บทที่ 1628 ละอองเลือดสีแดงสดจนแสบตา

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เพื่อให้มองเห็นสถานการณ์ข้างนอกให้ชัดเจน ตาทิพย์ตรงหว่างคิ้วเหมียวอี้พลันเปิดออก ลำแสงที่สวยวิจิตรตระการตาสายหนึ่งพลันยิงออกมา

เงาแสงลอยวนเวียน เหยียนซิวหันกลับมามองอย่างประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเหมียวอี้มีพลังอภินิหารขนาดนี้

ภายใต้การสอดส่องของตาทิพย์ ภาพเหตุการณ์ข้างนอกชัดเจนแจ่มแจ้ง ของวิเศษห้ามังกรเป็นชิ้นเดียวกัน ถักทอกันแน่นหนาเหมือนตาข่ายแล้ว ทั้งสองไม่มีทางออกไปได้เลย พอออกไปก็จะเผชิญกับการล้อมโจมตีจากของวิเศษห้ามังกร มังกรทั้งห้าไม่ใช่สัตว์ที่มีชีวิต ต่อให้ทวนของเหมียวอี้จะเร็วกว่านี้แต่ก็ปาดพวกมันไม่ตาย จะต้องโดนพัวพันจนกระดิกไปไหนไม่ได้แน่ๆ

เมื่อขาดลูกกลมตีไม่พังที่คอยปกป้องร่างกาย พอตาข่ายกลมจากมังกรห้าตัวที่หดได้ยืดได้โจมตีเข้ามา ก็จะทำให้คนโดนฉีกร่างแหลกทันที

ทว่าพลังงานของลูกกลมตีไม่พังก็ถูกโจมตีพังไปแล้ว ไม่มีทางเริ่มเปิดใช้งานตามปกติได้อีก ถ้าไม่ใช่เพราะมีทวนเกล็ดย้อนค้ำไว้ ก็คงจะหดกลับร่างเดิมไปแล้ว

เงาแสงแวววาวถูกเก็บกลับมา เหมียวอี้ที่เก็บตาทิพย์แล้วหันกลับมามองเหยียนซิวแวบหนึ่ง “มังกรห้าตัวเล็บแหลมฟันคม ขูดจนลูกกลมตีไม่พังเป็นรอยหลายรอยแล้ว ลูกกลมตีไม่พังไม่ได้หนาสักเท่าไร ทั้งยังขาดพลังงานสนับสนุน ประคับประคองได้ไม่นานแล้ว ที่ข้ามีลูกกลมตีไม่พังอยู่อีกจำนวนหนึ่ง น่าจะทำให้ของวิเศษของอีกฝ่ายเสียพลังงานต่อไปได้ แต่ตอนนี้พวกเราก็ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์เป็นยังไง ถ่วงเวลาต่อไปแบบนี้จะทำให้เกิดความยุ่งยากแบบไหนบ้างก็ไม่รู้ พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้วหาที่ซ่อนตัวให้เร็วที่สุด อาจจะต้องสู้ตายสักตั้ง”

เหยียนซิวที่ร่างกายโคลงเคลงอย่างรุนแรงตามลูกกลมบอกว่า “ข้าน้อยจะสังหารฝ่าออกไป!”

สิ่งที่เหมียวอี้บอกไปก็มีความหมายประมาณนี้ เขารู้ว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ เหยียนซิวก็จะไม่กลัวเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาโจมตี เพราะเหยียนซิวสามารถใช้ปราชญ์ผีก่อม่านหมอกที่หนาแน่นมาต้านทานไว้ได้ เมื่อครู่นี้ที่ติดกับดักก็เพราะว่าเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน ใช้วิชาป้องกันตัวเองไม่ทันก็เท่านั้นเอง ทว่าพอเหยียนซิวกลายเป็นหมอกมุดออกจากซอกร่องของลูกกลมตีไม่พัง ก็ไม่มีทางร่ายวิชาป้องกันตัวเองได้เลย จะต้องโดนเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาโจมตีอีกครั้งแน่นอน เกรงว่าถ้าออกไปแล้วคงจะเป็นการเอาชีวิตไปทิ้ง

แต่ตอนนี้ก็มีเพียงเหยียนซิวที่สามารถออกไปได้ เหมียวอี้กล่าวเสียงต่ำว่า “สุขสันต์ โกรธ เศร้า หวาดกลัว ปรารถนา แบบไหนที่ส่งผลกระทบต่อเจ้าน้อยที่สุด? อย่างน้อยก็สามารถประคับประคองให้เจ้าแย่งอำนาจในการควบคุมของวิเศษห้ามังกรนี้มา!”

เหยียนซิว “น่าจะเป็นความปรารถนา!”

“ดี!” เหมียวอี้พลันจ้องผนังโลหะที่สั่นไหวอย่างรุนแรง พลางกล่าวด้วยสายตาดุร้าย “ลูกกลมตีไม่พังกำลังจะพังแล้ว ข้าจะสร้างโอกาสให้เจ้าอยู่ในนี้ เจ้าต้องหาช่องโหว่หนีออกไป!”

เหยียนซิวมองตามไป เข้าใจสิ่งที่เหมียวอี้จะสื่อแล้ว เขาออกแรงพยักหน้า พอร่างกายลุกขึ้นมา ก็หลุดออกไปจากมือเหมียวอี้แล้ว ไปห้อยอยู่บนด้ามทวนข้างๆ เหมียวอี้

เหมียวอี้โบกมือจุดหินผลึกไขมันเพลิงก้อนหนึ่ง แล้วโยนเข้าไปในลูกกลมตีไม่พังที่กำลังกลิ้ง เปลวเพลิงที่ดุร้ายระเบิดออกมาทันที เผาลำแสงเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่แทรกซึมเข้ามาในลูกกลมตีไม่พังจนหมดสิ้น เมื่อวรยุทธ์อยู่ระดับเหยียนซิวแล้ว ก็ยังสามารถทนอยู่ในเปลวเพลิงร้อนแรงได้มากนิดหน่อย

เพลิงเดือดแทรกซึมออกมาจากรอยแยกรอบลูกกลมตีไม่พัง สามารถควบคุมลำแสงเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาบนตัวมังกรบินโลหะได้

ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็พลันคลายมือออกจากด้ามทวน พอถลันตัวออกมา ทั้งคู่ก็พุ่งออกอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูยิงออกจากสาย พวกเขาใช้วรยุทธ์ทั้งหมดที่มียันเท้ากระโดดออกมาพร้อมกัน ขณะเดียวกันก็โจมตีไปยังจุดจุดหนึ่งด้วย

บึ้ม! เสียงระเบิดสะเทือนก้องฟ้าดิน

ท่ามกลางเสียงชนโจมตีที่น่าตกใจ มังกรบินห้าตัวที่เลื้อยโจมตีอยู่ข้างนอกอย่างรวดเร็วก็เคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย

อาศัยโอกาสนี้เอง เหยียนซิวพลันสลายตัวหายไป กลายเป็นไอหมอกที่สีแดงดำสลับกันพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง

พอเหมียวอี้โบกมือกดไว้ เพลิงเดือดก็เบิกเส้นทางไฟช่วยให้เหยียนซิวเดินผ่านไปทันที เหยียนซิวที่แยกร่างทนเพลิงเดือดเผาไม่ไหว เขาจำเป็นต้องช่วยอีกแรง

ไอหมอกสีแดงดำราวกับกระแสน้ำที่ซึมเข้าไปในพื้น ชั่วพริบตาเดียวก็ไหลหายไปแล้ว

เหมียวอี้ที่ดีดตัวกลับมาใช้สองเท้าเกี่ยวด้ามทวนไว้ สองมือโบกไปโบกมาซ้ำๆ กำลังรวบรวมสมาธิควบคุมเพลิงเดือดให้รับมือกับมังกรบินสี่ตัวที่ครอบด้วยอารมณ์สุขสันต์ โกรธ เศร้า กลัว ควบคุมลำแสงเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาบนตัวพวกมันเอาไว้ จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อเหยียนซิว ปล่อยมังกรบินโลหะที่มีลำแสงสีส้มออกไปตัวเดียวเท่านั้น

ที่โลกภายนอก เพลิงเดือดที่แทรกซึมออกมาจากลูกกลมตีไม่พังอย่างกะทันหันทำให้พวกอวิ่นจ้าวที่จับตาดูอยู่บนฟ้าอึ้งทันที จากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาก ทำให้เกิดเสียงก้องทั่วฟ้าดิน

ท่ามกลางเพลิงเดือด มังกรบินโลหะสี่ตัวตกอยู่ในทะเลเพลิงหมดแล้ว มีเพียงมังกรบินโลหะสีส้มตัวเดียวที่เลื้อยออกมาจากทะเลเพลิงได้ ราวกับบนตัวพกยันต์กันไฟเอาไว้ พอมันเลื้อยไปตรงไหน เพลิงเดือดตรงนั้นก็จะหลีกทางให้มัน

ทั้งห้าตกใจทันที อวิ่นกวงอุทานถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน? อย่าบอกนะว่าโดนเจ็ดอารมณ์หกปรารถนากัดกร่อนนานขนาดนี้แล้วยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร?”

“ศิษย์น้องทั้งสามตามข้าไปควบคุมด้วยกันเถอะ” อวิ่นหมิงกล่าวอย่างร้อนใจ

นอกจากอวิ่นจ้าวที่ต้องควบคุมของวิเศษอยู่ที่เดิม อีกสี่คนก็คว้าดาบพระออกมา ขณะกำลังจะพุ่งเข้าไป จู่ๆ ก็เห็นไอหมอกสีแดงสลับดำสายหนึ่งเจาะออกมาจากมังกรเลื้อยสีส้มอย่างรวดเร็ว มาลอยอยู่กลางอากาศแล้วก่อตัวเป็นปราณผีที่เยียบเย็น

พอเจอฉากนี้เข้าไป สี่คนที่กำลังตกใจก็หยุดชะงัก ปราณผีถูกเก็บไปแล้ว เหยียนซิวที่ผมยาวสยายปรากฎตัวขึ้น ผมสีขาวปล่อยสยาย ยืนนิ่งปล่อยให้ผมสยายกลางอากาศ ก้มหน้าอย่างเงียบงัน ก่อนจะเงยหน้าเผยใบหน้าชราอันเย็นเยียบพิศวงน่าสะพรึง เพียงแต่ดวงตาทั้งคู่ชุ่มฉ่ำราวกับน้ำ ดูไม่ค่อยปกติ

สิบนิ้วที่อยู่ใต้แขนเสื้อเผยออกมาแล้ว เล็บคมสีเขียวดำที่มันวาวทั้งสิบขยับเบาๆ ราวกับส่าหร่ายที่โยกไหวอยู่ในน้ำ ให้ความรู้สึกอ่อนโยน

“นักพรตผี!” พวกอวิ่นหมิงอุทานอย่างตกใจพร้อมกัน

พวกเขาไม่ค่อยกล้าเชื่อสายตาตัวเอง ก่อนหน้านี้เห็นเหยียนซิวเป็นนักพรตมนุษย์อยู่แท้ๆ แค่หน้าตาน่ากลัวไปหน่อยก็เท่านั้นเอง ทำไมจู่ๆ กลายเป็นนักพรตผีไปแล้วล่ะ?

แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน มีเสียงสะเทือนดังหนึ่งครั้ง ลูกกลมตีไม่พังที่โดนมังกรห้าตัวล้อมโจมตี ในที่สุดก็ระเบิดกลายเป็นฝุ่นผงแล้ว

อวิ่นจ้าวดีใจมาก ขอเพียงแค่สามารถกำจัดหนิวโหย่วเต๋อได้ มีของวิเศษอยู่ในมือแล้ว เหลือนักพรตผีอีกแค่คนเดียวก็ไม่น่ากลัวอะไรเลย

ใครจะไปคิดล่ะ ยังไม่ทันรอให้เขาดีใจจนแสดงออกทางสีหน้า ยังไม่ทันควบคุมให้มังกรห้าตัวหดเล็กลงเพื่อฉีกร่างเหมียวอี้ มังกรห้าตัวที่ล้อมโจมตีก็มีเสียงโครมครามดังขึ้นอีกพักหนึ่ง ฝุ่นควันตลบอบอวลทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน เหมือนจะมีอะไรบางอย่างกันมังกรห้าตัวไม่ให้โจมตีเหมียวอี้ได้

พวกเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าบนตัวเหมียวอี้ไม่ได้มีลูกกลมตีไม่พังแค่อันสองอัน

เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน พอดึงสติกลับมาแล้ว อวิ่นหมิงโบกดาบพระ แล้วกล่าวอย่างร้อนรน “โปรดสัตว์ให้เขา!”

ไม่ทันรอให้เขาพูดจบ เหยียนซิวที่ดึงสติกลับมาแล้วเช่นกันก็หมุนตัวด้วยความเร็วสูงอยู่ที่เดิม ตรงหน้าพพวกนักบวชตาลาย เห็นเพียงเหยียนซิวหลายสิบคนปรากฏตัวออกมาตรงหน้าพวกเขา ทำให้พวกเขาตกใจจนใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์ แต่ก็มองไม่ออกว่าเหยียนซิวคนไหนคือตัวจริง คนไหนคือตัวปลอม

ฟิ้วๆๆ! เหยียนซิวกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา รวมกันพุ่งไปยังอวิ่นจ้าวที่กำลังควบคุมของวิเศษ เล็งเป้าหมายแม่นยำมาก

เจตนาของอีกฝ่ายชัดเจนมาก อวิ่นหมิงรีบเปลี่ยนเป็นบอกว่า “ขวางเขาเอาไว้!”

พุ่งมาพร้อมกันเยอะขนาดนี้ ตรงนี้มีแค่สี่คน จะให้ขวางคนไหนดีล่ะ?

เสียงปั้งๆ ดังอย่างต่อเนื่อง ‘เหยียนซิว’ จำนวนนับไม่ถ้วนถูกระเบิดกลายเป็นปราณผี ไม่มีคนไหนเป็นตัวจริงเลย

ชั่วพริบตาเดียวร่างจริงก็ถลันตัวไปตรงหน้าอวิ่นจ้าวที่ควบคุมของวิเศษแล้ว พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องรีบตะโกนอย่างกังวล “ศิษย์พี่ระวัง!”

อวิ่นจ้าวตกใจมาก คว้าดาบพระออกมาฟันอย่างแรงหนึ่งที แต่เหยียนซิวกลับหยุดชะงัก พอโบกแขนเสื้อ เปลวเพลิงสีเขียวขลับก็คลุมไปที่อวิ่นจ้าว ห่อหุ้มอวิ่นจ้าวที่กำลังลนลานเอาไว้คาที่

“ไฟผี!” พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องอุทานอีกครั้ง

“อา!” อวิ่นจ้าวที่ถูกไฟผีพัวพันราวกับถูกกัดกร่อนกระดูกส่งเสียงกรีดร้อง กำลังพลิกตัวไปมาอยู่กลางอากาศ

เหยียนซิวพลันกลายเป็นไอหมอกสีแดงดำสลับกัน แล้วพุ่งออกไปราวกับธนูยิงออกจากสายอีกครั้ง

ปั้ง! ไฟผีกระเพื่อมจนตาพร่า พอสงบลงแล้ว พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องสี่คนที่พุ่งเข้ามากลับพบว่าเหยียนซิวหายไปแล้ว เห็นเพียงอวิ่นจ้าวที่เอามือกุมหน้าอกกรีดร้องอยู่ท่ามกลางเพลิงเดือดสีเขียวขลับ ทั้งสี่มองไปรอบๆ อย่างกังวล นี่มันสถานการณ์อะไรกัน นักพรตผีนั่นไปไหนแล้ว?

ตอนนี้สนใจอะไรมากขนาดนั้นไม่ไหวแล้ว พวกอวิ่นหมิงรีบเข้ามาล้อมอวิ่นจ้าวที่กรีดร้องอยู่กลางไฟผี แต่ละคนคว้าทรายกระดูกขาวออกมากำหนึ่ง แล้วโปรยใส่จากสี่ทิศ คลุมอวิ่นจ้าวเอาไว้

ประสิทธิภาพไม่เลวเลย เห็นได้ชัดว่ามีประสบการณ์ในการรับมือกับไฟผี พอปล่อยทรายกระดูกขาวออกมา ก็ดับไฟผีบนตัวอวิ่นจ้าวได้ทันที ถ้าจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือดูดไฟผีทิ้งไปหมดแล้ว และทรายกระดูกขาวที่สัมผัสโดนตัวอวิ่นจ้าวก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวขลับทันที ก่อนจะร่วงหล่นสู่ทะเล

อวิ่นจ้าวที่โดนไฟเผาจนเปลี่ยนโฉมหน้าโผล่ออกมามาท่ามกลางควันสีเทา มองดูบรรดาศิษย์น้องอย่างไร้เรี่ยวแรง ร้อง “ฮือๆ” สองครั้ง แล้วก็ตกลงสู่มหาสมุทร

“ศิษย์พี่!” อวิ่นหัวและอวิ่นเติงถลันตัวออกไปทันที ฉุดแขนอวิ่นจ้าวที่กำลังตกลงข้างล่างเอาไว้คนละข้าง

อวิ่นหมิงและอวิ่นกวงกลับกำลังมองไปรอบๆ นักพรตผีที่หายไปกลางอากาศทำให้คนหวาดกลัว ไม่ให้ระวังคงไม่ได้

อวิ่นหมิงยังตั้งใจตะโกนอีกว่า “ระวังช่องว่างเก็บของบนตัวศิษย์พี่จ้าว”

อวิ่นหัวกับอวิ่นเติงร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจหาที่เก็บของบนตัวอวิ่นจ้าวทันที แต่ใครจะคิดว่าสองมือของอวิ่นจ้าวจะพลันพองตัวขยายใหญ่ขึ้น ฝ่ามือที่มีกรงเล็บแหลมคมสองข้างยื่นออกมา น้ำเลือดสดๆ สองสายระเบิดออกมาแล้ว กรงเล็บเสียบเข้าไปในหน้าอกของอวิ่นหัวและอวิ่นเติงอย่างดุร้าย ทะลุไปถึงหัวใจแล้วโผล่ออกจากแผ่นหลัง

ท่ามกลางน้ำเลือดที่ระเบิดออกมาจากแผ่นหลังของทั้งสองคน กรงเล็บแต่ละข้างชักกลับเข้ามา บนกรงเล็บแหลมสองข้างคว้าหัวใจที่ยังเต้นเอาไว้ แล้วบีบจนมีเสียงปั้งๆ ดังสองครั้ง ละอองเลือดสีแดงสดจนแสบตา

อวิ่นหัวและอวิ่นเติงที่เบิกตากว้างมองไปที่อวิ่นจ้าวอย่างรู้สึกเหลือเชื่อ

“ศิษย์น้อง!” เมื่ออวิ่นหมิงกับอวิ่นกวงที่คอยเฝ้าระวังอยู่รอบๆ เห็นแบบนี้ ก็ร้องอุทานอย่างเศร้าโศกทันที

และในตอนนี้เอง ร่างกายของอวิ่นจ้าวก็รู้สึกตึงๆ ทั้งร่างกายกำลังพองขยายอย่างรวดเร็ว

ปั้ง! ในที่สุดร่างของอวิ่นจ้าวก็ระเบิดออก ระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อตกลงทะเล เหยียนซิวที่ก้มหน้าเล็กน้อยลอยเงียบๆ อยู่กลางอากาศ ราวกับโผล่ออกมาจากรังไหม มือซ้ายและมือขวายังคงหิ้วร่างที่มีเลือดไหล

ฉากแบบนี้ทำให้อวิ่นหมิงกับอวิ่นกวงมองจนตาแทบจะถลน ทั้งคู่สูดหายใจอย่างตระหนก รู้สึกขนพองสยองเกล้า

มังกรบินห้าตัวที่ล้อมโจมตีลูกกลมตีไม่พังหยุดชะงักแล้ว ระหว่างฟ้าดินสงบลงอย่างกะทันหัน อวิ่นหมิงกับอวิ่นกวงหันกลับมาพร้อมกันทันที เห็นเพียงมังกรบินห้าตัวหดเล็กลงสู่สภาพเดิม กลายเป็นลูกกลมโลหะแล้วตกลงสู่ผิวทะเล

เห็นได้ชัดเจนมาก พออวิ่นจ้าวตายไป ของวิเศษห้ามังกรก็สูญเสียการควบคุม

“ขวางเขาเอาไว้!” อวิ่นหมิงตะคอก ก่อนจะรีบหันตัวพุ่งเข้าไปหาของวิเศษห้ามังกร ต้องการจะควบคุมของวิเศษอีกครั้ง

เหยียนซิวสะบัดแขนสองข้าง สะบัดศพสองร่างที่อยู่บนแขนทิ้งไป แล้วรีบตามไปแย่งชิงของวิเศษชิ้นนั้น

อวิ่นกวงโผเข้ามา ฟันดาบขัดขวางเขาไว้อย่างบ้าคลั่ง วรยุทธ์สูงกว่าเหยียนซิวสองขั้น เหยียนซิวหลบความเร็วของเขาตอนเข้ามาขัดขวางไม่พ้น

ชั่วพริบตาเดียวเหยียนซิวก็แยกร่างจากหนึ่งกลายเป็นสิบ เหยียนซิวสิบคนพุ่งออกมาพร้อมกัน กดดันให้อวิ่นกวงลานลานจนทำอะไรไม่ถูก

“อา!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น กรงเล็บภูตนรกปรากฏตัวอีกครั้ง ฉีกร่างอวิ่นกวงรัวๆ จนแหลกเป็นชิ้นๆ

เป็นนักพรตบงกชรุ้งขั้นสามแท้ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะต้านการโจมตีเพียงครั้งเดียวของนักพรตบงกชรุ้งขั้นหนึ่งไม่ไหว แค่นี้ก็เห็นถึงความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางแล้ว

อวิ่นหมิงร่ายอิทธิฤทธิ์ดูดของวิเศษห้ามังกรที่ตกลงผิวทะเลมาไว้ในมือ พอหันกลับมามองก็ตกใจมาก เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว หนีหัวซุกหัวซุนทันที รอให้ควบคุมของวิเศษห้ามังกรได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

อาศัยความเร็วของเหยียนซิว ก็ไม่มีทางไล่ตามเขาทันได้เลย

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ มีเสียงระเบิดดังปั้ง เหยียนซิวหันกลับไปมอง เห็นเหมียวอี้ออกมาจากลูกกลมตีไม่พังแล้ว กำลังถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์อยู่กลางอากาศ สายธนูในมือยังคงสั่นไหว ลำแสงสายหนึ่งไล่ตามอวิ่นหมิงที่อยู่ในไอหมอก

…………………………