เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1312

พวกเขายังคงเดินตามลู่ฝานกับสิบสามอยู่ในระยะไกล โดยเดินและพูดไปพลางว่า: “แน่ใจว่าเป็นเขาใช่ไหม? ”

“ใช่เขาแน่นอน ท่านแม่ ท่านคิดจะลงมืออย่างไร! ”

ชายคนหนึ่งเงยหน้าขึ้น แสงอาทิตย์สาดส่องมาบนใบหน้าของเขา ก็พลันเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา

คนผู้นี้ ก็คืออู่จุนนั่นเอง!

“รอให้พวกเขาไปถึงสถานที่ที่มีคนน้อยแล้วค่อยลงมือ บนถนนสายหลักนี้ มีคนมากมาย เมื่อลงมือแล้ว ไม่นานนักก็จะมีทหารปกป้องเมืองออกมา ส่วนลู่ฝานเองก็มีวิทยายุทธที่ไม่เลว และมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวงด้วย หากหาสถานที่ลงมือทีเหมาะสมยังไม่ได้ ก็ต้องยอมปล่อยเขาไป โดยห้ามที่จะลงมืออย่างบุ่มบ่ามเด็ดขาด”

ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น

ผู้ชายหลายคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังของผู้หญิงคนนี้ต่างก็พยักหน้าเบา ๆ

ผู้หญิงคนนี้ ก็คือแม่ของอู่จุน ที่เป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลใหญ่แห่งโลกจู๋หลง ชื่อว่าอู่ชิงเฉิง!

ผู้ที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเธอนั้น ล้วนเป็นยอดฝีมือของโลกจู๋หลง

อู่จุนพยักหน้าและพูดว่า: “รับทราบ แม้ว่าตระกูลเทียนจะให้ผลประโยชน์กับพวกเราไม่น้อย แต่ก็ไม่ควรที่จะยอมสูญเสียพวกเราเองไปได้ พวกเราคนของโลกจู๋หลง ไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุนมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว! ”

อู่ชิงเฉิงยิ้มและพูดว่า: “ถูกต้อง ลูกชายที่ยอดเยี่ยมของฉัน ตอนนี้นายยิ่งจะก้าวหน้ามากขึ้นแล้ว โธ่เสียดายที่นายเข้าร่วมการประลองคัดเลือกในครั้งนี้ได้อันดับที่ธรรมดาไปหน่อย หากว่านายสามารถได้แปดอันดับแรก เมื่อกลับไปถึงโลกจู๋หลง ฉันจะผลักดันนายให้ขึ้นเป็นผู้มีอิทธิพลคนใหม่ ปกครองดูแลเนินเขาส่วนหนึ่งเลย”

อู่จุนกัดฟันพูดว่า: “โกรธแค้นไอ้ลู่ฝานนั่น หากว่าไม่ต่อกรกับเขา การเข้าสู่แปดอันแรกนั้น ฉันก็ยังคงมีโอกาสอยู่บ้าง ท่านแม่ ฉันขอเตือนท่านไว้ก่อนว่า ลู่ฝานผู้นี้ ไม่เกรงกลัวขบวนร้อยอสูรยามวิกาลที่ท่านให้ฉันเอาไว้ เขาคงจะต้องมีวิชาพิเศษอะไรสักอย่างเป็นแน่! ”

อู่ชิงเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ต่อให้มีวิชาที่พิเศษแค่ไหน ก็ต่อกรกับพลังความสามารถที่สุดยอดไม่ได้ ในตอนที่เขาสมบูรณ์ สามารถต่อสู้กับนักบู๊ปราณฟ้าได้ และยังสามารถที่จะเอาชนะปีศาจตนหนึ่งได้ด้วย แต่ตอนนี้ เขายังบาดเจ็บอยู่ กอปรกับฉันได้พายอดฝีมือหลายคนมาช่วยเหลือ หากว่ายังไม่สามารถที่จะจัดการนักบู๊ปราณดินที่กระจอกอย่างเขาได้ พวกเราสองแม่ลูกก็คงจะไม่มีหน้ากลับไปที่โลกจู๋หลงอีกแล้ว! ตามไปเร็ว อย่าได้ให้เขารอดพ้นจากสายตาของพวกเราไปได้! ”

ทุกคนสะกดรอยตามลู่ฝานไป

เลี้ยวลดคดเคี้ยว วนไปวนมา ลู่ฝานนำพาพวกเขาเดินวนเวียนบนถนนแต่ละเส้นไปแล้วหนึ่งรอบ และยังจะเดินผ่านจุดค่ายกลเคลื่อนฟ้าหนึ่งหรือสองแห่งด้วย

เหมือนจะเดินเล่นตั้งแต่กลางวันจนถึงช่วงเย็นยามโพล้เพล้แล้ว ผู้คนบนถนนก็ลดน้อยลงไปแล้วด้วย

อู่ชิงเฉิงพูดกับอู่จุนและคนอื่น ๆ ว่า: “จับตาให้ดีนะ ตอนนี้เขาคงจะต้องกลับไปที่ตระกูลหานแล้ว รอให้ฟ้ามืดลง และเมื่อเขาเดินผ่านถนนที่ไม่มีผู้คน พวกเราก็ลงมือทันที! ”

ทุกคนตอบรับขึ้นเบา ๆ

แต่ในขณะนี้เอง ลู่ฝานกลับเลี้ยวเข้าซอยที่คับแคบแห่งหนึ่ง

อู่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ แสดงสีหน้าที่ตกใจก่อน จากนั้นก็ยิ้มดีใจขึ้น

“ตามไป รีบตามไปเร็ว! ”

อู่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ราวกับผีสาง ติดตามพวกลู่ฝานทั้งสามคนเข้าไปในซอยแคบนั้น

และในเวลานี้ พวกเขาก็มองเห็น ลู่ฝานกับสิบสาม เดินก้าวเข้าไปในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง

อู่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ พลันจ้องมองเข้าไปในร้านเหล้าด้วยสายตาที่สงสัย ลู่ฝานมาที่นี่ทำไม?

เดินช้า ๆ มาถึงด้านหน้าของร้านเหล้า อู่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ก็ต่างมองสำรวจกัน

นี่คือร้านที่เก่าแก่และทรุดโทรมแห่งหนึ่ง ภายในร้านมีแต่เถ้าแก่อ้วนคนหนึ่ง รวมถึงมีพวกชายชราที่แต่งกายธรรมดาไม่กี่คนกำลังดื่มเหล้าอยู่ แล้วก็เป็นพวกลู่ฝานทั้งสามคน

อู่ชิงเฉิงกับอู่จุนและคนอื่น ๆ ยืนกันอยู่ที่หน้าประตู หัวเราะอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า: “ช่างเป็นการให้ร้ายตนเองเสียจริง ไม่นึกว่าเขาจะเลือกสถานที่แบบนี้เพื่อเป็นสถานที่่ตายให้กับตนเอง”

อู่จุนและคนอื่น ๆ ก็พากันยิ้ม

เวลานี้ ไอ้อ้วนตงได้ยกเหล้าหนึ่งไหมาให้กับลู่ฝาน วางไว้บนโต๊ะแล้วพูดว่า: “ไอ้ลู่ฝาน นายพาผู้ติดตามกี่คนนั้น มาทำอะไร? ”

ลู่ฝานยิ้มและพูดขึ้นอย่างหน้าด้านว่า: “เปล่า ก็แค่อยากจะอยู่ในที่ของท่านนี้ เพื่อหลบภัยเท่านั้น! ”

ไอ้อ้วนตงส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา และพูดว่า: “ปลิ้นปล้อน”

ไอ้อ้วนตงหันหน้ากลับมา แล้วก็มองไปยังอู่จุนละคนอื่น ๆ ที่นอกประตู พร้อมกับส่ายศีรษะอย่างเหยียดหยาม