ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 62.4 เจ้าดินแดน (ตอนอวสาน 2) (4)

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

เสื้อผ้าของหยวนเต็มไปด้วยสีสันและลวดลาย ที่เท้ายังสวมรองเท้าแตะ เผยให้เห็นหัวแม่เท้า ทำตามอำเภอใจเป็นอย่างยิ่ง

“ตงป๋อเสวี่ยอิงคารวะผู้อาวุโสหยวน ขอบคุณผู้อาวุโสที่ก่อนหน้านี้ได้ชี้แนะข้าอย่างมากมายขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางโค้งคำนับ

“ฮ่าฮ่า เจ้าหนุ่มเกรงใจเกินไปแล้ว แม้จะบอกว่าข้าให้ความช่วยเหลือเจ้าไม่น้อยก็จริง ช่วยเจ้าแต่งเคล็ดวิชาเจ็ดกระบวนคละถิ่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก ป้ายคำสั่งจิตโลกาก็เป็นข้าที่หลอมขึ้นมา และยังมอบโลหิตหัวใจของมารดามังกรหมื่นสัมผัสหยดหนึ่งให้เจ้าด้วย…ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ต้องพูดให้มากความแล้ว! ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเช่นกัน ที่เจ้าสามารถมีวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะการบำเพ็ญของตัวเจ้าเองต่างหาก! ผู้ที่ข้ามอบความช่วยเหลือให้มีมากมายถมไป แต่ผู้ที่สามารถสำเร็จขั้นคละถิ่นได้มีสักกี่คนกันเชียว” หยวนพูดพลางยิ้มจนตาหยี

ตงป๋อเสวี่ยอิงจนคำพูด

ไม่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว! ความช่วยเหลือใดที่เคยมอบให้ตน ก็แจกแจงมาทีละอย่างๆ จนหมด

ที่แท้แล้ว ’หยวน’ มรีนิสัยเช่นนี้นั่นเอง

“ยังมีอีก อย่าได้เรียกว่าผู้อาวุโสหยวน ผู้อาวุโสหยวนอะไรนั่นเลย เจ้าเองก็เป็นเจ้าดินแดนแล้ว ต่อไปพวกเราก็เป็นพี่น้องกันแล้วนะ ข้าอายุมากที่สุด เจ้าก็เรียกข้าว่าพี่ใหญ่สักคำหนึ่งก็ใช้ได้แล้วล่ะ” หยวนหัวเราะหึๆ อย่างประหลาดแล้วพูดยิ้มๆ

“พี่ใหญ่” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าในบรรดาเจ้าดินแดน มีเจ้าดินแดนหลายคนที่เรียกหยวนว่า ‘โจรอาวุโส’ แม้หยวนจะเป็นเจ้าดินแดนที่เก่าแก่ที่สุดท่านหนึ่ง แต่นิสัยนั้นเอาแต่ใจมาก พวกคนที่เรียกเขาว่าโจรอาวุโส เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ

“เช่นนี้จึงจะถูกต้อง” หยวนอมยิ้มพยักหน้า “โอ้โฮ ได้เห็นเจ้าเติบโตขึ้นมาทีละก้าวๆ จนบัดนี้สำเร็จเป็นเจ้าดินแดนแล้ว ช่างเบิกบานใจนัก พูดกันว่าข้าลำบากลำบนสิ้นเปลืองกำลังมากมายถึงเพียงนั้นเพื่อสร้างดินแดนจิตโลกาก็ไม่มีประโยชน์มากสักเท่าใดนัก แต่ว่า…นี่ก็มีเจ้าดินแดนคนหนึ่งเกิดขึ้นมาแล้วมิใช่หรือไรเจ้าดินแดนเสวี่ยอิงผู้องอาจ ก้าวออกมาจากดินแดนจิตโลกาของข้า”

“ท่านพี่ผู้อาวุโส โลกกำเนิดบ้านเกิดของเขาอยู่ที่นี่กระมัง” เจ้าเมืองหลัวกล่าว “ที่นี่อยู่ในขอบเขตดินแดนใต้อาณัติของข้าต่างหาก”

“เหมือนกันนั่นแหละๆ ทั้งเจ้าและข้าต่างก็มีส่วนกันทั้งนั้น แน่นอนว่าความดีความชอบของข้ามากกว่าอยู่บ้าง” หยวนหัวเราะฮิฮิอย่างได้ใจ “นอกจากนี้ หลัวเฟิง ที่เจ้าสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนได้ ข้าก็มีความดีความชอบเช่นกัน”

“ใช่ๆ” เจ้าเมืองหลัวพูด

ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้ว

หลัวเฟิงหรือ นี่คือชื่อของเจ้าเมืองหลัวหรือ

เจ้าเมืองหลัวอธิบายทันทีว่า “ข้ามาจากโลกกำเนิดอีกแห่งหนึ่ง และก้าวขึ้นมาทีละก้าวๆ จากคนธรรมดาที่อ่อนแอเช่นกัน ข้ามาจากดาวเคราะห์แห่งหนึ่งที่เรียกว่าดาวโลก…เมื่อหวนคิดดูก็ยังสะท้อนใจอยู่เลย  ข้าใช้พลังทำลายกฎสำเร็จเป็นคละถิ่น จึงสามารถปกครองสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในประวัติศาสตร์ของโลกกำเนิดได้ ทั้งในอดีตและอนาคต ควบคุมความเป็นความตายของพวกเขา ที่ตายไปแล้ว…ก็ล้วนสามารถเคลื่อนย้ายพวกเขาจากเวลาที่สิ้นใจกลับมายังปัจจุบันได้ เพื่อชดเชยความเสียใจต่างๆ เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านพี่ผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก! หากไม่มีท่านพี่ผู้อาวุโส เส้นทางที่ข้าใช้พลังทำลายกฎ…ก็คงจะยากลำบากกว่านี้มากทีเดียว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ชั่วขณะที่สำเร็จเป็นประมุขโลกกำเนิดนั้น ที่เขาชอบที่สุดก็คือการที่บรรดาคนสำคัญที่สุดในชีวิตตน ที่เคยเศร้าโศกเสียใจนั้น บัดนี้ล้วนสามารถฟื้นคืนชีพได้

สำหรับคนเหล่านั้นแล้ว!

ก็แค่เคลื่อนย้ายจากชั่วขณะที่สิ้นใจ กลับมายังปัจจุบันซึ่งผ่านไปนานแสนนานแล้วในพริบตาเดียวเท่านั้นเอง! เหมือนกับงีบหลับไปเท่านั้น!

แต่สำหรับตนแล้ว กลับเป็นการชดเชยสิ่งที่เคยเสียใจทั้งหลาย

“ใช่แล้ว เจ้าเด็กตงป๋อ ข้าสงสัยในการบรรลุของเจ้าเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว” หยวนเอ่ยถามอย่างอดมิได้ “ข้าถามตนเองว่าบรรลุเส้นทางตั้งมากมาย แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้ายังมิได้สำเร็จเป็นคละถิ่นก็สามารถควบคุมพลังแห่งโลกาของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญได้แล้ว ถึงขั้นถูกสังหาร หลังจากนั้นติดๆ ก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้…เป็นเพราะวิถีวิญญาณของเจ้าบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้วอย่างนั้นหรือ”

“ท่านพี่ผู้อาวุโสร้ายกาจนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “เพียงครู่เดียวก็เดาได้ถูกต้องแล้ว ตอนนั้นข้าได้รับการกระตุ้นจนบรรลุ เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นสุดยอดของวิถีเขตลวงโลกเทียม การบรรลุนี้ ทำให้วิญญาณของข้าสามารถหลอมรวมเข้าสู่แหล่งต้นกำเนิดโลกได้อย่างง่ายดาย แม้มิอาจนับได้ว่าเป็นประมุขโลก แจ่ก็สามารถปรับเปลี่ยนพลังต้นกำเนิดโลกบางส่วนและพลังแห่งโลกาทั้งหมดได้ นับได้ว่าเป็นเทวทูตโลกากระมัง”

“หลอมรวมเข้าสู่แหล่งต้นกำเนิดโลกหรือ เช่นนั้นหากแหล่งต้นกำเนิดโลกไม่สลายไป วิญญาณของเจ้าก็จะไม่สลายไปน่ะสิ” หยวนเอ่ยถาม

“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

“ร้ายกาจ”

หยวนและเจ้าเมืองหลัวอดชมเชยด้วยความตกตะลึงมิได้

วิธีการระดับนี้ เพียงพอจะทำให้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นมากมายอิจฉาได้แล้ว

“หลังจากนั้นข้าก็ใช้วิถีเขตลวงโลกเทียมขั้นสุดยอดส่งผลกระทบต่อสรรพชีวิตทั้งโลกกำเนิด เมื่อสามารถส่งผลกระทบต่อสรรพชีวิตได้ ก็ทำให้แหล่งต้นกำเนิดโลกรับข้าเป็นนายได้อย่างง่ายดาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “แล้วข้าก็สำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาได้”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” หยวนพยักหน้า “วิถีวิญญาณบรรลุขั้นสุดยอดช่างน่ากลัวโดยแท้ ข้าคาดว่าหากด้านอื่นๆ ของวิถีวิญญาณบรรลุขั้นสุดยอดแล้วก็คงเป็นเช่นนี้เหมือนกัน สามารถส่งผลกระทบต่อสรรพชีวิตได้! กลายเป็นเจ้าของโลกกำเนิดบ้านเกิดของตนได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นที่เจ้าสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนได้ ก็เกี่ยวข้องกับวิถีเขตลวงโลกเทียมขั้นสุดยอดนี้ด้วยใช่หรือไม่”

เพราะว่าไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว

คละถิ่นระดับโลกา ไปถึงเจ้าดินแดน เพียงแค่สองชั่วยามเท่านั้นเองหรือ

“การผสานรวมของร่างกายและวิญญาณ ก็คือมหาวิถี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ก่อนหน้านี้ข้าเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น วิญญาณก็บรรลุถึงขั้นสุดยอด ทั้งสองผสานรวมเป็นหนึ่ง…ไม่มีอุปสรรคใดเลย สามารถหลอมรวมอย่างต่อเนื่องโดยง่ายดาย เมื่อบำเพ็ญแล้วก็ราบรื่นนัก! หากเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นซึ่งวิญญาณค่อนข้างอ่อนแอแล้วล่ะก็ อาจจะต้องใช้เวลาหลายพันล้านปีจึงจะสามารถใช้พลังทำลายกฎได้! แต่หลังจากข้าสำเร็จเป็นคละถิ่นระดับโลกาแล้ว วิญญาณก็แข็งแกร่งพอ เพียงแค่สองชั่วยามก็วิวัฒน์ได้อย่างราบรื่นและสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนได้ในที่สุด”

“ร่างกายและวิญญาณหรือ”

หยวนและเจ้าเมืองหลัวไม่สับสนอีกต่อไปแล้ว

อันที่จริง

อย่าว่าแต่เทพจักรวาลทั้งหลายเลย ต่อให้เป็นเหล่าผู้แกร่งกล้าคละถิ่นจำนวนมากที่หนีออกจากกรงขัง  พวกเขาก็ล้วนเชื่อว่า ร่างกายและวิญญาณ’ ผสานรวมกันน่าจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง ถึงขั้นมีผู้ที่อยากจะทำให้วิถีวิญญาณบรรลุถึงขั้นสุดยอดมากมาย! อย่างเช่น ‘บรรพชนฝาน’ แห่งดินแดนจิตโลกาก็มีความคิดเช่นนี้ เพียงแต่พลังยุทธ์ไม่เพียงพอจึงทำมิได้

“ขอเพียงกายหยาบบรรลุร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น และวิถีวิญญาณบรรลุขั้นสุดยอด ทั้งสองผสานรวมเป็นหนึ่ง ก็จะสามารถใช้พลังทำลายกฎได้แล้ว” หยวนพยักหน้า “นี่คือเส้นทางที่ราบเรียบเส้นหนึ่ง แต่กระนั้นจะให้วิญญาณบรรลุขั้นสุดยอด…กลับยากเสียยิ่งกว่ายาก จวบจนบัดนี้ ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน ก็มีเพียงเจ้าเด็กตงป๋อเท่านั้นที่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้”

“มีแค่ข้าเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ” ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็คาดเดาเอาไว้อยู่บ้างแล้ว ก็เพิ่งจะมายืนยันได้ในตอนนี้

“เจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!” หยวนพยักหน้า

“วิถีวิญญาณยากเย็นยิ่งนัก ไม่เหมือนกับวิถีอื่นๆ เช่นวิถีอากาศ เช่นวิถีเปลวเพลิง เช่นวิถีอสนีบาต…ที่ล้วนแต่เป็นพลังภายนอกประเภทหนึ่ง” เจ้าเมืองหลัวกล่าว “แต่วิถีวิญญาณกลับเกี่ยวโยงถึงความคิด สติรับรู้และด้านต่างๆ จึงบำเพ็ญได้ยากมาก”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

ใช่แล้ว ถึงอย่างไรการจะสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนก็มิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น

เส้นทางที่ตนเดิน ครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นนั้นเป็นเรื่องรอง ที่ยากที่สุดก็คือวิญญาณบรรลุถึงขั้นสุดยอดต่างหาก

“เจ้าสามารถหลอมรวมเข้าไปในแหล่งต้นกำเนิดโลกที่ไร้นายได้อย่างง่ายดายและหยิบยืมพลังแห่งโลกา มิน่าเล่าร่างแยกอันอ่อนแอของเจ้าก่อนหน้านี้จึงสามารถฟื้นฟูได้อย่างง่ายดาย” หยวนจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงรอคอยว่า “ร่างแยกพลังยุทธ์ของเจ้าฟื้นฟูขึ้นมาได้รวดเร็วมากใช่หรือไม่”

เจ้าเมืองหลัวที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็มองด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย เขาพูดว่า “บัดนี้ข้าและคนอื่นๆ รักษาการอยู่ตามที่ต่างๆ เมื่อถึงคราวคับขัน ถึงอย่างไรพวกข้าก็มีร่างแยกพลังรบหลักเพียงร่างเดียวเท่านั้น เมื่อที่อีกแห่งหนึ่งพบอันตรายแล้วค่อยเร่งเดินทางไป…ร่างแยกพลังรบหลักก็ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะไปถึง  เพราะมิติคละถิ่นกว้างใหญ่ไพศาลเกินไปแล้ว! หากร่างแยกอันอ่อนแอของเจ้าสามารถบรรลุถึงระดับร่างแยกพลังรบหลักได้อย่างรวดเร็ว เช่นนั้นก็สามารถช่วยรักษาการหลายสถานที่พร้อมกันได้อย่างง่ายดาย”

“พละกำลังโดยรวมของพวกเราค่อนข้างเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดังนั้นจึงต้องให้เจ้าดินแดนอย่างพวกเราคอยปกป้องดินแดน” หยวนกล่าว

“ปกป้องดินแดนต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ทว่าจากร่างแยกอันอ่อนแอของข้าไปถึงร่างแยกพลังรบหลัก มีอยู่สองข้อด้วยกัน ข้อแรกคือบัดนี้ข้าบรรลุถึงระดับเจ้าดินแดนแล้ว ร่างแยกอันอ่อนแอของเจ้าดินแดนไปถึงร่างแยกพลังรบหลัก ต้องใช้พลังงานมากกว่าตอนที่เป็นคละถิ่นระดับโลกาก่อนหน้านี้หลายเท่า อีกข้อหนึ่งก็คือ ข้าต้องอาศัยแหล่งต้นกำเนิดโลกที่ไร้เจ้าของเพื่อฟื้นฟู ยิ่งแหล่งต้นกำเนิดโลกแข็งแกร่งเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งฟื้นตัวได้เร็วเท่านั้น อย่างโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญก่อนหน้านี้ แหล่งต้นกำเนิดโลกระดับนั้น จะฟื้นฟูร่างแยกพลังรบหลักระดับเจ้าดินแดนของข้า อาจจะไม่ถึงครึ่งชั่วยามกระมัง”

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกา อาศัยแหล่งต้นกำเนิดโลกของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญฟื้นฟู ไม่นานนักก็จะเป็นระดับขั้นสมบูรณ์ ก็ต้องการเพียงสิบกว่าชั่วลมหายใจเท่านั้น

แต่เจ้าดินแดนใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม

“ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ยังพอไหว” หยวนพยักหน้า ก่อนหน้านี้พวกเขามีกันเพียงแปดคนเท่านั้น ด้วยความกว้างใหญ่ไพศาลของมิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัด มีสถานที่หลายแห่งที่อยู่ไกลเกินไป หากจะเร่งเดินทางไปก็ต้องใช้เวลาวันสองวัน ยามนี้ที่เขามาพบตงป๋อเสวี่ยอิง ก็แค่ใช้ร่างแยกอันอ่อนแอร่างหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้นเอง

“พวกเราสามารถสร้างโลกที่แข็งแกร่งกว่าโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญขึ้นมาได้” เจ้าเมืองหลักล่าว “พวกเราเจ้าดินแดนทั้งหลายร่วมแรงกัน สร้างโลกที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ณ บริเวณที่สำคัญ เมื่อพบอันตราย ร่างแยกอันอ่อนแอของเสวี่ยอิงสามารถฟื้นคืนสู่ระดับร่างแยกพลังรบหลักได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพบอันตราย วิธีการระดับนี้ของเสวี่ยอิง…เขาเำียงคนเดียว อย่างน้อยด้านการรักษาการของเขาก็สามารถเทียบกับพวกเราแปดคนได้แล้ว”

“แต่ละคนล้วนมีสิ่งที่ตนเองถนัด” หยวนก็เผยรอยยิ้มออกมา

วิธีการนี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงทำให้พวกเขาปีติยินดีมากจริงๆ

“วิถีวิญญาณช่างน่าอัศจรรย์โดยแท้” หยวนและเจ้าเมืองหลัวต่างก็ลอบพึมพำ เพียงแต่ตลอดคืนวันอันยาวนานพวกเขาต่างก็เคยเคี่ยวกรำวิถีวิญญาณมาก่อน เพียงแต่ได้ผลน้อยมาก

……

พวกเขาทั้งสามพูดคุยกันโดยละเอียดอยู่ในมิติคละถิ่น ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจว่าพละกำลังโดยรวมของทางฝั่งผู้บำเพ็ญนั้นไม่เพียงพอ อีกทั้งเจ้าดินแดนแปดท่านก่อนหน้านี้ แม้เมื่อดูภายนอกจะปรองดองกันดี แต่ภายในก็มีความแตกแยกกันอยู่บ้าง เช่นหยวนและเจ้าเมืองหลัวนั้นมีใจเมตตาต่อผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอ แต่ก็มีเจ้าดินแดนบางคนที่ไม่ไยดีผู้ที่อ่อนแอเหล่านั้น

พวกเขารู้สึกว่าต่อให้มีผู้ที่อ่อนแอตายไปมากกว่านี้ ขอเพียงสามารถขัดเกลาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นออกมาได้ก็คุ้มค่าแล้ว

“เรื่องเหล่านี้เดี๋ยวค่อยสนทนากันโดยละเอียด นิสัยของเจ้าหนุ่มเช่นเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องยืนอยู่ฝ่ายพวกเราแน่นอน เจ้าน่ะรังเกียจความชั่วร้ายดุจคู่แค้นยิ่งกว่าข้ากับหลัวเฟิงเสียอีก” หยวนพูดยิ้มๆ “พูดถึงธุระ! ที่เจ้าสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนในครั้งนี้ ทางฝั่งผู้บำเพ็ญจะจัดงานเลี้ยงฉลองครั้งใหญ่ให้เจ้า! ถึงตอนนั้นสิ่งมีชีวิตระดับเจ้าดินแดนจำนวนมากก้จะมาเข้าร่วม ซึ่งนี่ก็จะเป็นการประกาศข่าวใหญ่ให้ทั้งมิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัดทราบโดยทั่วกันว่าทางฝั่งผู้บำเพ็ญเรามีเจ้าดินแดนเพิ่มขึ้นมาอีกท่านหนึ่งแล้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ไม่รีบร้อนกระมัง”

“ต้องเตรียมการสักหน่อย ยังต้องเชื้อเชิญทุกฝ่ายอีก เจ้ามากำหนดเวลาหน่อยก็แล้วกัน ภายในหนึ่งปีจะดีที่สุด” หยวนพูด “นอกจากนี้ บรรดาเจ้าดินแดนคนอื่นๆ ก็อยากจะพบเจ้าเสียหน่อย พวกเขารวมตัวกันอยู่ ถึงตอนนั้น ก็ต้องแบ่งดินแดนใต้อาณัติกันใหม่ เพื่อแบ่งดินแดนใต้อาณัติของเจ้าดินแดนเสวี่ยอิงให้ดีด้วย ถึงตอนนั้นก็ต้องให้เจ้าคอยปกป้องแล้ว!”

“ท่านพี่ผู้อาวุโส งานชุมนุมนี่ ให้ท่านเป็นผู้กำหนดสถานที่ก็แล้วกัน จะให้ดีที่สุดก็สามวันให้หลัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ข้ายังมีธุระอีกหน่อย”

“ฮ่าฮ่า…ได้ๆๆ เจ้าเพิ่งจะบรรลุ พวกเราจะไม่รบกวนเจ้าแล้ว” หยวนยิ้ม “เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ”

“ขอรับ ท่านพี่ผู้อาวุโส เจ้าเมืองหลัว ข้าขอตัวกลับก่อน”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง ลอยไปทางโลกกำเนิดของตนในทันใด

ในขณะนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะไปเข้าร่วมงานสังสรรค์ของเจ้าดินแดนอะไรทั้งสิ้น! และไม่มีความคิดจะไปจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตเพื่อรับรองสิ่งมีชีวิตระดับเจ้าดินแดนอะไรด้วย

บัดนี้เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น…

ก็คือทำให้พวกท่านพ่อท่านแม่ ท่านอาจงท่านอาถงและน้องชายฟื้นคืนชีพขึ้นมาให้หมด ยังมีปรมาจารย์กู่ฉีและสหายรักทั้งหลาย ในฐานะประมุขโลกกำเนิด ก็ทำตามใจตนเองเช่นนี้ได้

ตนอยากแบ่งปันความปิติยินดีกับกลุ่มคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของตน

ตงป๋อเสวี่ยอิงบินเข้าไปในโลกกำเนิด มองดูภรรยาและบุตรชายบุตรสาวของตน และมองเห็นท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านอาถง ท่านอาจง ตงป๋อชิงสือผู้เป็นน้องชายของตนผ่านประวัติศาสตร์ของโลกกำเนิดในอดีตที่ผ่านมา พวกเขาแต่ละคน…

“ไม่เจอกันนานเลยนะ คิดถึงพวกเจ้ามากเหลือเกินจริงๆ”

………………………

– จบบริบูรณ์์ –