจะคอยดูแลเขาเอง!” หลินเหวินปิงหัวเราะ
จากนั้นหลินหงเหวินก็บินจากไป
ในฐานะที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญ เขารู้สึกว่าสิ่งที่ลูกชายของเขาพูดมาก็มีเหตุผล ไม่ว่าจิตรกรจะมีทักษะที่พิสดารสักแค่ไหนแต่ด้วยระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตนภามันก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อตระกูลของเขาเลย
ถ้าให้ยกตัวอย่าง ถึงแม้ปีศาจกระทิงอเวจีจะมีความเร็วเป็นอย่างมาก แต่ตราบใดที่เขามีเวลารับมือกับมัน มันก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงต้องระวังเอาไว้เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าคำเสนอแนะของตัวเองไม่มีใครสนใจเลยแทบทุกคนยังพยายามปกป้องหลิงตู้ฉิง ถังเหวินหลี่ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก เขาพ่นลมหายใจด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็บินจากไปในทันที
ในทางกลับกัน ถังจุนเหรินยังไม่กลับไปไหน เขารีบวิ่งมาหาหลินหรูซวนและถามเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง ซึ่งหลินหรูซวนก็ตอบด้วยสีหน้าปกติ
ในตอนนี้ถึงแม้นางจะรู้แล้วว่าถังจุนเหรินคิดยังไง แต่นางก็ยังคงต้องคุยกับเขาไปตามปกติก่อนเพื่อที่แผนล่อเหล่าคนร้ายของนางกับหลิงตู้ฉิงจะได้ไม่พัง
หลังจากจบงานเลี้ยง หลินเหรินเจี๋ยก็ไปส่งหลิงตู้ฉิงที่เรือนรับรองแขกและก่อนกลับเขาก็ไม่ลืมที่จะเตือนว่าช่วงนี้หลิงตู้ฉิงไม่ควรจะจะออกไปเดินเตร็ดเตร่ยามวิกาล
ส่วนทางด้านหลินหานปิง ตอนนี้ก็กำลังถามลูกสาวของเขา “เขาไม่ได้ทำร้ายอะไรเจ้าใช่ไหม?”
หลินหรูซวนหัวเราะ “ท่านพ่อ ถ้าหากเขาทำอะไรข้าจริง ข้าจะได้กลับมานั่งคุยกับท่านอยู่แบบนี้งั้นเหรอ? แต่ว่าไอ้เจ้าปีศาจกระทิงนั่นมันเร็วจริง ๆ แค่เพียงไม่กี่อึดใจมันก็พาข้าไปถึงขอบเหวมรณะแล้ว!”
“อืม ไอ้เจ้าปีศาจกระทิงอเวจีอะไรนั่นมันเร็วจริง ๆ มันเร็วซะยิ่งกว่าพาหนะวิเศษที่ดีที่สุดที่พวกเรามีซะอีก!” หลินเหวินปิงพยักหน้า “ซวน เจ้าตอบพ่อมาตามตรงได้ไหมว่าเจ้าคิดยังไงกับอู๋หมิง?”
“ข้าคิดว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง!” หลินหรูซวนตอบกลับ
นางเข้าใจดีว่าพ่อของนางหมายความว่ายังไง ซึ่งถ้าหากไม่มีถังจุนเหรินอีกแล้วในอนาคตนางเองก็อาจตกลงปลงใจกับหลิงตู้ฉิงเหมือนกัน แต่ตอนนี้เมื่อนางได้คารวะหลิงตู้ฉิงเป็นบรรพบุรุษของนางแล้ว ดังนั้นนับจากนี้นางก็คิดกับเขาแค่เพียงว่าเขาเป็นบรรพบุรุษของนางเท่านั้นไม่อาจเกินเลยเป็นอย่างอื่นไปได้..
“งั้นถ้าพ่อมีความเห็นว่าอยากจะให้เจ้ากับเขาแต่งงานกัน เจ้าจะว่ายังไง?” หลินเหวินปิงลองหยั่งเชิงถามดู “ถึงแม้ว่าพ่อจะรู้จักเขาได้ไม่นานเหมือนกัน แต่พ่อก็สัมผัสได้ว่าเขามีความจริงใจต่อพวกเราโดยเฉพาะกับเจ้า และเมื่อบวกกับที่เขาเป็นปรมาจารย์จิตรกร ซึ่งมันสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นคนที่พรสวรรค์เป็นอย่างมาก ดังนั้นพ่อเห็นว่าเขามีความเหมาะสมกับเจ้ามากกว่าไอ้เจ้าหนูแซ่ถังนั่น”
“พ่อเห็นไอ้เจ้าหนูแซ่ถังนั่นมาตั้งแต่มันเล็ก ๆ พ่อจึงรู้ดีว่ามันเป็นคนเจ้าเล่ห์และหลายครั้งมันก็ไม่จริงใจกับพวกเรา พ่อไม่เคยคิดว่าคนอย่างมันเหมาะที่จะเป็นสามีของเจ้าในอนาคต ถ้าให้พ่อเลือกพ่อขอเลือกจิตรกรที่เพิ่งรู้จักดีกว่าเลือกให้ไอ้หนูแซ่ถังนั่นมาเป็นสามีเจ้า เรื่องนี่พ่ออยากให้เจ้าเชื่อพ่อ พ่อมีความมั่นใจเป็นอย่างมากในการดูผู้คนหรือไม่ถ้าให้ยกตัวอย่าง เมื่อตอนที่พ่อเจอแม่ของเจ้า แค่เพียงแรกเห็นพ่อก็รู้แล้วว่าแม่ของเจ้าคือคนที่ใช่ และเจ้าดูตอนนี้สิว่าพ่อกับแม่มีความสุขรึเปล่าจริงไหม?”
หลินหรูซวนเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นนางจึงตอบว่า “ไม่ต้องกังวลท่านพ่อ ต่อให้ข้าไม่แต่งงานกับอู๋หมิงข้าก็ไม่แต่งกับถังจุนเหรินแน่นอน!”
“หืม? เจ้าพูดจริงงั้นเหรอ? นี่ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนใจได้ถึงขนาดนี้?” หลินเหวินปิงรู้สึกงุนงงเพราะเขาไม่นึกว่าลูกสาวของเขาจะตอบแบบนี้ เขารู้ดีว่าลูกสาวของเขาชอบถังจุนเหรินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
หลินหรูซวนส่ายหัว “ข้าก็แค่ไม่ชอบเขาแล้วก็แค่นั้น มันไม่มีเหตุผลอะไรมากกว่านั้นหรอกท่านพ่อ เอาล่ะเดี๋ยวข้าคงต้องขอตัวไปบ่มเพาะต่อก่อน ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจสิ่งต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมากมายจากอำนาจของหอคอยเสียงสวรรค์ ข้าจำเป็นต้องไปทบทวนพวกมันต่อสักหน่อย”
หลินเหวินปิงพยักหน้า “อืม ถ้างั้นเจ้าก็รีบไปบ่มเพาะต่อเถอะ”
หลังจากพ่อของนางจากไป หลินหรูซวนก็เริ่มฝึกฝนวิธีการเปิดใช้งานหอคอยเสียงสวรรค์ที่หลิงตู้ฉิงมอบให้นางเพื่อใช้มันในการดำเนินแผนการในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตัวนางเองก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากว่าพรุ่งนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
วันต่อมาตอนรุ่งเช้า หลินหรูซวนไม่รีรอใครทั้งนั้น นางมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องของหลิงตู้ฉิงและเรียกเขาออกไปเดินเล่นชมเกาะหนานชานตามแผนที่พวกเขาวางไว้
รอบนี้หลินเหรินเจี๋ยก็ตามพวกเขาด้วยพร้อมกับถังจุนเหรินก็ตามมาทีหลัง โดยที่รอบนี้เขาไม่ได้ถูกรับเชิญเหมือนรอบแรก
หลังจากเดินกันอยู่สักพัก หลินหรูซวนจู่ ๆ ก็พูดกับทุกคนว่า “อันที่จริงเมื่อวานข้าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในหอคอยเสียงสวรรค์ เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเราไปที่นั่นกันอีกรอบดีไหม ข้าอยากยืนยันข้อสงสัยของข้าบางอย่าง”
“ข้าจะไปกับเจ้าเองน้องซวน!” ถังจุนเหรินรีบชิงพูดก่อนทันที “พี่อู๋ ไม่ใช่ว่าท่านอยากชมเกาะให้ทั่วมากกว่าเดิมไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นข้าคงต้องรบกวนให้พี่เจี๋ยช่วยพาพี่อู๋เที่ยวชมให้ทั่วเกาะต่อก็แล้วกัน ส่วนน้องซวนเดี๋ยวข้าจะพานางไปที่หอคอยเสียงสวรรค์เอง!”
ก่อนที่หลินเหรินเจี๋ยจะได้ทันตอบอะไรกลับ หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นแทรกว่า “ในวันนั้นข้าเองก็รู้สึกอะไรได้ถึงบางอย่างในหอคอยเหมือนกัน และในเมื่อตอนนี้น้องซวนจะไปที่นั่นข้าคิดว่าข้าเองขอตามไปด้วยจะดีกว่า ไว้เสร็จจากที่หอคอยข้าค่อยเที่ยมชมเกาะต่อก็ได้!”
“อืม ถ้างั้นพวกเราทุกคนก็ไปที่หอคอยเสียงสวรรค์กันก่อนก็แล้วกัน จากนั้นค่อยไปดูสถานที่อื่น ๆ ต่อ” หลินเหรินเจี๋ยพยักหน้า
ถังจุนเหรินเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกขัดใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้แค่เพียงเดินขึ้นไปบนหอคอยกับทุกคนโดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรต่อ
หลังจากขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอย หลินหรูซวนก็หัวเราะและพูดว่า “เมื่อวันที่หอคอยเสียงสวรรค์สำแดงอำนาจ ข้าบังเอิญได้ยินท่วงทำนองหนึ่งที่ข้ายังจำไม่ลืม ซึ่งวันนี้ข้าอยากจะลองเล่นมันบนนี้สักครั้ง!”
“พี่อู๋ ท่านตั้งใจฟังให้ดี ๆ ล่ะ ฝีมือการเล่นพิณของน้องซวนนั้นนับได้ว่ายอดเยี่ยมไม่เป็นสองรองใครในอาณาเขตหนานหัวเลยเชียวล่ะ แถมนางเองก็เล่นให้ข้าได้ฟังบ่อยที่สุด!” ถังจุนเหรินพูดขึ้นด้วยสีหน้าโอ้อวด
หลิงตู้ฉิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ในทางกลับกันหลินเหรินเจี๋ยกลับพูดกับกงหลิงว่า “ฝีมือการเล่นพิณของน้องสาวข้านับว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก พวกเรามาฟังด้วยกันเถอะ”
จากนั้นเมื่อหลินหรูซวนเตรียมพิณขึ้นมาเสร็จ นางก็เริ่มบรรเลงท่วงทำนองที่หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดให้นางเมื่อวาน ส่งผลให้ระฆังศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ตรงใจกลางหอคอยเสียงสวรรค์เริ่มมีปฏิกิริยาในทันที!