อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1044 หน้าแข้งข้าบางมาก
“ขอโทษด้วย หน้าแข้งข้าบางมาก”

“ไม่เป็นไร ใหญ่กว่าข้าก็พอแล้ว”

เวินเส้าหยียิ้มแต่ไม่ได้พูดจา ทว่ารอยยิ้มนั่นทำให้คนขนลุกซู่อย่างอธิบายไม่ถูก

กู้ชูหน่วนกล่าว “ใกล้จะเที่ยงแล้ว ข้าไปซื้ออาหารมาทำกับข้าวให้เจ้ากินละกัน”

ไม่รอให้เวินเส้าหยีตอบรับ กู้ชูหน่วนก็แทบจะวิ่งหนีออกไปแล้ว

ด้านหลังมีเสียงอันเกียจคร้านของเวินเส้าหยีดังมา

“ดีที่สุดเจ้าควรจะอธิษฐานให้ขาของตัวเองเร็วพอ”

“ฟืด…….”

กู้ชูหน่วนหยุดลงอย่างกะทันหัน

“ขั้นสูงสุดระดับหกสังหารระดับสองตัวเล็กๆ เผยแพร่ออกไป เจ้าก็คงจะเสียหน้าเช่นกันสินะ อีกอย่าง เมื่อวานเจ้าไม่ได้ปล่อยข้าไปแล้วหรือ?”

“เคยได้ยินเรื่องแมวจับหนูหรือไม่?”

“อะไร?”

“แม้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ก็มีคนคิดจะฆ่าเจ้า”

กู้ชูหน่วนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็คิดออกแล้วว่าเวินเส้าหยีจะทำอะไร

“เจ้าต้องการยืมมือตระกูลซ่างกวนมาสังหารข้าหรือ?”

“ไม่ใช่ หากว่าเจ้าไม่ฆ่าไป๋หลี่หมิง ไป๋หลี่เจิ้นจะไล่ล่าเจ้าแบบสุดหล้าฟ้าเขียวได้อย่างไร ข้าเพียงแค่กระจายข่าวสารความจริงในการตายของไป๋หลี่หมิงออกไปก็เท่านั้น”

กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุก

กระจายข่าวสารออกไป?

เช่นนั้นจะแตกต่างอะไรกับการที่เขาจะฆ่านาง?

“หากว่าข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะสาวเท้าวิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง ดูสิว่าจะสามารถรักษาชีวิตสุนัขตัวหนึ่งได้หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนที่ต้องการจะจากไปในทีแรกหันหลังกลับ นั่งอยู่บนเก้าอี้หินในป่าไผ่อย่างเกียจคร้าน รินน้ำชาอย่างสบายๆ และดื่มอย่างมีความสุข

เวินเส้าหยีหัวเราะเบาๆทีหนึ่ง ยกแขนเสื้อสีขาวราวหิมะขึ้น นั่งข้างๆนางด้วยความยินดี ยกถ้วยชาขึ้น จิบชาเบาๆคำหนึ่งเช่นกัน “เจ้ากลับสบายอกสบายใจซะจริง”

“เจ้าจัดเตรียมสงครามใหญ่ขนาดนี้ไว้อย่างดี หากว่าข้าไม่ทำดีๆออกมาให้ดู จะไม่ทำให้เจ้าหมดสนุกหรอกหรือ อีกอย่าง แม้ว่าข้าจะวิ่งได้เร็วเพียงใด จะหนีรอดจากฝ่ามือของเจ้าไปได้งั้นหรือ?”

“เจ้าผีเสื้อ จิตใจของเจ้าช่างโหดร้ายจริงๆ ข้าบาดเจ็บไปทั้งตัว เจ้ายังไม่รู้จักทะนุถนอมสตรีอีก”

เวินเส้าหยีไม่พูดจา

แต่ยิ่งสัมผัสกับกู้ชูหน่วน ก็ยิ่งรู้สึกว่านางไม่ได้โง่เหมือนที่คิดไว้ กระทั่งยัง……น่าสนใจเป็นอย่างมากอีกด้วย…….

“ซ่าซ่าซ่า……”

ลมอ่อนพัดผ่าน เงาต้นไผ่แกว่งไกว

ไผ่สีเขียวมรกตส่งเสียงและร่วงตกลงมา

มองจากระยะไกล ชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังจิบชาในป่าไผ่ ช่างมีความสุขเสียจริง ใช้ชีวิตเหมือนบุคคลผู้สง่างามดั่งกิ่งทองใบหยก

ทว่า……

ทันทีที่พิณหิมะของเวินเส้าหยีสั่น

หูของกู้ชูหน่วนก็ขยับ ล้วนรู้สึกได้ถึงแรงสังหารที่กำลังบีบคั้นเข้ามาใกล้

กู้ชูหน่วนวางแก้วชาในมือลง กล่าวต่อเวินเส้าหยี “ชานี่ไม่เลว ช่วยเก็บไว้ให้ข้าหน่อย ประเดี๋ยวข้ายังอยากจะดื่มอีก”

“อีกประเดี๋ยวเกรงว่าเจ้าคงจะต้องไปพบพญายมแล้ว”

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าจะไม่ใช่ไป๋หลี่เจิ้นที่ไปพบพญายม?”

“เหอะ……”

เวินเส้าหยีดื่มหมดไปในทันที ในตาเต็มไปด้วยการดูถูก

ระดับสองกับระดับสี่ จะดูอย่างก็เป็นไข่ไก่กระทบหิน ตั๊กแตนห้ามรถ

แต่ในจิตใจของเขากลับรู้สึกว่า สงครามความเป็นความตายนี้ นางที่เป็นระดับสองอาจจะไม่ได้พ่ายแพ้ต่อไป๋หลี่เจิ้นอย่างประหลาด

แรงสังหารของไป๋หลี่เจิ้นพลุ่งพล่าน กดดันใกล้เข้ามาแล้ว

เห็นกู้ชูหน่วน เขาก็จนปัญญาที่จะควบคุมความโกรธไว้ได้ ซักถามขึ้นทันที “เจ้าเป็นคนสังหารหลานชายข้าไป๋หลี่หมิงใช่หรือไม่?”

“หากข้าบอกว่าไม่ใช่ ท่านจะเชื่อหรือไม่?”

“กล้าสังหารหลายชายของข้า แม้ว่าจะมีหมื่นชีวิตก็ไม่พอที่จะชดใช้”

ไป๋หลี่เจิ้นยกมือขึ้นปล่อยฝ่ามือออกมาก็เป็นกระบวนท่าไม้ตาย ไม้ไผ่ในป่าไผ่ถูกฟันไปพร้อมทั้งราก ทั้งหมดพุ่งแทงไปทางกู้ชูหน่วนอย่างเป็นระเบียบ

ท่อนไม้ไผ่มากมายขนาดนั้น ทุกท่อนยังแฝงไปด้วยพลังอันมหาศาลของไป๋หลี่เจิ้นอีก ทันทีที่ถูกแทง แล้วยังจะมีชีวิตอีกหรือ

ทุกทิศทางล้วนถูกล้อมไว้หมดแล้ว สายตาของกู้ชูหน่วนเฉียบคม มือขวายืมไม้ไผ่ข้างตัว ลอยขึ้นไปในอากาศ หลบหลีกจากไม้ไผ่ที่ถึงแก่ชีวิตเหล่านั้น

นางรู้ สงครามวันนี้จะไม่มีใครช่วยนาง

ชนะแล้ว นางก็ยังมีโอกาสรอด

แพ้แล้ว ก็คือตาย

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่เวินเส้าหยีจะช่วยนาง