บทที่ 1292 พบเวินชิงเฉวียนอีกครั้ง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1292 พบเวินชิงเฉวียนอีกครั้ง

หญิงชราย่างเท้าเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชา

แม้ว่าจะไม่มีความแปรปรวนของคลื่นหลิงรอบตัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูก ใครก็ตามที่สามารถมีชีวิตรอดในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ ต้องมีสายตาบางอย่าง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของหญิงชรา

ทว่าสายตามากมายก็ยึดอยู่ที่หญิงชราแวบเดียว ก่อนที่จะหันไปมองเงาร่างเพรียวบาง

นางเป็นสตรีสวมชุดสีม่วงรูปร่างระเหิดระหง โดยเฉพาะช่วงขาที่เดินไข้วไปมาใต้กางเกง ช่างดูงดงามอย่างยิ่ง

รูปลักษณ์ของนางช่างเจิดจรัส ดวงตามีเสน่ห์ดูราวกับดวงดาวเปล่งประกายไม่มีที่สิ้นสุด ผมสีฟ้าถูกเกล้าขึ้นเป็นหางม้า สะบัดไปมาด้วยความมั่นใจขณะที่นางก้าวเดิน

นี่คือหญิงสาวงดงามที่ราวกับวีรสตรี เมื่อนางจือปากก็ช่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

สายตานับไม่ถ้วนถูกส่งไปที่หญิงสาวผู้มาใหม่ ถึงแม้ว่าหญิงสาวผมสีเงินจะมีเสน่ห์มากกว่า แต่ความโดดเด่นของหญิงสาวคนนี้ก็น่าดึงดูดเช่นกัน

แต่แม้ว่าพวกเขาจะตกตะลึงกับเสน่ห์นาง แต่ก็ไม่มีใครกล้าล้อเลียนเพราะสายตาของหญิงชราที่กวาดมาราวกับเอาน้ำแข็งราดใส่หัวเลยทีเดียว

มู่เฉินและลั่วหลีก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เมื่อจ้องมองหญิงสาวคนนั้น

เพราะนี่คือเวินชิงเฉวียนที่ทั้งสองคนร่วมมือกันในศึกเบญจภาคี

“ไม่คิดว่านางจะเป็นสมาชิกจากตระกูลเวิน” ลั่วหลีรู้สึกตกใจตระกูลเวินจากเขตเหนือเติบโตขึ้นในช่วงพันปีที่ผ่านมา ในแง่ประวัติศาสตร์ไม่อาจเทียบกับตระกูลลั่วเสิน แต่ด้วยพลังของตระกูลเวินก็ก้าวขึ้นเป็นขั้วอำนาจสูงสุดของมหาพันภพแล้ว

“ทำไมนางถึงไปที่สำนักศึกษาวั่นหวงทั้งที่มีการสนับสนุนขนาดนี้?” มู่เฉินก็แปลกใจเหมือนกัน

“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลเวินจากเขตเหนืออยู่เบื้องหลังสำนักศึกษาวั่นหวงน่ะ” ลั่วหลีตอบ

เท่านี้มู่เฉินก็เข้าใจว่ามีการเชื่อมโยงกัน ไม่น่าแปลกใจเวินชิงเฉวียนถึงได้ไปที่สำนักศึกษาวั่นหวง

ขณะที่พวกเขาพูดคุย กลุ่มผู้มาใหม่ก็เดินมาถึงที่กองสรรหา เวินชิงเฉวียนที่มีท่าทางไม่แยแสมาตลอดทางก็หยุดเดินพร้อมกับสายตาไม่อยากเชื่อจ้องมองมาที่ทั้งคู่

เวินชิงเฉวียนมีผู้ติดตามมาด้วย แต่เห็นได้ชัดเจนว่านางเป็นตัวหลัก ดังนั้นเมื่อนางหยุด พวกเขาก็หยุดตามเช่นกัน

“ชิงเฉวียนเกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ชายสวมชุดขาวกล่าวเสียงเบาด้านข้างเวินชิงเฉวียนช่างดูสะดุดตาไม่น้อย ยิ่งเมื่อพิจารณาจากความผันผวนของคลื่นหลิงที่ยิ่งใหญ่ที่แผ่ออกมาจากร่างเขา น่าจะอยู่ในระยะเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ต้องมีตำแหน่งสำคัญในตระกูลเช่นกัน

ทว่าเวินชิงเฉวียนไม่สนใจเขาเลย สายตาจ้องมู่เฉินกับลั่วหลีด้วยความตกตะลึง ก่อนที่นางจะร้องอุทานขึ้น “ลั่วหลี? มู่เฉิน?!

“ชิงเฉวียน ไม่เจอกันนานเลย” ลั่วหลียิ้ม

“ไม่คิดว่าจะได้พบเจ้าที่นี่” มู่เฉินยิ้ม ย้อนกลับไประหว่างการแข่งขันศึกเบญจภาคี พวกเขาจากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนรู้จัก ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ผ่านประสบการณ์กันมากมาย

หลังจากจบการแข่งขัน แต่ละคนก็แยกย้ายตามทางของตัวเอง ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีวันได้พบเจอกันอีก แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันที่นี่วันนี้

“พวกเจ้าจริงๆ ด้วย!”

ดวงตาของเวินชิงเฉวียนเปล่งประกายด้วยความดีใจ นางพุ่งตัวเข้าใส่กอดทั้งสอง แต่ก่อนที่มู่เฉินจะได้ยื่นมือออกมา เวินชิงเฉวียนก็เปลี่ยนใช้ศอกกระแทกที่หน้าอกเขา

มู่เฉินถอยกลับไปสองก้าวพลางเบ้ปากอย่างช่วยไม่ได้

“คิดฉวยโอกาสข้าเหรอ ฝันไปเถอะ”

เวินชิงเฉวียนกลอกตาให้มู่เฉิน ก่อนจะเหยียดแขนโอบกอดลั่วหลีแน่น “ลั่วหลี เจ้างามมากจนข้าไม่กล้าทักเลย”

นางไม่ได้โกหกเนื่องจากลั่วหลีเปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเทียบกับตอนออกจากสำนักศึกษาเป่ยชาง บวกกับร่างเทพวารีของลั่วเสินทำให้นางมีความงดงามที่โดดเด่นขึ้นอีกหลายส่วน

ลั่วหลีก็เม้มปากยิ้มออกมาเช่นกัน นางรู้สึกมีความสุขที่ได้พบกับเวินชิงเฉวียนที่นี่ เนื่องจากนางมักจะระลึกถึงเวลาที่ใช้ด้วยกันตอนสู้ศึก สหายเหล่านี้สร้างความทรงจำที่มีค่าให้นาง

“ทำไมเจ้าถึงยังอยู่กับมู่เฉินอีก เขาคู่ควรเจ้าซะที่ไหน?!” เวินชิงเฉวียนปรายตามองไปที่มู่เฉิน ก่อนที่จะหันมาพูดกับลั่วหลีด้วยความปวดใจ

เมื่อมู่เฉินได้ยินประโยคนี้ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นดำมืด

ลั่วหลีมองมู่เฉินด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและล้อเล่น

“ชิงเฉวียนนี่เพื่อนเจ้าเหรอ?” ขณะที่เวินชิงเฉวียน ลั่วหลีและมู่เฉินกำลังรำลึกความหลัง เสียงขัดจังหวะจากชายชุดขาวก็ดังขึ้น เขาเดินหน้าเข้ามา มองมู่เฉินและลั่วหลีด้วยรอยยิ้ม

“ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อเวินจื่อหยู่จากตระกูลเวิน” ชายคนนั้นเปิดเผยสายตาที่อ่อนโยนซึ่งไม่ได้แกล้งทำ ให้ความรู้สึกดีกับผู้อื่น

ขณะที่เขามองเวินชิงเฉวียนอารมณ์ก็ถูกเปิดเผยในดวงตา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจีบอีกฝ่ายอยู่

มู่เฉินและลั่วหลีรู้สึกประทับใจกับชายคนนี้ ทั้งสองจึงส่งยิ้มให้

“ข้าชื่อมู่เฉิน”

“ลั่วหลี”

เวินชิงเฉวียนเหลือบมองเวินจื่อหยู่ ท่าทางดูไม่สนใจอีกฝ่ายเลย ทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

หญิงชราก็หันมามองลั่วหลีก่อนจะพยักหน้าพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ “ช่างเป็นเด็กที่งดงามมาก”

จากนั้นก็มองมู่เฉิน แต่นางไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะละสายตาไป ความไม่ใส่ใจในของนางเห็นได้ชัดมาก

ทว่ามู่เฉินไม่ได้โกรธ เพราะเขารู้สึกได้ว่าหญิงชราคนนี้ไม่ได้ตั้งใจทำเฉพาะเขา แต่นางทำกับผู้ชายทุกคน

“ชื่อเหยียน ครั้งนี้เจ้ามาเร็วนัก” หญิงชรามองอย่างไม่แยแสไปที่ชื่อเหยียน

“เฮ้ ยายเฒ่าเหอ บรรพบุรุษของตระกูลเวินไม่ได้อยู่ในแดนเซิ่งยวน ทำไมพวกเจ้าถึงขยันมาที่นี่ทุกครั้งขนาดนี้?” ชื่อเหยียนยิ้มเสียงประหลาด

“ไม่มีใครเป็นเจ้าของแดนเซิ่งยวน ทำไมตระกูลเวินของข้าถึงจะมาคว้าโอกาสที่นี่ไม่ได้ล่ะ?” แม่เฒ่าเหอเค้นเสียงหัวเราะเย็น

ชื่อเหยียนกลอกตาบน แต่เขาก็ไม่คิดจะทะเลาะกับแม่เฒ่าเหอที่ไม่เป็นมิตรกับชายทุกคน

แม่เฒ่าเหอไม่ได้พูดอะไรมากความกับชื่อเหยียน ก่อนที่จะหันไปหาชายชราที่กองสรรหา “ผู้อาวุโสลู่ทงมอบป้ายสังหารปีศาจให้เด็กพวกนี้ด้วย”

ชายชราชุดเทาพยักหน้าพลางโบกมืออย่างเกียจคร้าน จากนั้นครู่หนึ่งป้ายสังหารปีศาจกลุ่มหนึ่งก็บินมาทางพรรคพวกของเวินชิงเฉวียน

รับป้ายมาแล้ว เวินชิงเฉวียนก็มองมู่เฉินกับลั่วหลี “เจ้าสองคนก็มาเพื่อแดนเซิ่งยวนเหรอ?”

มู่เฉินและลั่วหลีพยักหน้า

“เยี่ยมไปเลย! ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปหลายปี เราจะได้ทำงานร่วมกันอีกครั้ง!” เวินชิงเฉวียนหัวเราะเบาๆ

มู่เฉินมองเวินชิงเฉวียนก็พบว่าตอนนี้นางบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าพลังของนางเติบโตขึ้นหลังจากกลับไปที่ตระกูลเวิน

“ดีจริงๆ ที่มีกองกำลังสุดยอดเป็นกองสนับสนุน” มู่เฉินอดถอนหายใจในใจไม่ได้

แต่ดูเหมือนว่าแดนเซิ่งยวนจะดึงดูดผู้คนจากขุมกำลังมากมาย ตอนนี้แดนเซิ่งยวนยังไม่ปรากฏ ไม่รู้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะมีกลุ่มทรงพลังโผล่มาเท่าไร

แต่ดูท่าการแข่งขันครั้งนี้จะรุนแรงอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

“ไปกันเถอะ เราไปหาสถานที่พักผ่อนกัน” ชื่อเหยียนหันไปมองกลุ่มมู่เฉินจากนั้นก็โบกมือ เตรียมนำพวกเขาออกไป

มู่เฉินพยักหน้า ขณะที่กำลังจะกล่าวคำอำลากับเวินชิงเฉวียน ความปั่นป่วนก็ดังกึกก้องในหอหมื่นพัน

ความสนใจทั้งหมดในอาคารขนาดใหญ่จ้องมองไปที่ประตูทางเข้าด้วยความตกใจ

มู่เฉินก็สัมผัสได้จึงเงยหน้ามองไปที่คนสามกลุ่มที่เข้ามา ทั้งสามกลุ่มมีท่าทางที่ไม่ธรรมดา จังหวะที่พวกเขาปรากฏตัวแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็ปกคลุมทั่วหอ

ภายใต้แรงกดดันนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในทวีปเซิ่งยวนยังแสดงความเคร่งเครียดหลายส่วนในสายตา

มู่เฉินมองไปที่ทั้งสามกลุ่ม จากนั้นดวงตาก็หดเกร็งลง นั่นเป็นเพราะมีลวดลายเจดีย์สีดำบนเสื้อคลุม

ซึ่งเจดีย์นั้นเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย นั่นคือเจดีย์เก้าชั้น!

ในมหาพันภพมีเพียงเผ่าฝูถู หนึ่งในห้าเผ่าโบราณที่ใช้เจดีย์เก้าชั้นเป็นสัญลักษณ์ของพวกเขา!

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มทรงพลังทั้งสามมาจากเผ่าฝูถูแน่นอน!