ตอนที่ 1998 เจียงหมิง ข้าจะจำไว้!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ไม่นานนักข่าวนี้มันก็แพร่กระจายไปทั่ว

เหล่าคนที่เกี่ยวข้องกับจวนเจ้าเมืองและผู้เกี่ยวข้องกับเย่หยวนรวมไปถึงเหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายต่างถูกโยนเข้าคุกไปอย่างไม่เลือกหน้า

หนึ่งไฟดำที่สามยอดฝีมือนั้นนำพามาด้วยได้ทำการเข้ายึดครองดูแลความเรียบร้อยของเมืองไป

ทุกผู้คนต่างได้รับอนุญาตให้เข้า แต่ไม่มีใครจะสามารถออกจากเมืองได้

ตอนนี้เมืองนี้มันได้กลายเป็นเมืองปิดตาย!

หลายปีมานี้เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายต่างใช้ชีวิตในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างสุขสบายภายใต้การปกครองของเย่หยวน

อีกทั้งความก้าวล้ำในด้านการโอสถของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองมันก็ได้ทำให้นักยุทธ์จากทั่วทุกสารทิศเดินทางมา

มันทำให้พลังฝีมือของชายเมืองทั้งหลายนั้นพัฒนาไปอย่างมากมาย

และความเปลี่ยนแปลงชี้มันชัดเจนอยู่ในหัวใจของทุกผู้คน

เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายนั้นจึงได้กังวลเรื่องที่เหล่าทหารเกราะดำนี้เข้ามาควบคุมเมืองอย่างมาก

เพียงแค่ว่าเหล่าทหารเกราะดำนั้นมันมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำจนเกินไป พวกเขาจึงไม่กล้าหาญพอที่จะต้านทาน

ทุกผู้คนนั้นได้แต่เจ็บแค้นแต่ไม่กล้าพูดออกมา

“หากท่านเย่หยวนยังอยู่ในเมืองแล้วเจ้าคนเหล่านี้มันคงไม่มีหน้ามาทำเช่นนี้ได้แน่”

“เฮ้อ! ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่มาในคราวนี้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์! ต่อให้ท่านเย่หยวนจะยังอยู่ มันก็คงมิใช่เรื่องที่จะจัดการลงได้ง่ายๆ แน่”

“อีกทั้งคนพวกนี้นังมีเทพสวรรค์หนุนหลังให้อีก! แค่คิดมันก็แทบทำให้ข้าตัวสั่นแล้ว! หรือว่า… เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นจะต้องกลับไปเป็นอย่างแต่ก่อน? เราเพิ่งได้หายใจหายคอกันทั่วท้องมาไม่กี่ปีเองแท้ๆ!”

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันหมายถึงเทพสวรรค์

และตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันเป็นอะไรที่ไร้เทียมทาน!

อย่างน้อยๆ ในชีวิตที่ผ่านๆ มาเหล่าผู้คนของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็ไม่ได้มีใครคาดคิดว่าชีวิตนี้จะได้ไปเกี่ยวข้องกับกำลังใต้การปกครองของเทพสวรรค์

เพราะยอดฝีมือในระดับนั้นสามารถทำลายเมืองจักรพรรดิมากมายลงได้ด้วยฝ่ามือเดียว พวกเขาย่อมจะอยู่กันคนละโลก

ตอนนี้เมื่อถูกยอดฝีมือขุมพลังระดับนั้นเฝ้าจับตา พวกเขาทั้งหลายต่างหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ

อย่างน้อยๆ วันเวลาในตอนนี้มันก็ดีกว่าเมื่อก่อนมากมาย ใครกันที่คิดจะอยากกลับไปเป็นอย่างก่อน?

“อ่า…จริงด้วย มันยังมีเทพถ่องแท้สี่ดาวท่านนั้นอยู่ในเมืองอีกมิใช่หรือ?”

ตอนนี้กลับมีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกได้ถึงความหวังอีกครั้ง

แต่พวกเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าในเวลานี้ไป๋ตงนั้นกำลังเผชิญหน้าอยู่กับหลู่ซือยี

“จะให้ข้าเริ่มหรือเจ้าจะลงมือก่อน?” หลู่ซือยีถามขึ้นอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

ไป๋ตงตอบกลับมา “ข้าจะโจมตีด้วยหนึ่งกระบวนท่า หากเจ้ารับมันได้ข้าจะยอมเดินเข้าคุกด้วยตัวเอง”

ตอนนี้เขานั้นเป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้สี่ดาวขั้นต้น แต่หลู่ซือยีนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้สี่ดาวขั้นสุด

มันเป็นความแตกต่างที่แทบจะนับได้ว่าเป็นหนึ่งดาว

แม้ว่าตัวไป๋ตงนั้นจะเป็นถึงเทพสวรรค์แต่พลังฝีมือการต่อสู้ของเขาเองก็ไม่ได้นับว่ายิ่งใหญ่เหนือล้ำในหมู่เทพสวรรค์ด้วยกัน

เพราะตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นคือนักหลอมโอสถ

หลู่ซือยีพยักหน้ารับ “ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า ลงมือเถอะ!”

ไป๋ตงได้แต่ยิ้มออกมาก่อนจะสะบัดมือชี้นิ้วออกมาทำให้มิติต้องสั่นสะท้าน

หลู่ซือยีที่ได้เห็นเช่นนั้นรู้สึกตื่นตะลึงใจอย่างมากแต่ไม่นานสีหน้าของนางก็กลับมาเย็นเยือกลงอีกครั้ง

จากนั้นก็ตามด้วยเสียงร้องหนึ่ง นางนั้นได้ตบฝ่ามือออกมาอย่างไม่มีท่าจะปรานีผู้คน

ในเวลานั้นเองที่มันได้เกิดคลื่นพลังแนวคิดอันรุนแรงเข้าปะทะผ่านห้วงมิติ

ไป๋ตงที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้างรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลตรงหน้า

‘ปัง!’

สองพลังแห่งแนวคิดนี้เข้าปะทะกับอย่างแรงแต่เป็นฝ่ายไป๋ตงที่ถูกซัดจนปลิวไป

หลู่ซือยีมองดูไป๋ตงที่นอนกองอยู่บนพื้นพร้อมกล่าวขึ้น “ฝีมือไม่เลว เสียดายที่ยังไม่พอ”

พูดจบนางก็เดินหันหลังกลับไป

ไป๋ตงได้แต่หัวเราะแห้งๆ ออกมารู้สึกเหมือนเป็นเสือเจ็บที่ถูกสุนัขเล่นงานแต่สุดท้ายเขาก็ยังรักษาคำเดินเข้าไปในคุกด้วยตัวเอง

เมื่อเย่หยวนย่างเท้ากลับมาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติในทันที

คิ้วทั้งสองของเขาขมวดจนแทบชนกันพร้อมจ้องมองไปยังทิศที่จวนเจ้าเมืองตั้งอยู่

“ท่านเย่หยวน! ท่านเย่หยวนกลับมาแล้ว!” ไม่นานนักเสียงของเหล่านักยุทธที่จดจำใบหน้าของเย่หยวนได้ก็ร้องขึ้นมาด้วยสีหน้ากึ่งกลัวกึ่งหวัง

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ถึงสีหน้าแปลกๆ เหล่านั้นทันทีแต่ก็ไม่ได้สนใจและตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม

แต่จู่ๆ กลับมีเด็กหนุ่มราชันพระเจ้าผู้หนึ่งพุ่งตัวออกมาจับชายเสื้อเย่หยวนไว้ “ท่านเย่หยวน ท่านจะไปที่จวนเจ้าเมืองมิได้นะ! รีบๆ หนีไปเสียเถอะ!”

เย่หยวนที่ได้ยินจึงขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้ดูท่าความรู้สึกของเขาจะไม่ผิดแล้ว!

“เกิดอะไรขึ้นกัน?” เย่หยวนถามออกมา

เด็กหนุ่มราชันพระเจ้าผู้นั้นตอบกลับมา “นายท่านอย่าได้สนใจมันเลย! รีบไปเสีย! หากท่านยังอยู่ต่อไปมันจะไม่ทันการเสียแล้ว! ตอนนี้เทพถ่องแท้ขั้นกลางจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ได้มาล้อมรอบเมืองไว้สิ้นจนแม้แต่มดสักตัวก็ยังไม่อาจออกไปได้!”

“ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์?” เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านขึ้นในหัวใจไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วปัญหามันจะมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์

เขานั้นไม่ได้ขึ้นเป็นผู้ตรวจการสิบเมืองสันเขาใต้ด้วยความคิดที่จะปลดแอกประกาศเอกราชใดๆ เพียงแค่ว่าการที่จะให้เขาไปรายงานเรื่องราวแก่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้นมันย่อมจะไม่มีทางเป็นไปได้

ส่วนทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์มันยิ่งอยู่ห่างไกลอย่างไม่ต้องถามถึง

เว้นเสียแต่ว่าตัวเขาก็นึกไม่ถึงว่าทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์จะมาทวงถามเรื่องราวถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เช่นนี้

เด็กหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าตอบรับมา “ใช่แล้ว พวกเขานั้นได้ส่งยอดฝีมือเทพถ่องแท้ขั้นกลางมาทั้งคนทั้งหลายนั้นยังมีฝีมือเหนือล้ำ ตอนนี้แม้แต่ท่านเทพถ่องแท้สี่ดาวของเราผู้นั้นก็ยังพ่ายแพ้ ท่านรีบไปเสียเถอะ! หากยังชักช้ามันจะไม่ทันการแล้ว”

เย่หยวนที่ได้ยินต้องหรี่ตาลงทันที คนอื่นไม่รู้ว่าไป๋ตงคือใครแต่ตัวเย่หยวนนั้นย่อมจะรู้ดีว่าไป๋ตงนั้นคือเทพสวรรค์ตัวจริงเสียงจริง!

ต่อให้พบเจอกับเทพถ่องแท้ห้าดาวไป๋ตงก็ยังไม่น่าจะแพ้พ่ายลง

การที่จะสามารถเอาชนะไป๋ตงได้มันย่อมจะหมายความว่าคนที่มานั้นมีวิชาฝีมือที่เหนือล้ำจริง!

แต่สิ่งที่เย่หยวนกังวลกว่าก็คือความปลอดภัยของไป๋ตง

“เทพถ่องแท้สี่ดาวที่เจ้าพูดถึงนั้นเขายังปลอดภัยหรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

เด็กหนุ่มผู้นั้นย่อมส่ายหัวออกมา “ข้าน้อยจะทราบได้อย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรเสียตอนนี้คนจากจวนเจ้าเมืองและคนที่เกี่ยวข้องกับท่านนั้นก็ได้ตกอยู่ในมือของศัตรูจนสิ้นแล้ว ความเป็นความตายเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบได้!”

ความเป็นความตายไม่มีใครทราบ!

เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนเหวี่ยงลงตรงหน้า

ไป๋เฉิน อิ้งหมัวหู่ เล้งชิวหลิง เจียงยู่ถังพวกเขาทั้งหลายนั้นเป็นคนที่สนิทกับเย่หยวนอย่างมาก

หากพวกเขานี้ได้ตายลงแล้วเย่หยวนคงได้บ้าตายแน่

“ท่านเย่ เรื่องทั้งหลายทั้งสิ้นนี้มันเกิดขึ้นจริง! ตอนนี้ทหารของเมืองเราก็ได้เปลี่ยนไปสิ้นแล้ว เหล่าคนทั้งหลายนั้นมันคงได้ข่าวของท่านแล้วหากท่านยังไม่รีบไปมันจะสายเกินไปจริงๆ แล้ว!” ดูท่าแล้วเด็กหนุ่มราชันพระเจ้าผู้นี้จะเคารพเย่หยวนอย่างมาก คำพูดของเขานั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล

เย่หยวนนั้นสูดหายใจเข้าลึกเพื่อพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ลง

เขานั้นย่อมจะรู้ดีว่าคนระดับนี้มันไม่อาจรู้เรื่องราวภายในที่เกิดขึ้นได้

เรื่องราวนี้สุดท้ายแล้วเขาก็ยังต้องไปพบเจอกับอีกฝ่ายก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ

หาก… หากมีใครตายลงจริงแล้วเย่หยวนคงได้ทำลายยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ลงแน่!

เย่หยวนเงยหน้าขึ้นมาถาม “น้องชาย เจ้ามีนามว่า?”

เด็กหนุ่มคนนั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “ข้า… ข้าน้อยเจียงหมิง”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “เจียงหมิง ข้าจะจำเอาไว้”

พูดจบเย่หยวนก็พุ่งตัวไปยังทางจวนเจ้าเมืองทันที

แต่ในวินาทีนั้นมันกลับเกิดเรื่องราวไม่คาดฝัน

เพราะมันมีดาบแสงหนึ่งพุ่งผ่านมาจากระยะนับหมื่นเมตรแต่กลับพุ่งมาถึงในทันที

ปัญหาคือเป้าหมายของมันมิใช่เย่หยวน!

เย่หยวนนั้นย่อมสัมผัสได้ว่าดาบนี้เล็งไปที่ใดและคิดจะกลับตัวไปในทันที

แต่มันก็สายเกินไปแล้ว

‘ปัง!’

คลื่นพลังแนวคิดอันสั่นสะท้านนั้นปะทะเข้ากับตัวเจียงหมิงอย่างจัง!

มีหรือที่ราชันพระเจ้าผู้หนึ่งจะรอดพ้นจากดาบของเทพถ่องแท้ไปได้?

“เป็นประชาชนคนยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์แท้ๆ แต่กลับกล้าเข้าข้างผู้ทรยศ! ช่างสมควรตาย!”

เสียงอันนุ่มนวลหนึ่งดังลอยมาตามลม

เพียงแค่ว่าเสียงนั้นหวานไพเราะแต่การกระทำนั้นกลับโหดเหี้ยมดั่งสัตว์ร้าย

……………..