ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 111 พิฆาตดวงดาว

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

จากสนามรบสู่ศูนย์บัญชาการกองทัพซงซานสู่เทือกเขาหิมะ ไม่มีใครเห็นนักสร้างค่ายกลหนุ่มบนแคร่หามลืมตา

ในสายตาของทุกคน เขาเหลือแค่ลมหายใจสุดท้าย อาการบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจเยียวยา

ในตอนนี้ เขาได้ลืมตาขึ้น

บนชั้นที่ตื้นที่สุดบนดวงตามีความกระจ่างและสะอาดไร้เดียงสา แต่หากมองให้ลึกลงไป จะพบความโหดเหี้ยมที่เปี่ยมไปด้วยปราณอันรุนแรง

ไร้เดียงสากับโหดเหี้ยมเป็นสิ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง แต่ก็มักเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นด้วยกันเสมอ เมื่อรวมกัน พวกมันก็ก่อให้เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนและล้ำลึก

ในตอนนี้ หนานเค่อกับเฉินฉางเซิงอยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหนาวเหน็บ

เฉินฉางเซิงเตรียมที่จะใช้กระบวนท่าสุดท้ายเพื่อจบความหวังของราชามาร

ราชามารเตรียมที่จะใช้กระบวนท่าที่กดขี่ที่สุดเพื่อจบความหวังของเฉินฉางเซิง

ไม่มีใครสังเกตเห็นนักสร้างค่ายกลหนุ่มลืมตาขึ้น ไม่มีใครสังเกตเห็นมือที่วางอยู่บนอกของเขา

ไม่กี่วันก่อน เขาได้รับบาดเจ็บหนักในการต่อสู้ครั้งใหญ่บนทุ่งหิมะ และบาดแผลที่เขาได้รับอยู่ตรงนั้น

มือของนักสร้างค่ายกลหนุ่มเคลื่อนออกจากอก มือเขามีของเหลวติดอยู่ และยังถือบางอย่างเอาไว้อีกด้วย

เป็นเฉกเช่นสากที่ทำจากหิน พื้นผิวกระดำกระด่าง บางทีอาจเป็นเพราะมันเปื้อนเลือดหรืออาจเพราะสาเหตุอื่น

นักสร้างค่ายกลหนุ่มกำสากหินและแทงออกไปที่หน้าท้องของราชามาร

เขานอนอยู่บนแคร่หาม ดังนั้นเขาได้แต่โจมตีจากด้านล่าง ในแง่ของมุมมองและเจตนา เขาดูชั่วร้ายและโหดเหี้ยมผิดปกติ

แต่เขาทำเหมือนกับว่ากำลังทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์ ถึงกับดูใจบุญอยู่บ้าง

การกระทำของเขาไม่ได้เชื่องช้าและค่อนข้างไม่ใส่ใจ แต่ก็ดูเหมือนจะมีความระมัดระวังและมีสมาธิอย่างมาก

กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างเงียบงัน ไม่แม้แต่จะก่อให้เกิดลมที่แผ่วเบาที่สุด

แม้แต่ราชามารก็ไม่อาจสัมผัสได้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะถูกลอบสังหารได้ง่ายนัก

เขาไม่ได้สัมผัสถึงสากหินแต่ตราประทับหินในความมืดตอบสนอง

ตราประทับหินคือแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ที่เขานำมาจากสวนโจวและติดตามเขาเดินทางไปยังดินแดนมากมายในโลก เขาได้เข้าใจในความเป็นจริงของมันและเป็นหนึ่งเดียวกับมันมานานแล้ว

หากมีใครพยายามจะทำอันตรายต่อชีวิตของราชามาร ตราประทับหินย่อมทำการป้องกันและตอบโต้กลับด้วยตัวของมันเอง

ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนทั้งมนุษย์และสภาผู้อาวุโสในเมืองเสวี่ยเหล่าที่พยายามจะลอบสังหารราชามาร และทั้งหมดต่างก็ล้มเหลว ในหมู่พวกเขารวมถึงไห่ตี๋ที่พ่ายแพ้อย่างอนาถเมื่อครู่นี้ ความล้มเหลวของพวกเขาก็เพราะตราประทับหินนี้

ตราประทับหินไม่สนใจลูกปัดหินและหายไปในความมืด

ชั่วขณะต่อมา มันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าท้องของราชามารเพื่อรับสากหิน

ว่าตามเหตุผล ไม่ว่าสากหินสร้างขึ้นจากอะไร ก็ไม่อาจแข็งแกร่งไปกว่าแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ ดูเหมือนว่ามันจะถูกบดเป็นผุยผงในไม่ช้า

อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น

ตราประทับหินหยุดอยู่กลางสายลม ยกเลิกความพยายามที่จะทำลายสากหิน

เหมือนกับจดจำสากนี้จากเมื่อหลายพันปีก่อนได้และถึงกับเปิดทางให้

ไร้การต้านทานของตราประทับหิน แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ที่เหลือก็ส่งเสียงโหยหวนในยามที่พุ่งไปในความมืด แผนที่ดวงดาวสลายไปในทันที

ราชามารสัมผัสได้ถึงอันตรายได้ในที่สุด แต่ก็สายเกินไปแล้ว

เขาก้มศีรษะลงและเห็นว่าสากหินได้แทงเข้ามาในท้องของเขาลึกมาก

ปลายอีกด้านหนึ่งของสากอยู่ในมือของนักสร้างค่ายกลหนุ่ม

ราชามารสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเย็นเยียบของสากหิน

แน่นอนว่าที่ทำให้เขารู้สึกเย็นเยียบยิ่งกว่าก็คือใบหน้านักสร้างค่ายกลหนุ่มและคลื่นพลังปราณที่กระเพื่อมเบาๆ ออกมาจากสากหิน

คลื่นพลังปราณที่อ่อนแอแต่ไม่อาจดับสลายได้จำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราตรีราวกับต้องการจะบอกทั่วทั้งโลกถึงที่อยู่ของเขา

ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้หรือโลกไหน โลกทั้งมวลล้วนรับรู้

สากหินลึกลับนี้คืออะไรกันแน่

คัมภีร์เต๋าของเผ่ามนุษย์ไม่เคยมีบันทึกเกี่ยวกับมัน ไม่มีข้อมูลที่อาจหาพบได้ในเมืองไป๋ตี้ มีแต่เจ้าของวังมารในเมืองเสวี่ยเหล่าที่อาจรู้ที่มาของมัน

เพราะสากหินและเรื่องราวของมันเป็นความลับต้องห้ามของเผ่ามาร

ราชามารย่อมรู้จักมันเป็นธรรมดา

มันคือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนโลก

พิฆาตดวงดาว

……

……

เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้นกลางราตรี

ปีกสีเขียวพุ่งผ่านความมืด หนานเค่อเปลี่ยนไปเป็นลำแสงในยามที่พุ่งตัวไปยังพื้นดิน ทิ้งเฉินฉางเซิงไว้ด้านข้าง

ก่อนที่ปราณเกรี้ยวกราดของนางจะมาถึง นักสร้างค่ายกลหนุ่มก็ลอยขึ้นจากแคร่หามและลอยห่างไปหลายสิบจั้งอย่างเงียบเชียบ

เขาเหมือนกับฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งอยู่เหนือพื้น ลอยไปอย่างไร้จุดหมาย เคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาดที่สุด แน่นอนว่าเผยการบำเพ็ญตนที่ลึกล้ำที่สุดของเขาออกมา

ในเวลาปกติหนานเค่อย่อมยินดีจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่างเพื่อที่จะใช้โอกาสนี้สังหารเขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำเช่นนั้น

นางรีบพุ่งไปที่ราชามาร แต่ก่อนที่นางจะได้เข้าใกล้ นางก็ถูกผลักไกลออกไปด้วยการโบกแขนเสื้อของราชามาร

เฉินฉางเซิงก็ตกลงบนพื้นเช่นกัน ไม่ห่างจากราชามารนัก

แต่ยื่นมือออก ราชามารก็สามารถที่จะสังหารและคว้าเฉินฉางเซิงมา จากนั้นก็ดื่มเลือดกินเนื้อของเขา แบบนี้ก็จะได้เกิดใหม่และได้รับอิสรภาพกลับคืนมา

แต่ราชามารไม่ได้ทำเช่นนั้น หรือมองมาที่เฉินฉางเซิงด้วยซ้ำ

อาการบาดเจ็บนานนับพันปีของเขาและความปรารถนานานพันปีจะได้รับการเติมเต็มจากร่างกายของเฉินฉางเซิง แต่เขากลับดูเหมือนไม่สนใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน

ราชามารก้มศีรษะมองดูร่างกายตนเอง มองดูสากหินที่ปักอยู่ตรงหน้าท้อง เขาดึงมันออกมาและโยนมันลงพื้น

รอยกระดำกระด่างบนสากหินได้ถูกกัดกร่อนด้วยเลือดสีทอง เหลือไว้แต่พื้นผิวหยาบๆ

แต่ก็ยังมีวัตถุบางอย่างเหลืออยู่ในท้องของเขา ส่องแสงทีน้ำเงิน ดูประดุจดวงดาว

แสงสีน้ำเงินเข้มนี้ส่งคลื่นพลังปราณที่แผ่วเบาออกมาสู่ท้องฟ้าพร่างดาว

เข็มขัดของราชามารสร้างภาพติดตาภาพแล้วภาพเล่าในความมืดมิด ตราประทับหินลอยผ่านอากาศ ส่งเสียงโหยหวนเมื่อตกถึงพื้นแล้วก็แน่นิ่งไป

ไม่มีใครรู้ว่าในช่วงเวลาอันสั้นนี้เขาได้เดินไปพันลี้และกลับมา

ไม่ว่าเขาไปที่ใด เขาก็ไม่อาจหลบหนีแสงสีน้ำเงินเข้มได้

ปราณอ่อนแอไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ยังคงส่งตำแหน่งของเขาออกไปอย่างชัดเจนสู่ท้องฟ้าพร่างดาว

ดังที่คาดไว้ สิ่งที่ไม่อาจหลบหนีได้ก็คือชะตา

ราชามันหันไปมองท้องฟ้าพร่างดาวเบื้องบน เผยให้เห็นสีหน้าอันซับซ้อนอย่างมาก

มีทั้งดูถูก โมโห ไม่ยินยอม แต่ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นความโศกเศร้า ชะตาก็คือท้องฟ้าพร่างดาว

หาดท้องฟ้าพร่างดาวต้องการจะฆ่าใครสักคน คนผู้นั้นจะหนีพ้นได้อย่างไร

……

……

สายตาเฉินฉางเซิงก็มองไปที่ท้องฟ้าพร่างดาว

ดวงจิตของเขาลอยขึ้น ก้าวข้ามความคิดเรื่องเวลาและข้ามผ่านสายธารแห่งดวงดาวที่ไร้สิ้นสุด มาถึงดวงดาวสีแดงที่ห่างไกลอย่างยิ่ง

ดาวชะตาของเขามอบความอบอุ่นและความแข็งแกร่ง ความมั่นใจและความกล้าให้เขาอย่างต่อเนื่อง

ที่แห่งนี้ห่างไกลจากพื้นดินยิ่งนัก ดูเหมือนว่าอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำดวงดาว ที่แห่งนี้กว้างขวางมากมีดาวไม่กี่ดวงเท่านั้นที่อยู่แถวนี้

เขามองไกลออกไป ยังที่ซึ่งลึกกว่านี้ และทันใดนั้นก็รู้สึกกลัว

ตรงนั้นเป็นความมืดมิดไร้สิ้นสุด และดูเหมือนบรรจุไว้ด้วยดวงดาวพร่างพรายนับไม่ถ้วนเช่นกัน เป็นความลึกลับที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัว

ทันใดนั้นลำแสงเจิดจ้าก็แผ่ออกมาจากที่ห่างไกลดูเหมือนดวงดาวที่ไม่มีจริง พุ่งตรงไปยังดาวชะตาของเขา!

เหงื่อชุ่มโชกเสื้อผ้าของเฉินฉางเซิงในทันที แล้วก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นน้ำแข็งอย่างฉับพลันด้วยความกลัวของเขา

ลำแสงนั้นคือสิ่งใดกัน มันมาจากไหนและจะไปที่ไหน

โชคยังดี ลำแสงนั้นไม่ได้โจมตีใส่ดาวชะตาของเขา แค่เฉี่ยวผ่านไปเท่านั้น

หลังจากนั้น ลำแสงก็ข้ามผ่านแม่น้ำดวงดาวและพุ่งตรงมายังโลกนี้

ร่างของเฉินฉางเซิงกลายเป็นแข็งทื่อราวไม้กระดาน เขาไม่อาจเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหรือส่งเสียงได้

ราชามารเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร่างดาว สีหน้าเรียบเฉย คิดอะไรอยู่ไม่อาจบอกได้

เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของหนานเค่อดังมาจากระยะไกล

ลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าราตรีและตกลงท่ามกลางเทือกเขา

มันตกลงบนร่างของราชามาร