ตอนที่ 737 พลอยชั้นดี

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 737 พลอยชั้นดี
“อย่างนั้นต้องขอบคุณท่านนักพรตมากนะครับ!”

เยี่ยเทียนแสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา ทำให้มุมปากของติงหงกระตุกเล็กน้อย พลางคิดว่าความคิดความอ่านของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่น่าจะง่ายดายเกินไปกระมัง?

“ไม่เป็นไร แค่ช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น…”

ติงหงโบกมือ และขณะที่กำลังจะพูด ดวงตาของเขาพลันจ้องมองไปที่รถเข็นที่เพิ่งเข็นขึ้นไปบนเวทีประมูลทันที แล้วลุกขึ้นพรวด ทำให้เยี่ยเทียนตกใจมาก

“พลอยวิเศษธาตุไฟเกรดสูง บนโลกมนุษย์ไม่มีปราณวิเศษ จะมีพลอยวิเศษน้ำดีเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

สายตาที่น่าตกใจส่งออกมาจากดวงตาของติงหง ในใจเกิดคลื่นโหมซัดสาดขึ้นมาทันที เดิมทีเขาคิดว่าพลอยวิเศษที่ปรากฏอยู่ที่นี่จะเป็นเพียงพลอยเกรดต่ำเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่า จะเป็นพลอยเกรดสูงเช่นนี้

ในพื้นที่ที่เขาอาศัยอยู่ พลอยวิเศษเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยาก ส่วนมากจะถูกเก็บซ่อนไว้ในสำนักใหญ่ๆ ที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน ลูกศิษย์ธรรมดาทั่วไปยากที่จะได้เห็น

ถึงแม้พลอยวิเศษเกรดสูงจะถูกเจียระไนแล้ว แต่ปราณวิเศษก็ไม่ได้หายไป ติงหงเชื่อว่า หลังจากที่เขาได้พลอยวิเศษนี้กลับไป จะสามารถแลกกับพลอยวิเศษธาตุน้ำที่เขาต้องการได้ทั้งหมดแน่นอน

ติงหงแอบดีใจ โชคดีที่ตัวเองลงจากภูเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงจะพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ ทำให้เรื่องการตายของศิษย์น้องที่อยู่ในใจของเขาลดลงไป มัวสนใจแต่พลอยวิเศษเกรดดีชิ้นนี้

แววตาที่ร้อนผะผ่าวที่ส่งออกมา ถ้าหากไม่คำนึงถึงตัวเองที่ละทางโลกแล้ว ติงหงคงเกิดความคิดอยากจะเข้าไปแย่งออกมา

ทว่าติงหงที่ตกอยู่ในความตื่นเต้นดีใจนั้นกลับไม่รู้ว่า หลังจากที่เขาปล่อยพลังปราณชีวิตออกมาปกคุลมนั้น เยี่ยเทียนได้ปล่อยกระแสพลังจิตเพียงเล็กน้อยที่ยากจะตรวจสอบได้ เพื่อบอกให้พ่อห้ามแย่งพลอยวิเศษชิ้นนั้น

แม้ว่าเยี่ยเทียนจะสามารถสัมผัสได้ ถึงปราณวิเศษที่แฝงอยู่ในผลึกก้อนนั้น ซึ่งมีพลังมากกว่าพลอยวิเศษที่เขาได้รับมาเสียอีก แต่ของชั้นดีก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตถึงจะได้

เมื่อมองนักพรตที่ปล่อยพลังปราณชีวิตออกมาข้างๆ ตัวเขา เยี่ยเทียนจึงรู้ว่า ถ้าหากตัวเองแสดงความสนใจต่อพลอยวิเศษนี้ ไม่แน่ติงหงอาจจะโกรธแค้น แล้วหาทางกำจัดตัวเองให้พ้นทาง

หลังจากติงหงลุกขึ้นยืน นักประมูลที่อยู่บนเวทีจึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คุณผู้ชาย เชิญนั่งครับ อย่ารบกวนขั้นตอนของการประมูล!”

ตอนที่วัตถุสองชิ้นที่ประมูลไปก่อนหน้านั้น ทั้งสองคนพูดคุยกันตลอดเวลา ทำให้นักประมูลรู้สึกว่าตัวเองทำงานล้มเหลว อย่างน้อยก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ทั้งหมด

ติงหงถลึงตาจ้องมองพอดี เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน แล้วจ้องมองไปที่นักประมูล เดิมทีนักประมูลที่ท่าทางเฉิดฉาย ตอนนี้กลับรู้สึกหนาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว จึงไม่กล้าเร่งรัดให้ติงหงนั่งลงอีก

จากนั้นติงหงจึงหันไปมองอวิ๋นหวาจวิน แล้วส่งกระแสจิตไปว่า “ไม่ว่าราคาเท่าไร ต้องซื้อมาให้ได้ แล้วข้าจะช่วยยืดอายุขัยของพวกเจ้าสองพี่น้องอีกยี่สิบปี!”

อวิ๋นหวาจวินที่นั่งอยู่แถวหลังจึงเบิกตาโต รีบหยักหน้าหงึกๆ เนื่องจากสองสามวันที่ผ่านมานักพรตเฒ่าท่านนี้ไม่ยอมหยิบยื่นของดีอะไรออกมาเลย ไม่คิดว่าวันนี้จะยอมพูด

ปีนี้อวิ๋นหวาจวินมีอายุเจ็บสิบห้าปีแล้ว บวกกับการดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ถ้าหากได้เพิ่มอายุขัยอีกยี่สิบปี เขาจะมีอายุเกินหนึ่งร้อยปีแน่นอน ซึ่งมากพอที่จะทำให้ใครตื่นเต้นดีใจไม่หยุด

“น้องรอง ต้องประมูลพลอยวิเศษนี้มาให้ได้ ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม! ” เสียงของอวิ๋นหวาจวินสั่นเครือเล็ก น้อย เมื่อเทียบกับเงินทองแล้ว ชีวิตสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น

“พี่ใหญ่ พี่วางใจได้ ผมเตรียมเงินมาเต็มที่ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน!” สองสามวันที่ผ่านมาอวิ๋นหวาถงก็เห็นถึงความอัศจรรย์ของนักพรตท่านนี้แล้ว ดังนั้นจึงเชื่อคำพูดของพี่ชายอย่างไม่ลังเล

“พ่อหนุ่มเยี่ย ผลึกนี้มีความสำคัญต่อข้ามาก หวังว่าเจ้าจะไม่แย่งกับข้านะ!” หลังจากที่นั่งลง ติงหงจึงมองเยี่ยเทียนอย่างเรียบเฉย พร้อมกับคำพูดที่แสดงออกถึงการข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด

ถึงแม้สำนักฟ้าดินจะยิ่งใหญ่ แต่หลังจากที่ได้พลอยวิเศษนี้แล้วนำไปแลกกับพลอยวิเศษธาตุน้ำล่ะก็ ความเป็นไปได้ที่ติงหงจะบรรลุจินตันสำเร็จมหามรรคก็มีสูง ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องเกรงกลัวสำนักฟ้าดินอีกต่อไป

ดังนั้นถ้าหากเยี่ยเทียนยังไม่รู้จักกาลเทศะและอยากจะแย่งกับเขาอยู่ล่ะก็ ติงหงก็จะไม่ถือสาที่จะหาโอกาสให้เขาต้องตายแล้วร่างสลายกลายเป็นเซียน เพราะการฝึกบำเพ็ญตบะก็เป็นเรื่องที่ขัดต่อฟ้าดินอยู่แล้ว ดังนั้นติงหงยังจะสนใจชีวิตของคนอื่นอีกหรือ?

“ท่านติงครับ ผู้น้อยฝึกวรยุทธอยู่ในโลกมนุษย์ ทรัพยากรมีน้อยกระจิ๊ดริด เอ่อ…เอ่อ…”

เยี่ยเทียนแสดงสีหน้าลังเลออกมา เขาไม่กล้ารับปากทันที ไม่อย่างนั้นตาเฒ่าที่ฉลาดเป็นกรดคนนี้คงจะไม่สงสัยอะไรอย่างแน่นอน

“หืม?”

สายตาของติงหงมีแววความโหดเหี้ยมออกมา แต่ไม่ช้าเขาก็เก็บกลับไป หงายฝ่ามือ แล้วบนฝ่ามือก็ปรากฏพลอยวิเศษสีแดงที่มีขนาดเท่านิ้วก้อยชิ้นหนึ่ง พลางพูดว่า “วรยุทธของเจ้ายังไม่พอ หากใช้พลอยวิเศษนั่นจะเป็นการทำลายข้าวของ ข้ามีพลอยวิเศษชิ้นนี้ ซึ่งมากพอในการใช้ฝึกวรยุทธของเจ้า!”

ระหว่างที่พูดติงหงก็ยัดพลอยวิเศษใส่ไปในมือของเยี่ยเทียน สุดท้ายแล้วเขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด และคงไม่มีผู้อาวุโสที่อยู่บนโลกมนุษย์ หากจะบังคับขู่เข็ญสู้ปลอบใจเขาจะยังดีกว่า ถึงอย่างไรก็ได้ยินมาว่าสำนักฟ้าดินมีคนที่สำเร็จระดับจินตันแล้ว

“อย่างนั้น…อย่างนั้นต้องขอบคุณท่านอาวุโสครับ!”

ถึงแม้เยี่ยเทียนจะมีท่าทีไม่ยินยอม แต่สิ่งที่ขัดกับอารมณ์ก็ไม่รุนแรงมากเท่าไร หลังจากปล่อยพลังจิตไปสัมผัสพลอยวิเศษก้อนนั้น เขาจึงมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาทันที

“ไม่ได้เรื่อง แค่ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ก็ดึงดูดความสนใจได้แล้ว?”

ติงหงรู้สึกสงสัยการวินิจฉัยของตัวเอง ถ้าหากเยี่ยเทียนมีผู้อาวุโสใหญ่หนุนหลังจริง จะมองพลอยวิเศษธาตุไฟเกรดต่ำเป็นของล้ำค่าได้อย่างไร?

แต่เวลานี้การประมูลบนเวทีเริ่มขึ้นแล้ว ติงหงจึงรีบเปลี่ยนความสนใจ แม้ว่าเขาจะฝึกวรยุทธมาสองร้อยกว่าปี แต่เวลานี้จิตใจของเขาก็ยังมีความหวั่นไหวเล็กน้อย

“พลอยวิเศษเม็ดงามนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ภูเขาไฟปีตงเดอลาฟูร์แนซระเบิดออกมา มันถูกสร้างเป็นผลงานชั้นประ ณีตจากนักอัญมณี มีราคาแปดล้านหยวน และจะเพิ่มราคาทุกหนึ่งหมื่นหยวน ขอเชิญทุกท่านเสนอราคาได้เลยครับ!”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกติงหงจ้องมองหรือเปล่า ท่าทางของนักประมูลในเวลานี้ดูไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด หลังจากแนะ นำสินค้าเล็กน้อย ก็เริ่มประกาศการประมูลเลย

“ของดีถูกทำลายไปแล้ว!”

พอสิ้นเสียงของนักประมูล ติงหงกับเยี่ยเทียนจึงสบตากันอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสองคนยิ้มเจื่อนๆ ออกมาพร้อมกัน ถ้าหากพลอยวิเศษนี้ไม่ได้ถูกเจียระไน เกรงว่าคงจะมีประโยชน์กับพวกเขามากกว่านี้

“เจ้าหนุ่มคนนี้รู้จักของดีเหมือนกัน”

หลังจากมอบพลอยวิเศษเกรดต่ำไปแล้ว ติงหงจึงไม่กังวลว่าเยี่ยเทียนจะทำอะไรมีพิรุธ มิเช่นนั้นแม้ว่าต้องพบกับคนของสำนักเยี่ยเทียน เขาก็กล้าที่จะพูดชี้แจงข้อเท็จจริง

“ผมเสนอเก้าล้านหยวน!”

ตอนที่นักประมูลแจ้งราคาการแข่งขันประมูลนั้น อวิ๋นหวาถงจึงชูป้ายที่อยู่ในมือ แล้วเพิ่มราคาให้สูงอีกหนึ่งล้าน เขากำลังแสดงให้เห็นว่าตัวเองตัดสินใจจะต้องได้มันมาครอบครองให้ได้

บางครั้งการประมูลก็เป็นเช่นนี้ เวลามหาเศรษฐีที่มีกำลังทรัพย์มากพอเกิดความสนใจต่อสิ่งของบางอย่าง ผู้คนมากมายก็จะหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ และในสถานการณ์บางอย่างจึงกลายเป็นกฎระเบียบที่แฝงอยู่ในนั้น

ทว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ในประเทศจีน โดยเฉพาะอวิ๋นหวาถง กิจการที่ลงทุนทั้งหมดในประเทศจีนนั้นโดยพื้นฐานแล้วกระทำการอย่างลับๆ ส่วนจำนวนครั้งในการร่วมกันประมูลถือว่าน้อยเกินไป และไม่รู้ว่าต่างประเทศมีคนที่จัดการ “คนมีเงิน” แบบนี้โดยเฉพาะหรือไม่

“คุณผู้ชายท่านนี้เสนอราคาเก้าล้านหยวน มีท่านอื่นอยากเสนอราคาเพิ่มอีกไหมครับ พลอยชิ้นนี้ผ่านการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว เป็นพลอยชนิดหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏบนโลกนี้มาก่อน จึงควรค่าแก่การเก็บสะสมมากที่สุดครับ!”

หลังจากได้ยินการเสนอราคาของอวิ๋นหวาถงแล้ว ดวงตาของนักประมูลก็เป็นประกายขึ้นมา แล้วจึงพูดอย่างคล่องแคล่วมากขึ้น จากนั้นก็แนะนำข้อมูลที่ตัวเองยังไม่ได้อธิบายนำมาพูดอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน นิ้วก้อยมือขวาของนักประมูลก็แอบเคาะอยู่บนโต๊ะประมูลสองสามทีเบาๆ มีบางคนที่อยู่ด้านล่างเวทีสังเกตพฤติกรรมของเขาอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ได้รับสัญญาณนั้น

นักสะสมที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในปักกิ่งชูป้ายขึ้นมา แล้วยิ้มพูดว่า “สิบล้านหยวน ประธานอวิ๋นผมไม่ได้จะประลองกับคุณนะครับ คุณก็รู้ ผมก็เป็นนักสะสมพลอยชนิดนี้!”

“สิบห้าล้านหยวน ของสิ่งนี้ ผมชอบ!” อวิ๋นหวาถงชูป้ายขึ้นที่อยู่ในมืออีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ เห็นถึงความเผด็จการขณะที่พูดได้ชัดเจน

ระหว่างที่การประมูลดำเนินไปนั้น นักประมูลจะชอบผู้ร่วมแข่งประมูลประเภทนี้ จึงแอบส่งสัญญาณออกไปอีกครั้ง

“ยี่สิบล้านหยวน ประธานอวิ๋น ของแบบนี้ควรจะอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่านะครับ!”

นักสะสมคนนี้ก็ไม่กลัวอวิ๋นหวาถงเลย อาณาจักรที่เขาทำธุรกิจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับอวิ๋นหวาถง จึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเขา

และที่สำคัญคือ ในฐานะของหน้าม้ามืออาชีพ เขาสามารถได้รับค่าคอมมิชชั่นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ จากการเพิ่มราคาซื้อขายครั้งนี้ เมื่อเรียกราคาถึงยี่สิบล้าน เขาก็จะมีเงินเข้าบัญชีหนึ่งล้าน

“ถือว่าเป็นคนโง่พูดมากจริงๆ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นหน้าม้า”

เยี่ยเทียนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดเบ้ปาก หลังจากที่เคยผ่านการประมูลที่ฮ่องกงมาก่อน เขาจึงรู้แผนการของนักประ มูลพวกนี้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเยี่ยเทียนร่วมแข่งประมูล อย่าว่าแต่ยี่สิบล้านเลย ต่อให้เป็นสี่สิบล้านเขาก็ยอมเสนออย่างเต็มใจ ถึงอย่างไรเจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่เงินที่สามารถวัดมูลค่าได้

“สี่สิบล้าน!”

อวิ๋นหวาถงชูป้ายที่อยู่ในมืออีกครั้ง เมื่อครู่พี่ชายได้กระซิบข้างหูเขาถึงเงื่อนไขของติงหง เวลานี้ความคิดของเขากับเยี่ยเทียนจึงคล้ายกัน ต่อให้จ่ายเงินมากกว่านี้ ก็ต้องเอาพลอยวิเศษนี้มาให้ได้

“เถ้าแก่อวิ๋นบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ก้อนหินนี้มีมูลค่าถึงสี่สิบล้าน?”

“ใช่แล้ว อย่าเพิ่งพูดถึงพลอยที่ไม่มีที่มาเลย ต่อให้เป็นเพชรก็ไม่ได้แพงถึงขนาดนี้!”

“ต่อให้ต้องใช้เงินทองมากมายเขาก็ยอมซื้อ และประธานอวิ๋นเป็นใคร? นี่เขากำลังอารมณ์เสียอยู่”

หลังจากที่อวิ๋นหวาถงเสนอราคาออกไป ภายในงานก็เกิดความคึกคักขึ้นมาทันที ในสายตาของนักสะสมตัวยงนั้น พลอยก้อนนี้น่าจะเป็นทับทิม ราคาประมูลอยู่ที่แปดล้านก็ยังพอรับได้ แต่เสนอราคาถึงสี่สิบล้านแบบนี้มันบ้าเกินไปแล้ว

ครั้งนี้แม้แต่หน้าม้าคนนั้นก็ไม่กล้าเสนอราคาอีก เพราะราคานี้เกินจากที่เขาคาดคิดไว้ในใจแล้ว ถ้าหากตัวเองเสนอราคาให้สูงอีกแล้วอีกฝ่ายไม่เล่นด้วย อย่างนั้นเขาจะหาที่ร้องไห้ก็คงหาไม่ได้

ไม่เพียงแต่นักสะสมคนนั้น แม้แต่นักประมูลที่อยู่บนเวทีก็คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหวาถงจะเสนอราคาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า สุภาษิตว่าเจอของดีให้เก็บ ครั้งนี้เขาไม่ได้ส่งสัญญาณอีก และหลังจากที่ถามราคาสามครั้งแล้ว จึงใช้ค้อนประมูลทุบลงอย่างแรง

“ยินดีกับท่านนักพรตด้วยนะครับ!”

หลังจากอวิ๋นหวาถงได้หินพลอยมาแล้ว เยี่ยเทียนจึงมีสีหน้าอิจฉาและพูดแสดงความยินดีต่อติงหง จากนั้นก็พูดว่า “ไม่ทราบว่าท่านนักพรตพักอยู่ที่ไหนครับ ผู้น้อยอยากจะไปนั่งคุยด้วยครับ!”