เหล่าบริวารที่ติดตามอยู่ด้านหลังสิงอี่เทียนพวกนั้นตัวสั่นงันงกตั้งนานแล้ว เห็นสถานการณ์ไม่เข้าทีต่างพากันหนีอุตลุดไม่คิดชีวิต

หลินสวินไม่เกรงใจ สำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งไล่ล่า เสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สักพักให้หลังบริวารเหล่านี้ก็ถูกสังหารจนหมด

แต่หลินสวินยังคงรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง สิงอี่เทียนยังไม่ตาย การฆ่าบริวารเหล่านี้ไม่ใช่ความรู้สึกสำเร็จอะไร

แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนที่อยู่ห่างออกไปก็ยังคงตกตะลึง สิงอี่เทียนเป็นถึงพวกร้ายกาจในหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งแดนชัยบูรพา ชื่อเสียงเลื่องลือ แต่เขาถูกเด็กหนุ่มคนนี้สยบอย่างสิ้นท่า!

“ทำไม พวกเจ้ายังรอชิงสมบัติกันอยู่หรือ”

ดวงตาสีดำของหลินสวินเย็นชา กวาดมองไปยังทุกคนที่อยู่ห่างไปโดยไม่ปิดบังไอสังหาร

ก่อนหน้านี้เขาขุดโอสถราชันที่ก้นทะเลสาบอย่างสุขใจ แต่ขณะที่กำลังดีอกดีใจกลับถูกสิงอี่เทียนและคนเหล่านี้ทำลายบรรยากาศ สิ่งนี้ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่ง

ฟึ่บๆ!

ผู้ฝึกปราณทุกคนหน้าเปลี่ยนสี ส่วนใหญ่ล้วนหนีไปกันหมด

หลังจากเห็นการโรมรันอันดุเดือด ในตอนนี้พวกเขาต่างตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวิน ใครจะกล้าลุกขึ้นมาปลุกปั่นในเวลานี้อีก

แม้แต่ราชันกึ่งระดับบางคนก็แสดงท่าทีกริ่งเกรง แม้พวกเขาจะรู้สึกว่าการถูกผู้ด้อยอาวุโสคุกคามเช่นนี้ออกจะขายหน้าอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังอดกลั้นเอาไว้อยู่ดี

ช่วยไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มเช่นนี้ได้เหยียบย่างบนมกุฎมรรคาแล้ว มีความสามารถในการต่อสู้ข้ามระดับกับพวกเขา!

ในเวลานี้ทะเลสาบสีเงินทั้งหมดถูกระเบิดออก ก้นทะเลสาบแตกแห้ง ศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่ก้อนนั้นก็ถูกทำลายในการต่อสู้ด้วย

หลินสวินได้แต่นึกเสียดายกับเรื่องนี้ แต่ยังโชคดีที่เขาขุดโอสถราชันอัศจรรย์สามต้นอย่าง ‘ต้นหยินหยาง’ ‘หญ้าเปลวเพลิง’ และ ‘โป่งรากสนทองคำ’ ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว

นอกจากนี้เสี่ยวอิ๋นยังได้รับแกนดาราที่สามารถช่วยให้มันพัฒนาได้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ถือว่าได้รับผลตอบแทนมหาศาล

เพียงแต่ตอนที่หลินสวินกำลังจะออกจากสถานที่แห่งนี้ กลิ่นอายน่ากลัวสายหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากไกลๆ และพุ่งเข้ามาทางด้านนี้

“เจ้าหนุ่ม วาสนาที่ก้นทะเลสาบถูกเจ้าชิงไปแล้วหรือ” นี่คือชายชราที่มีเคราสีเขียวเข้ม ใบหน้าเหี่ยวแห้ง แม้ว่าเขาจะมีลักษณะเป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่เผ่ามนุษย์

บนหน้าผากของเขามีเขาเดี่ยวสีขาวกระจ่างยาวครึ่งฉื่องอกออกมา อีกทั้งม่านตาของเขาเป็นสีเหลืองอำพัน เปล่งประกายแวววาวราวกับปีศาจ

“อสูรเฒ่าแรดดำ!” ผู้แข็งแกร่งบางคนที่ยังไม่ได้จากไปเห็นเช่นนี้ก็ร้องเสียงหลงออกมา จำตัวตนของชายชราที่เหี่ยวแห้งได้ในทันใด

อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำพรมแดนคือ ‘แคว้นกู่ชาง’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแดนชัยบูรพา มีพื้นที่กว้างใหญ่และขุมอำนาจบำเพ็ญเพียรมากมาย

สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในนั้นก็คือสำนักโบราณแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์

และอสูรเฒ่าแรดดำผู้นี้ก็มาจากแคว้นกู่ชางเช่นเดียวกัน ฝึกปราณทะลวงระดับราชันได้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน เรียกได้ว่าเป็น ‘ราชันคนใหม่’

สัตว์ประหลาดเฒ่าตนนี้ไม่ธรรมดา นิสัยใจคอเหี้ยมโหดและดุร้าย สังหารผู้ฝึกปราณไม่น้อยในอดีตและผูกแค้นศัตรูมากมาย

หลังจากบรรลุถึงระดับราชันเขาก็เก็บงำความหลงระเริงไม่น้อย และเป็นฝ่ายเข้าหาแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ หมายจะเข้าสู่สำนักโบราณนี้ เลือกสถานที่ปักหลักให้กับตัวเอง

ระดับราชันคนหนึ่งเป็นฝ่ายยอมจำนนก่อน นี่ย่อมเป็นเรื่องใหญ่ฮือฮาอย่างยิ่งเป็นธรรมดา ก่อให้เกิดคลื่นลมในแคว้นกู่ชาง ว่ากันว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ได้แสดงเจตจำนง คิดจะรับอสูรเฒ่าแรดดำเข้าสำนักในไม่ช้า

ดังนั้นเมื่อเห็นอสูรเฒ่าแรดดำปรากฏตัวที่นี่ ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นต่างก็ตกตะลึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เผยความกลัวหาใดเปรียบ

นี่คือระดับราชันที่แท้จริง!

ฟ้าดินแปรเปลี่ยน บรรยากาศกดดัน ถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันจากราชันที่น่ากลัว

ทันทีที่อสูรเฒ่าแรดดำปรากฏตัว ดวงตาประหลาดคู่นั้นก็จับจ้องไปที่ร่างหลินสวินอย่างไม่อาจคาดเดาได้ พาให้ผู้คนหายใจลำบาก

เจ้าหนูนี่ใกล้ซวยแล้ว!

ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นบ่นพึมพำกับตัวเอง รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอยู่บ้าง เมื่อระดับราชันปรากฏตัว ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว!

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…” พวกโค่วซิงต่างพากันสะท้านทั่วร่าง ไหนเลยจะคิดว่าในช่วงสุดท้ายจะมีราชันที่แท้จริงโผล่มาอีกคน!

ระดับราชันอยู่นอกเหนือจากขอบเขตทั้งห้า นั่นคือสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งหยัดยืนอยู่จุดสูงสุดของโลก!

แม้อสูรเฒ่าแรดดำตนนี้จะเป็น ‘ราชันองค์ใหม่’ รากฐานในระดับราชันก็ยังคงตื้นเขินอยู่มาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นราชันที่แท้จริงซึ่งกึ่งราชันไม่อาจเทียบเทียมได้อักโข

“มอบสมบัติมา จะให้เจ้าจากไป หาไม่ก็ต้องตาย!” น้ำเสียงอสูรเฒ่าแรดดำราบเรียบ มองหลินสวินเหมือนมดตัวหนึ่ง

ในระดับของเขา แน่นอนว่าย่อมไร้ซึ่งความกลัวเกรงเด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง

“หึ คุยโวนัก เจ้าแน่ใจนะว่าอยากเป็นศัตรูกับข้า”

เหนือความคาดหมายของทุกคน ในตอนนี้หลินสวินกลับไม่กลัว อีกทั้งสีหน้าเขายังสงบนิ่งแตกต่างจากคนทั่วไป

สิ่งนี้พาให้ผู้คนไม่อาจไม่ทอดถอนใจ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถเหยียบย่างบนมกุฎมรรคา ไม่ใช่คนที่จะถูกสั่นคลอนได้ง่ายๆ ดังคาด ลำพังแค่ความเด็ดเดี่ยวนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็มีได้

“โอ้!” อสูรเฒ่าแรดดำประหลาดใจ ยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ไอ้หนุ่ม เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าระดับราชัน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ไม่ว่าเจ้าจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่แค่ไหน หากคิดฝ่าฝืนข้าก็ต้องตายสถานเดียว!”

ตูม!

ขณะพูดกลิ่นอายทั่วร่างของเขาก็ทะยานขึ้นฟ้า ซัดพยับเมฆให้แตกซ่าน ห้วงอากาศละแวกนั้นต่างโหยหวน ยุบตัวลงระเบิดแตกทีละส่วน อานุภาพของระดับราชันนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ไม่อาจจินตนาการได้เช่นกัน บีบให้เขาไม่อาจไม่โคจรปราณทั้งหมดไปต้านทาน

“หืม? ถึงกับต้านอยู่เชียว” อสูรเฒ่าแรดดำอึ้งไปอีกครั้ง ที่ผ่านมาเขาเพียงแค่ปลดปล่อยแรงกดดันบางส่วนก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับราชันคุกเข่าลงได้แล้ว

แต่ยามนี้ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติ กลับไม่ถูกสั่นคลอน นี่เป็นเรื่องผิดปกติยิ่ง

“เฮอะ มิน่าถึงบ้าดีเดือดเพียงนี้ ที่แท้ก็เป็นเด็กหนุ่มผู้กล้าคนหนึ่งนี่เอง แต่ในความคิดข้า ผู้กล้าอะไรก็ได้แต่วางอำนาจอวดศักดาอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น สุดท้ายก็ไม่ได้ผงาดง้ำอย่างแท้จริง ก็เหมือนเศษเนื้อบนเขียง ข้าล้วนชี้ต้นตายชี้ปลายเป็นได้!”

อสูรเฒ่าแรดดำแค่นเสียงเย็น สะท้อนก้องเก้าสวรรค์สิบแผ่นดินราวกับฟ้าคำราม สั่นสะเทือนจนผู้ฝึกปราณที่อยู่ห่างออกกไปเหล่านั้นสองหูอื้ออึง เลือดลมพลิกตลบ เกือบเซฟุบลงกับพื้น

กลิ่นอายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับราชันที่เหยียดหยันโลก บีบคั้นขุนเขาธารา!

แรงกดดันที่มีต่อหลินสวินก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ในใจเขากลับไม่หวาดกลัว หากแต่กำลังสัมผัสอย่างรอบคอบ

ในอดีตเขาเคยถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชันหมายหัว ถึงขั้นที่เคยถูกบุคคลระดับราชันสองคนของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไล่ล่าสังหารตลอดทาง

ในเวลานั้นเขาไม่มีพลังที่จะปัดป้องเลยสักนิด แม้แต่ความสามารถในการต้านทานก็ยังไม่มี ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่บังคับยานขนส่งอวกาศหนีไปอย่างทุลักทุเล

แต่ยามนี้ต่างออกไปแล้ว อย่างน้อยเขาก็มีรากฐานพลังที่ทำให้ไม่ถูกสยบต่อหน้าระดับราชัน!

พลังขับเคลื่อนทั่วร่างเขาไม่เคยถูกรัดรึง จิตวิญญาณและร่างกายยังคงมีความสามารถในการต่อต้าน และไม่เคยสูญเสียพลังในการเคลื่อนไหว!

นี่เป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง แถมยังยิ่งใหญ่มากเสียด้วย!

“ระดับราชันอย่างเจ้าก็ไม่พ้นทำได้แค่นี้!” ยามนี้หลินสวินยิ้มด้วยท่าทางมั่นใจ

เขารู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายเพิ่งกลายเป็นราชันมาแค่สิบกว่าปี รากฐานพลังและความเชี่ยวชาญในระดับราชันของเขายังห่างชั้นจากราชันรุ่นเก่ามากโข

แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็คือราชันคนหนึ่ง!

ตอนนี้ตนสามารถจัดการและเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่บีบคั้นได้ จุดนี้ทำให้หลินสวินตื่นเต้นและพอใจมาก

เฮือก!

มีเสียงสูดหายใจหนาวเยือกดังขึ้นในที่นั้น ใครๆ ต่างคาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะแข็งกร้าวเช่นนี้ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายในตอนนี้

แต่สีหน้าอสูรเฒ่าแรดดำนั้นเย็นชามาก หว่างคิ้วเต็มไปด้วยไอสังหาร

“ในโลกนี้มีข่าวลืออยู่เสมอว่ามหายุคกำลังจะมาถึง เงาร่างของผู้กล้ารุ่นเยาว์จะผงาดขึ้นมา นำพากระแสแห่งมหายุคซึ่งเป็นอนาคตของดินแดนรกร้างโบราณ แต่ในความคิดของข้ามันดูเหลวไหลยิ่ง หากเป็นเช่นนั้นราชันอย่างพวกเรานับเป็นอะไรเล่า”

ขณะอสูรเฒ่าแรดดำพูดก็ก้าวไปข้างหน้า ก้าวเดียวทะยานฟ้า ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น ผู้แข็งแกร่งบางคนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาประหนึ่งถูกฟ้าผ่า แทบจะกระอักเลือด

“บอกเจ้าอย่างไม่กลัวเลยว่า ต่อให้มหายุคใกล้มาเยือน แต่หากอริยะไม่ออกมา ผู้ที่สามารถเป็นนายเหนือหัวแห่งใต้หล้านี้ได้ก็มีเพียงพวกข้าระดับราชันเท่านั้น!”

“ตอนนี้ข้าจะใช้ข้อเท็จจริงพิสูจน์ว่า ต่อหน้าข้า เจ้าก็เป็นแค่มดที่แข็งแกร่งขึ้นมาหน่อยก็เท่านั้น สามารถบี้ให้ตายได้ตามใจ!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้อสูรเฒ่าแรดดำก็ยื่นมือออกไป ประทับฝ่ามือใหญ่ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ซัดกวาดไปทางหลินสวินอย่างหนักหน่วง

พลังประทับฝ่ามือนั่นน่ากลัวเกินไป เสียงธรรมกู่ก้อง แสงธรรมระเบิดออก บนข้อนิ้วแต่ละข้ออบอวลลายมหามรรค มีกลิ่นอายแห่งกฎเกณฑ์ว่ายวนอยู่ในนั้น!

มองจากระยะไกลก็พาให้ผู้แข็งแกร่งพวกนั้นรู้สึกสิ้นหวังเหมือนจุดจบกำลังจะมาถึง!

นี่ก็คือระดับราชัน!

ไม่ว่าในสายตาใคร หลินสวินไม่มีความหวังที่จะหลบหนี และถูกกำหนดให้ถูกบี้ตายเหมือนแมลงตัวหนึ่ง

แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นกลับทำให้ทุกคนตกตะลึงกรามค้าง

ตูม!

ก็เห็นกลางฝ่ามือหลินสวินมีขวดมันแพะสูงไม่กี่ชุ่นขวดหนึ่งโฉบออกไป พ่นเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เต็มฟ้าออกมา

เพลิงเขียวไม้อิก เพลิงขาวทองหลอม เพลิงดำวารีพิสุทธ์ เพลิงเหลืองแดนพิภพ เพลิงแดงสมบัติสุริยัน… เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าชนิดหลากสีสันและแวววาว ม้วนตัวออกมาเหมือนกระแสน้ำไหลร่วงจากเก้าสวรรค์

อสูรเฒ่าแรดดำจมอยู่ภายในนั้นอย่างสมบูรณ์โดยไม่ได้ตั้งตัว คิ้วเคราและเสื้อผ้าของเขาถูกไหม้จนหมด ส่งเสียงร้องโหยหวน

ก่อนหน้านี้เขาประหนึ่งราชันผู้สูงส่ง มองว่าหลินสวินเป็นมดปลวก บีบง่ายๆ คราหนึ่งก็ตายแล้ว นี่เป็นการดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง

ใครเลยจะคิดว่าชั่วพริบตากลับเกิดการพลิกผัน!

หลินสวินไม่ได้ถูกบีบจนตาย แต่อสูรเฒ่าแรดดำกลับถูกเพลิงผลาญและแหกปากร้องดิ้นพล่าน ความสง่าแห่งราชันสลายหายไป ดูน่าขันและเป็นตัวตลกยิ่ง

ถึงขั้นมีกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ลอยออกมา…

เมื่อมองไปที่อสูรเฒ่าแรดดำอีกครั้ง ผิวหนังของเขาถูกเผาจนเป็นสีดำน่าตกใจ พลังของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้านั้นเผด็จการและน่ากลัวอย่างแท้จริง!

“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ามันรนหาที่ตาย!” อสูรเฒ่าแรดดำส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยว สะเทือนไปทั่วทิศ

ก็เห็นทะเลเพลิงนั้นพลันแตกระเบิด ส่วนเงาร่างของเขาก็รีบพุ่งออกไป แม้ว่าผมเผ้าเคราหนวดจะถูกเผาจนหมด พาให้เขาดูหมดสภาพหาใดเปรียบ แต่การบาดเจ็บเล็กน้อยนี้ไม่สามารถสร้างบาดแผลแท้จริงต่อเขาได้

เพียงแต่…

น่าอับอายเกินไปแล้ว!

ราชันผู้หนึ่งกลับถูกเผาจนไม่เหลือสภาพ เหมือนก้อนถ่านที่ไหม้เกรียม หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปก็น่าขายหน้าเกินไปแล้ว

“ตาย!” หลังจากที่เขาโถมออกไป ก็พุ่งเข้าสังหารหลินสวินในทันที

แต่ตอนที่หลินสวินเรียกขวดมหามรรคไร้ขอบเขตออกมา ก็ได้โคจรก้าวย่างชือน้ำแข็งแล้ว โฉบเข้าไปในกระบวนผนึกราชันที่อยู่นอกทะเลสาบ

เมื่ออสูรเฒ่าแรดดำไล่ตามมาก็ไม่พบร่องรอยของหลินสวินแล้ว

“ค่ายกลหรือ”

ยามนี้กระบวนผนึกจตุลักษณ์ราชันยังไม่ได้เปิดใช้งาน กลิ่นอายจวนจะไม่เหลือหลอ เพียงมีหน้าที่ในการปิดคลุมฟ้าดินเท่านั้น

สิ่งนี้ทำให้อสูรเฒ่าแรดดำลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าไป

——