ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 738 อุดทางของท่าน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบตกลงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มเล็กน้อยอยู่ในใจ

จะมากจะน้อยเยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบถึงสถานการณ์ของโลกยมทะยานก่อนหน้านี้จากไป๋จื่อหมิงอยู่บ้าง

สำนักตะวันซ้อนมีสภาวะยิ่งใหญ่ จะต้องกินดินแดนของสำนักอื่นๆ รวมถึงภูเขาหิมะไพศาลไปด้วยแน่

หากมีโอกาสคว่ำสำนักตะวันซ้อน สำนักอื่นย่อมอยากจะเห็น โดยเฉพาะภูเขาหิมะไพศาลที่เป็นรองเพียงสำนักตะวันซ้อนเท่านั้น

พลังของหยวนเจิ้งเฟิงเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนในโลกยมทะยาน ถึงขั้นที่แม้แต่หอพัดคลื่น ซึ่งเป็นสำนักที่หยวนเจิ้งเฟิงอยู่ก็ใช่ว่าจะทราบเบื้องหลังทั้งหมด

สุดท้ายในการทำลายหอพัดคลื่นของสำนักตะวันซ้อน พวกเขาเกือบจะเตะใส่แผ่นเหล็ก ดีที่หยวนเจิ้งเฟิงไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม จึงถูกสำนักตะวันซ้อนใช้ชัยภูมิพิเศษของตาน้ำทะเลที่ทะเลตะวันตกขังเอาไว้

แต่แม้ว่าจะขังหยวนเจิ้งเฟิงเอาไว้ สำหรับสำนักตะวันซ้อนแล้ว นี่ยังคงเป็นกระดูกที่ยากจะเขี้ยว ขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก

นี่ทำให้สำนักอื่นๆ เช่นภูเขาหิมะไพศาลเกิดความคิดขึ้นในใจ

แต่กระนั้น สำนักตะวันซ้อนถึงอย่างไรก็มีพลังกล้าแข็ง ทั้งยังมียอดฝีมืออยู่บนโลกซ้อนโลกมากมาย มีเบื้องหลังล้ำลึก หยั่งรากมั่นคง ภูเขาหิมะไพศาลจึงกริ่งเกรง ไม่กล้าทำอะไรวู่วาม

ทว่าในตอนนี้ หลังจากได้ทราบจากเยี่ยนจ้าวเกอว่า ไป๋จื่อหมิงเองก็มีต้นไหม้ใหญ่ให้พึ่งพิงอยู่บนโลกซ้อนโลกเช่นกัน ไม่ต้องเกรงกลัวสำนักตะวันซ้อนอีก ความลังเลในใจของทั่วทั้งภูเขาหิมะไพศาลก็หายไป

การคว่ำสำนักตะวันซ้อน เป็นความปรารถนาของพวกเขาอยู่แล้ว

หากโอกาสสุกงอม ไม่ต้องให้คนอื่นบอก ภูเขาหิมะไพศาลก็จะเคลื่อนไหวเอง

ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่กลัวว่าพวกเขาจะปฏิเสธ หากพูดในอีกมุมหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน

ถึงขั้นที่เป็นตนกับอาจารย์ปู่ช่วยเหลือภูเขาหิมะไพศาลของพวกเขาด้วยซ้ำ

ไม่อย่างนั้น หากพึ่งพาภูเขาหิมะไพศาลในโลกยมทะยาน คงคว่ำสำนักตะวันซ้อนไม่ได้

ไป๋จื่อหมิงเข้าถึงประมุขอาคเนย์ในโลกซ้อนโลกได้ ย่อมมีคนปกป้องเขา แต่เขาจะไปตอแยผู้อื่นไม่ได้

สำนักตะวันซ้อนกริ่งเกรงประมุขอาคเนย์ ไม่กล้าสร้างความลำบากให้กับไป๋จื่อหมิงและภูเขาหิมะไพศาล แต่ว่าไป๋จื่อหมิงก็ไม่อาจขอให้ลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์มาช่วยเขาโจมตีสำนักตะวันซ้อนที่โลกยมทะยานได้เช่นกัน

อย่างน้อย ตำแหน่งของไป๋จื่อหมิงในเขาโถงทอง ณ ตอนนี้ ย่อมทำถึงจุดนี้ไม่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่า ขอแค่ภูเขาหิมะไพศาลมีความคิดช่วงชิงตำแหน่งผู้ปกครองของสำนักตะวันซ้อนที่อยู่ในโลกยมทะยาน พวกเขาน่าจะตอบรับตนเอง

อย่างน้อยแล้ว ก็เพียงแค่สงสัยว่าตนหลอกลวงพวกเขาหรือไม่ และยังกริ่งเกรงว่ายอดฝีมือของสำนักตะวันซ้อนบนโลกซ้อนโลกจะแก้แค้นหลังเสร็จเรื่องหรือไม่เท่านั้น

กระนั้นการไม่ต้องสู้กับสำนักตะวันซ้อนด้วยตัวเอง จะต้องเป็นการลดความเสี่ยงถึงจุดต่ำสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

หยวนเจิ้งเฟิงหากหลุดจากการถูกขัง สำนักตะวันซ้อนรับมือไม่ทัน จะมีเวลาสนใจพวกเขาหรือ?

ถึงเวลานั้นพวกเขาจึงค่อยร่วมมือกับหยวนเจิ้งเฟิงจริงๆ ต่อให้สำนักตะวันซ้อนบนโลกซ้อนโลกลงมา ก็เกรงว่าจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ ถึงขั้นที่ใครแพ้ใครชนะยังไม่แน่

จากการบรรยายของยอดฝีมือในภูเขาหิมะไพศาลสี่คนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอจึงทราบว่าบนโลกยมทะยานแห่งนี้ หยวนเจิ้งเฟิง อาจารย์ปู่ของตนในปัจจุบันนี้หากสู้หนึ่งต่อหนึ่งถือว่าไร้เทียมทาน ใช้พวกมากรุมยังไม่แน่ว่าจะรับมือกับท่านผู้เฒ่าได้

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากภูเขาหิมะไพศาลมีความคิดเล็กน้อย คงจะเคลื่อนไหวไปแล้ว

“เช่นนั้น ขอรบกวนทุกท่านด้วย ข้าขอขอบคุณยิ่งนัก” ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอพูดจบ แสงสว่างในดวงตาของเทวรูปไป๋จื่อหมิงก็ค่อยๆ ดับลง

เวลาในการคงสภาพความสามารถของหยกแขวนวิญญาณจุติมาถึงขีดสูงสุดแล้ว

จิตของเยี่ยนจ้าวเกอหลุดจากเทวรูป ลอยขึ้นด้านบน กลับมายังความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ตามหมอกควันสีเขียวมรกตสายนั้น

ในขณะที่เคลื่อนไหวอยู่กลางความว่างเปล่า หมอกควันสีเขียวมรกตก็กลับมาถึงมิติเวลาที่ถูกกำแพงผลึกสีเลือดครอบคลุมอยู่อีกครั้ง

หมอกควันเมื่อกลับมาด้านในหยกแขวน จิตที่เยี่ยนจ้าวเกอแบ่งออกไปก็กลับเข้าสู่ร่างโดยสมบูรณ์

เมื่อได้สติแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็มองน้ำวนตรงหน้า ความคิดวาบขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว ‘ถึงแม้ว่าน้ำวนยังคงรุนแรงอยู่ แต่ใกล้จะหมดพลังแล้ว…’

พวกคังฮูหยินกับถานจิ่นคิดถึงจุดนี้เช่นกัน ต้านทานน้ำวนอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำเลี้ยวลดคดเคี้ยวท่ามกลางความว่างเปล่า วนเวียนอยู่รอบๆ สุดท้ายก็หลบผ่านน้ำวนสีเลือดได้

ด้านในกระแสเวลา เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่า มีสายตาที่เย็นชาสามคู่กำลังจับจ้องตน

คังฮูหยินสามแม่ลูกเกลียดเยี่ยนจ้าวเกอเข้ากระดูกดำ หากน้ำวนสีเลือดหากหายไป เกรงว่าพวกเขาจะลงมือจู่โจมทันที

อีกด้านหนึ่ง พวกถานจิ่นที่เป็นจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างกลับเยือกเย็นยิ่ง

ขณะที่ถานจิ่นป้องกัน กลับแบ่งความสนใจส่วนหนึ่งไปอยู่บนคันฉ่องในอกนาง

เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตเห็นว่า แสงที่สาดออกมาจากคันฉ่องบานนั้น แยกกันทะลุกำแพงผลึกสีเลือด ยืดยาวออกไปในความว่างเปล่าที่อยู่ห่างออกไป

‘ดูจากแนวโน้ม พวกหลัวจื้อเทาคงใกล้จะกลับมาได้แล้ว’

เยี่ยนจ้าวเกอมองแยกแยะ หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ‘เช่นนี้ไม่ได้’

เขามองน้ำวนสีเลือดที่เริ่มอ่อนแรงลง ในตอนที่น้ำวนเบาลงอย่างต่อเนื่อง เขาก็พลันใช้แรงตบใส่วังฝูงมังกร

ประตูวังฝูงมังกรอ้าออก พลันมีแสงสว่างสายหนึ่งพุ่งออกมา เสียงมังกรสะท้านฟ้าดังขึ้น อานุภาพของมังกรมากมายม้วนไปทั่วสี่ทิศ

คังฮูหยินสามแม่ลูก รวมถึงพวกถานจิ่นต่างตกใจ เพราะเพ่งตามองไปแล้ว กลับพบว่านั่นไม่ใช่มังกรที่มีชีวิต แต่เป็นศพมังกรขนาดมหึมาศพหนึ่ง

ถึงแม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่มังกรยังคงปล่อยอำนาจอันน่าพรึงและกลิ่นอายแข็งแกร่งออกมา

ศพมังกรศพนี้พุ่งร่างเข้าไปในน้ำวนสีเลือดตรงๆ ภายใต้การกระตุ้นของเยี่ยนจ้าวเกอ!

เยี่ยนจ้าวเกอคำรามต่ำ “เซ่นสรวง!”

เขายื่นมือไปขีดเขียนใส่อากาศ พริบตาเดียวเลือดก็กลายเป็นอาคมวิญญาณขนาดยักษ์สายหนึ่ง พุ่งเข้าไปในน้ำวนสีเลือดเช่นกัน

ร่างของมังกรจริงแท้มีลมปราณแข็งกล้าขนาดไหน ในนาทีนี้ถูกใช้เป็นเครื่องเซ่น ลมปราณอันยิ่งใหญ่ระเบิดออกมาในพริบตา เหมือนกับการระเบิดของพระอาทิตย์อันร้อนแรง

ลมปราณอันโชติช่วงถูกน้ำวนสีเลือดดูดเข้าไป น้ำวนสีเลือดที่เริ่มอ่อนแรงพลันรุนแรงขึ้นมา

กระนั้น อาคมวิญญาณขนาดยักษ์ที่เกิดจากเลือดของเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากผสมเข้าไปด้านในแล้ว น้ำวนสีเลือดก็ไม่ได้ขยายต่อ แต่ตัวมันเสถียรกว่าเดิม

กำแพงผลึกสีเลือดที่ครอบคลุมความว่างเปล่ารอบๆ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเช่นกัน เหมือนกับพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเวลา

พวกคังฮูหยินและถานจิ่นต่างร้องในใจว่าแย่แล้ว

ในพริบตาต่อมา น้ำวนสีเลือดก็ระเบิดอย่างสะเทือนเลือนลั่น ขยายตัวอย่างรวดเร็วสุดขีด!

กำแพงผลึกสีเลือดที่อยู่รอบนอกแหลกสลายพร้อมกัน ก่อนจะถล่มเข้าด้านใน!

ทั้งในและนอก ต่างเข้าและหด กลายเป็นไอเลือดมากมายอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นเมฆโลหิตขนาดมหึมาแถบหนึ่ง กระจายไปทั่วความว่างเปล่า

ทุกคนเห็นเพียงว่าด้านหน้าเป็นสีเลือด ไม่แบ่งบนล่าง ไม่แบ่งหน้าหลัง ไม่แบ่งซ้ายขวา

บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์อันเดิมบนแผ่นดินของดินแดนหลวนเซียงในโลกซ้อนโลก ในตอนนี้ค่อยๆ หายไป ท้องฟ้าเห็นแต่เพียงสีเลือด

หลังจากเวลาผ่านไป สีเลือดเริ่มสลาย ทว่าบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ไม่ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม

กลุ่มเมฆเปลี่ยนจากสีเลือดเป็นโปร่งใสไร้แสง

ท่ามกลางกลุ่มเมฆ ทุกคนและทุกสิ่งต่างอยู่ระหว่างความจริงและภาพลวง ไม่อาจเคลื่อนไหว

ถานจิ่นแห่งสำนักแสงสว่างส่งเสียงเจื้อยแจ้วด้วยความตกใจระคนโมโห

หลังจากชั้นเมฆไร้รูปร่างนั้นหายไป นางก็เห็นอย่างชัดเจนว่า กลางความว่างเปล่าด้านในชั้นเมฆมีแสงสว่างไร้ประมาณกำลังกะพริบ ปรากฏเงาคนกลุ่มหนึ่ง

กลับเป็นพวกหลัวจื้อเทาเจ้าสำนักแสงสว่าง!

พวกหลัวจื้อเทาทั้งตกใจทั้งเดือดดาล เพราะพวกเขาพบว่าเส้นทางกลับโลกของตัวเอง ถูกกลุ่มเมฆกลุ่มนี้ปิดตายไว้

นี่ทำให้ความพยายามในการกลับมาของพวกเขาศูนย์เปล่า ยังคงได้แต่ติดอยู่ในมิติเวลาที่สับสนปั่นป่วนด้านนอกโลกซ้อนโลก!

………………..