จากสนามรบสู่ศูนย์บัญชาการกองทัพซงซานสู่เทือกเขาหิมะ ไม่มีใครเห็นนักสร้างค่ายกลหนุ่มบนแคร่หามลืมตา
ในสายตาของทุกคน เขาเหลือแค่ลมหายใจสุดท้าย อาการบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจเยียวยา
ในตอนนี้ เขาได้ลืมตาขึ้น
บนชั้นที่ตื้นที่สุดบนดวงตามีความกระจ่างและสะอาดไร้เดียงสา แต่หากมองให้ลึกลงไป จะพบความโหดเหี้ยมที่เปี่ยมไปด้วยปราณอันรุนแรง
ไร้เดียงสากับโหดเหี้ยมเป็นสิ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง แต่ก็มักเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นด้วยกันเสมอ เมื่อรวมกัน พวกมันก็ก่อให้เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนและล้ำลึก
ในตอนนี้ หนานเค่อกับเฉินฉางเซิงอยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหนาวเหน็บ
เฉินฉางเซิงเตรียมที่จะใช้กระบวนท่าสุดท้ายเพื่อจบความหวังของราชามาร
ราชามารเตรียมที่จะใช้กระบวนท่าที่กดขี่ที่สุดเพื่อจบความหวังของเฉินฉางเซิง
ไม่มีใครสังเกตเห็นนักสร้างค่ายกลหนุ่มลืมตาขึ้น ไม่มีใครสังเกตเห็นมือที่วางอยู่บนอกของเขา
ไม่กี่วันก่อน เขาได้รับบาดเจ็บหนักในการต่อสู้ครั้งใหญ่บนทุ่งหิมะ และบาดแผลที่เขาได้รับอยู่ตรงนั้น
มือของนักสร้างค่ายกลหนุ่มเคลื่อนออกจากอก มือเขามีของเหลวติดอยู่ และยังถือบางอย่างเอาไว้อีกด้วย
เป็นเฉกเช่นสากที่ทำจากหิน พื้นผิวกระดำกระด่าง บางทีอาจเป็นเพราะมันเปื้อนเลือดหรืออาจเพราะสาเหตุอื่น
นักสร้างค่ายกลหนุ่มกำสากหินและแทงออกไปที่หน้าท้องของราชามาร
เขานอนอยู่บนแคร่หาม ดังนั้นเขาได้แต่โจมตีจากด้านล่าง ในแง่ของมุมมองและเจตนา เขาดูชั่วร้ายและโหดเหี้ยมผิดปกติ
แต่เขาทำเหมือนกับว่ากำลังทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์ ถึงกับดูใจบุญอยู่บ้าง
การกระทำของเขาไม่ได้เชื่องช้าและค่อนข้างไม่ใส่ใจ แต่ก็ดูเหมือนจะมีความระมัดระวังและมีสมาธิอย่างมาก
กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างเงียบงัน ไม่แม้แต่จะก่อให้เกิดลมที่แผ่วเบาที่สุด
แม้แต่ราชามารก็ไม่อาจสัมผัสได้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะถูกลอบสังหารได้ง่ายนัก
เขาไม่ได้สัมผัสถึงสากหินแต่ตราประทับหินในความมืดตอบสนอง
ตราประทับหินคือแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ที่เขานำมาจากสวนโจวและติดตามเขาเดินทางไปยังดินแดนมากมายในโลก เขาได้เข้าใจในความเป็นจริงของมันและเป็นหนึ่งเดียวกับมันมานานแล้ว
หากมีใครพยายามจะทำอันตรายต่อชีวิตของราชามาร ตราประทับหินย่อมทำการป้องกันและตอบโต้กลับด้วยตัวของมันเอง
ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนทั้งมนุษย์และสภาผู้อาวุโสในเมืองเสวี่ยเหล่าที่พยายามจะลอบสังหารราชามาร และทั้งหมดต่างก็ล้มเหลว ในหมู่พวกเขารวมถึงไห่ตี๋ที่พ่ายแพ้อย่างอนาถเมื่อครู่นี้ ความล้มเหลวของพวกเขาก็เพราะตราประทับหินนี้
ตราประทับหินไม่สนใจลูกปัดหินและหายไปในความมืด
ชั่วขณะต่อมา มันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าท้องของราชามารเพื่อรับสากหิน
ว่าตามเหตุผล ไม่ว่าสากหินสร้างขึ้นจากอะไร ก็ไม่อาจแข็งแกร่งไปกว่าแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ ดูเหมือนว่ามันจะถูกบดเป็นผุยผงในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น
ตราประทับหินหยุดอยู่กลางสายลม ยกเลิกความพยายามที่จะทำลายสากหิน
เหมือนกับจดจำสากนี้จากเมื่อหลายพันปีก่อนได้และถึงกับเปิดทางให้
ไร้การต้านทานของตราประทับหิน แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ที่เหลือก็ส่งเสียงโหยหวนในยามที่พุ่งไปในความมืด แผนที่ดวงดาวสลายไปในทันที
ราชามารสัมผัสได้ถึงอันตรายได้ในที่สุด แต่ก็สายเกินไปแล้ว
เขาก้มศีรษะลงและเห็นว่าสากหินได้แทงเข้ามาในท้องของเขาลึกมาก
ปลายอีกด้านหนึ่งของสากอยู่ในมือของนักสร้างค่ายกลหนุ่ม
ราชามารสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเย็นเยียบของสากหิน
แน่นอนว่าที่ทำให้เขารู้สึกเย็นเยียบยิ่งกว่าก็คือใบหน้านักสร้างค่ายกลหนุ่มและคลื่นพลังปราณที่กระเพื่อมเบาๆ ออกมาจากสากหิน
คลื่นพลังปราณที่อ่อนแอแต่ไม่อาจดับสลายได้จำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราตรีราวกับต้องการจะบอกทั่วทั้งโลกถึงที่อยู่ของเขา
ไม่ว่าจะเป็นโลกนี้หรือโลกไหน โลกทั้งมวลล้วนรับรู้
สากหินลึกลับนี้คืออะไรกันแน่
คัมภีร์เต๋าของเผ่ามนุษย์ไม่เคยมีบันทึกเกี่ยวกับมัน ไม่มีข้อมูลที่อาจหาพบได้ในเมืองไป๋ตี้ มีแต่เจ้าของวังมารในเมืองเสวี่ยเหล่าที่อาจรู้ที่มาของมัน
เพราะสากหินและเรื่องราวของมันเป็นความลับต้องห้ามของเผ่ามาร
ราชามารย่อมรู้จักมันเป็นธรรมดา
มันคือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนโลก
พิฆาตดวงดาว
……
……
เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้นกลางราตรี
ปีกสีเขียวพุ่งผ่านความมืด หนานเค่อเปลี่ยนไปเป็นลำแสงในยามที่พุ่งตัวไปยังพื้นดิน ทิ้งเฉินฉางเซิงไว้ด้านข้าง
ก่อนที่ปราณเกรี้ยวกราดของนางจะมาถึง นักสร้างค่ายกลหนุ่มก็ลอยขึ้นจากแคร่หามและลอยห่างไปหลายสิบจั้งอย่างเงียบเชียบ
เขาเหมือนกับฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งอยู่เหนือพื้น ลอยไปอย่างไร้จุดหมาย เคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาดที่สุด แน่นอนว่าเผยการบำเพ็ญตนที่ลึกล้ำที่สุดของเขาออกมา
ในเวลาปกติหนานเค่อย่อมยินดีจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่างเพื่อที่จะใช้โอกาสนี้สังหารเขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำเช่นนั้น
นางรีบพุ่งไปที่ราชามาร แต่ก่อนที่นางจะได้เข้าใกล้ นางก็ถูกผลักไกลออกไปด้วยการโบกแขนเสื้อของราชามาร
เฉินฉางเซิงก็ตกลงบนพื้นเช่นกัน ไม่ห่างจากราชามารนัก
แต่ยื่นมือออก ราชามารก็สามารถที่จะสังหารและคว้าเฉินฉางเซิงมา จากนั้นก็ดื่มเลือดกินเนื้อของเขา แบบนี้ก็จะได้เกิดใหม่และได้รับอิสรภาพกลับคืนมา
แต่ราชามารไม่ได้ทำเช่นนั้น หรือมองมาที่เฉินฉางเซิงด้วยซ้ำ
อาการบาดเจ็บนานนับพันปีของเขาและความปรารถนานานพันปีจะได้รับการเติมเต็มจากร่างกายของเฉินฉางเซิง แต่เขากลับดูเหมือนไม่สนใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ราชามารก้มศีรษะมองดูร่างกายตนเอง มองดูสากหินที่ปักอยู่ตรงหน้าท้อง เขาดึงมันออกมาและโยนมันลงพื้น
รอยกระดำกระด่างบนสากหินได้ถูกกัดกร่อนด้วยเลือดสีทอง เหลือไว้แต่พื้นผิวหยาบๆ
แต่ก็ยังมีวัตถุบางอย่างเหลืออยู่ในท้องของเขา ส่องแสงทีน้ำเงิน ดูประดุจดวงดาว
แสงสีน้ำเงินเข้มนี้ส่งคลื่นพลังปราณที่แผ่วเบาออกมาสู่ท้องฟ้าพร่างดาว
เข็มขัดของราชามารสร้างภาพติดตาภาพแล้วภาพเล่าในความมืดมิด ตราประทับหินลอยผ่านอากาศ ส่งเสียงโหยหวนเมื่อตกถึงพื้นแล้วก็แน่นิ่งไป
ไม่มีใครรู้ว่าในช่วงเวลาอันสั้นนี้เขาได้เดินไปพันลี้และกลับมา
ไม่ว่าเขาไปที่ใด เขาก็ไม่อาจหลบหนีแสงสีน้ำเงินเข้มได้
ปราณอ่อนแอไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ยังคงส่งตำแหน่งของเขาออกไปอย่างชัดเจนสู่ท้องฟ้าพร่างดาว
ดังที่คาดไว้ สิ่งที่ไม่อาจหลบหนีได้ก็คือชะตา
ราชามันหันไปมองท้องฟ้าพร่างดาวเบื้องบน เผยให้เห็นสีหน้าอันซับซ้อนอย่างมาก
มีทั้งดูถูก โมโห ไม่ยินยอม แต่ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นความโศกเศร้า ชะตาก็คือท้องฟ้าพร่างดาว
หาดท้องฟ้าพร่างดาวต้องการจะฆ่าใครสักคน คนผู้นั้นจะหนีพ้นได้อย่างไร
……
……
สายตาเฉินฉางเซิงก็มองไปที่ท้องฟ้าพร่างดาว
ดวงจิตของเขาลอยขึ้น ก้าวข้ามความคิดเรื่องเวลาและข้ามผ่านสายธารแห่งดวงดาวที่ไร้สิ้นสุด มาถึงดวงดาวสีแดงที่ห่างไกลอย่างยิ่ง
ดาวชะตาของเขามอบความอบอุ่นและความแข็งแกร่ง ความมั่นใจและความกล้าให้เขาอย่างต่อเนื่อง
ที่แห่งนี้ห่างไกลจากพื้นดินยิ่งนัก ดูเหมือนว่าอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำดวงดาว ที่แห่งนี้กว้างขวางมากมีดาวไม่กี่ดวงเท่านั้นที่อยู่แถวนี้
เขามองไกลออกไป ยังที่ซึ่งลึกกว่านี้ และทันใดนั้นก็รู้สึกกลัว
ตรงนั้นเป็นความมืดมิดไร้สิ้นสุด และดูเหมือนบรรจุไว้ด้วยดวงดาวพร่างพรายนับไม่ถ้วนเช่นกัน เป็นความลึกลับที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัว
ทันใดนั้นลำแสงเจิดจ้าก็แผ่ออกมาจากที่ห่างไกลดูเหมือนดวงดาวที่ไม่มีจริง พุ่งตรงไปยังดาวชะตาของเขา!
เหงื่อชุ่มโชกเสื้อผ้าของเฉินฉางเซิงในทันที แล้วก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นน้ำแข็งอย่างฉับพลันด้วยความกลัวของเขา
ลำแสงนั้นคือสิ่งใดกัน มันมาจากไหนและจะไปที่ไหน
โชคยังดี ลำแสงนั้นไม่ได้โจมตีใส่ดาวชะตาของเขา แค่เฉี่ยวผ่านไปเท่านั้น
หลังจากนั้น ลำแสงก็ข้ามผ่านแม่น้ำดวงดาวและพุ่งตรงมายังโลกนี้
ร่างของเฉินฉางเซิงกลายเป็นแข็งทื่อราวไม้กระดาน เขาไม่อาจเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหรือส่งเสียงได้
ราชามารเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร่างดาว สีหน้าเรียบเฉย คิดอะไรอยู่ไม่อาจบอกได้
เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของหนานเค่อดังมาจากระยะไกล
ลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าราตรีและตกลงท่ามกลางเทือกเขา
มันตกลงบนร่างของราชามาร