ราชันเร้นลับ 1002 : การเคลื่อนไหวที่สอง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ณ จัตุรัสนักบุญฮิลลัน ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บนชั้นสามของภัตตาคาร

 

เมื่อวิญญาณหมาป่าและดอกกุหลาบปรากฏขึ้นในการมองเห็นของเออร์เนส·โบยาร์ มิสทราลเจ้าของผมสีเงินซีดและดวงตาแดงก่ำ ถอนสายตาจากเอ็มลิน·ไวท์ทันที แผ่นหลังของมันแผ่กระแสความมืด ภายในความมืดมีค้างคาวตัวเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน

 

ติดสินบน… ขณะเอิร์ลผีดูดเลือดกำลังพึมพำ มัน ‘เห็น’ รถม้าคว่ำ ‘ได้ยิน’ เสียงคำรามของม้า ‘ได้กลิ่น’ อีกหลากหลายชนิด แต่กลับไม่พบต้นตอของอุบัติเหตุและความโกลาหล

 

ทันใดนั้น ‘วิสัยทัศน์’ ของมันพลันดำมืด คล้ายกับ ‘ดวงตา’ สูญเสียการรับรู้แสง ภายใน ‘หู’ เองก็ได้ยินเสียงบางสิ่งดังลั่น!

 

เอิร์ลมิสทราลพ่นลมหายใจเงียบ จากนั้น มันผสานเป็นหนึ่งเดียวกับค้างคาวจำนวนมากด้านหลัง ก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆ เลือนหายและเตรียมไปโผล่ข้างๆ เออร์เนส·โบยาร์

 

แต่ทันใดนั้น ท่ามกลางวิสัยทัศน์ที่ดำมืด จุดแสงหนึ่งสว่างขึ้น

 

แสงดังกล่าวขยายขนาดอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ สว่างขึ้นทีละนิด ตามด้วยการปรากฏกายของร่างสีทองที่มีปีกสีดำสนิทสิบสองคู่บนแผ่นหลัง!

 

ปีกค่อยๆ กางออกทีละคู่ ปกคลุม ‘การมองเห็น’ ของมิสทราลท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยแสงสว่างและความมืด บนร่างแสงสีทองเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ลึกลับและซับซ้อน แฝงความรู้สึกทั้งศักดิ์สิทธิ์และเลวทราม ทั้งด้านสว่างและด้านมืด

 

เทวทูต! รูม่านตามิสทราลพลันเบิกกว้าง รีบยกเลิกการกระทำของตนอย่างลนลาน

 

 

เออร์เนส·โบยาร์ตื่นขึ้นด้วยความงุนงง มองเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่ใสราวกับอัญมณี ราวกับน้ำในทะเลสาบ และรู้สึกคล้ายกับ มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งถูกสอดเข้ามาในมือ

 

ภายในดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น ระลอกคลื่นกระเพื่อมแผ่วเบา ลึกลงไปมีวังวนของกระแสน้ำ คล้ายกับสามารถดูดกลืนวิญญาณของผู้ที่จ้องมอง

 

เออร์เนส·โบยาร์ถูกแช่แข็งทันที มิอาจละสายตาจากภาพนี้ได้

 

จากนั้น เสียงสตรีที่นุ่มนวลและล่องลอย ดังกังวานในโสตประสาทของมัน:

 

“ถือหนังสือพิมพ์ ไล่ตามเอ็มลิน·ไวท์…”

 

“ถือหนังสือพิมพ์ ไล่ตามเอ็มลิน·ไวท์…”

 

เสียงดังกล่าวซ้อนทับหลายชั้น กังวานในห้วงการได้ยินของเออร์เนส·โบยาร์ ผ่านเข้าไปในสมองและจิตใจ

 

เออร์เนส·โบยาร์พยักหน้าเหม่อลอย สัมผัสได้ว่ายังมีคำอื่นอยู่อีก แต่กลับได้ยินไม่ชัดด้วยเหตุผลบางประการ

 

เด็กส่งหนังสือพิมพ์คนที่นำหนังสือพิมพ์มายัดมือ หมุนตัวกลับหลังและวิ่งแทรกเข้าไปในกลุ่มจักรยานอย่างรวดเร็ว หายไปพร้อมกับฝูงชน

 

‘เด็กชาย’ คนนั้นมีใบหน้าสะสวย ผมสีเทายุ่งเหยิงปรกคิ้ว ขณะก้าวเดิน ‘เขา’ ถอดถุงมือผ้าสีดำที่สวมอยู่ในมือซ้าย พับหนึ่งทบก่อนจะยัดลงในกระเป๋าสะพายใส่หนังสือพิมพ์

 

สายลมพัดผ่าน ส่งผลให้เสื้อผ้าของ ‘เขา’ พัดกระพือ เผยให้เห็นสิ่งที่กำลังโป่งขึ้นจากข้อมือ

 

ไม่กี่วินาทีถัดมา เออร์เนส·โบยาร์กระโดดถอยหลังกะทันหัน คล้ายกับพยายามหลบหลีกบางสิ่ง

 

ท่าไม่ดีแล้ว! เราถูกพลังฝันร้ายเล่นงาน! มันรีบตั้งหลักมั่นคง รูม่านตาขยายออก มองไปรอบตัวด้วยความระมัดระวัง พร้อมรับมือทุกการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

 

แม้เออร์เนส·โบยาร์จะฉงนในเรื่องที่ตนถูกดึงเข้าความฝันได้ง่ายดายนัก แต่มันก็ทราบว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวใส่ใจรายละเอียด สิ่งที่สำคัญคือช่วงเวลาหลังจากนี้ ห้ามฟุ้งซ่านโดยเด็ดขาด

 

กริ๊ง!

 

จักรยานหลายคันแล่นผ่านมาใกล้ ส่งเสียงกริ่งเพื่อเตือนให้สุภาพบุรุษกลางถนนหลบ

 

เออร์เนส·โบยาร์หรี่ตาลงและจ้องมองพวกมัน เตรียมซัดกำปั้นใส่ทุกวินาที

 

จักรยานคันแล้วคันเล่าขับผ่านไป ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาตามปรกติ แต่บ้างเริ่มเดินช้าลงและชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

 

ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง!

 

เสียงระฆังดังสิบสองหนรวด ไอน้ำสีขาวถูกพ่นออกจากปล่องไฟด้านบนสุดของวิหารนักบุญฮิลลัน เพลงสรรเสริญดังขึ้นพร้อมกับเสียงเฟืองและคันโยก ดังกังวานทั่วสารทิศ

 

ณ จัตุรัส ทุกคนชะงักฝีเท้าทันที บ้างหลับตาลงและสวดวิงวอนในช่วงเวลาอันแสนศักดิ์สิทธิ์นี้ บ้างฟังเสียงระฆังอย่างเงียบงัน ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นสาวกของโบสถ์จักรกลไอน้ำหรือไม่ มีเพียงนกพิราบที่อิ่มท้องเท่านั้นที่กระพือปีกบิน ลอยขึ้นไปในอากาศ

 

 

ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง!

 

เสียงระฆังดังก้อง ไม่มีใครขยับเขยื้อนร่างกาย แม้แต่เอิร์ลมิสทราลในห้องอาหารก็เช่นกัน มันไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย

 

‘ทัศนวิสัย’ ของมันฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ทว่า สิ่งที่เห็นมีเพียงคนงานในสุดสีเทาน้ำเงิน คนงานในชุดสีฟ้าอ่อน บ้างเดินเท้าบ้างปั่นจักรยาน นอกจากนั้นก็ไม่พบสิ่งใดเลย และเออร์เนส·โบยาร์ก็มิได้บาดเจ็บ

 

แน่นอน พิจารณาจากหนังสือพิมพ์ที่ไวเคาต์ผีดูดเลือดกำลังถือ มันเชื่อว่าเด็กส่งหนังสือพิมพ์คนนั้นต้องไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดจะไล่ตาม

 

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พลังระดับเทวทูตที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้วิเศษลำดับต่ำถึงกลางจะสร้างขึ้นมาได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง พรรคพวกที่อยู่เบื้องหลังเอ็มลิน·ไวท์ จะต้องมีครึ่งเทพอย่างน้อยหนึ่งตนกำลังซ่อนตัวในบริเวณใกล้เคียง และมิสทราลเชื่อว่า หากตนเปิดหน้าลงมือ อีกฝ่ายคงยับยั้งได้ทัน หรือแม้กระทั่งทำอันตรายกับตน

 

เมื่อตนอยู่ที่แจ้ง ส่วนอีกฝ่ายอยู่ในที่ลับ มิสทราลซึ่งเป็นเอิร์ลผีดูเลือด ย่อมมองออกว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดี การไล่ตามไปยังแต่จะสร้างปัญหา

 

นอกจากนั้น สำหรับเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด นี่เป็นเพียงบททดสอบ ต่อให้ทางพรรคพวกของเอ็มลินลงทุนนำครึ่งเทพออกปฏิบัติการ เออร์เนส·โบยาร์ก็ยังพอจะยื้อชีวิตได้ด้วยสมบัติวิเศษในตัว และช่วงเวลาดังกล่าวจะช่วยให้มิสทราลมองผ่าน ‘คำสาบานแห่งกุหลาบ’ และยืนยันตัวผู้โจมตี – พวกมันไม่ได้คิดจะทำให้ความขัดแย้งบานปลายด้วยเรื่องแค่นี้ ตามแผนที่วางไว้ในตอนต้น อย่างมากที่สุด มิสทราลมีหน้าที่คอยยับยั้งการปะทะ ช่วยให้เออร์เนส·โบยาร์ไม่ถึงแก่ความตาย

 

แต่ในสถานการณ์พวกมันสูญเสียความได้เปรียบไปแล้ว หากฝืนไล่ตามไป มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดสงครามครึ่งเทพ และในกรุงเบ็คลันด์ โดยเฉพาะรอบๆ วิหารนักบุญฮิลลัน การทำเช่นนั้นมีค่าเท่ากับขุดหลุมฝังศพ

 

นอกจากนั้น สำหรับมิสทราล เนื่องจากครึ่งเทพของอีกฝ่ายยังไม่ได้เปิดหน้าลงมือ แต่เป็นการสนับสนุนจากระยะห่าง ถ้าตนยอมเปิดหน้าช่วยเหลือ นั่นจะถือเป็นสิ่งที่น่าละอาย เสื่อมเสียชื่อเสียงของเอิร์ลผีดูดเลือดอย่างมาก

 

ฮึ! ข้าเองก็อยากจะรู้นักว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป! กล้ามเนื้อใบหน้าของมิสทราลกระตุกแผ่วเบา หมุนแหวนสีน้ำเงินบนนิ้วนางซ้ายอีกครั้ง

 

 

หลังจากเสียงระฆังดังสิบสองครั้ง เอ็มลินเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง วนรอบน้ำพุ ไปยังจุดที่นักพิราบขาวร่อนลง มาถึงทางเข้าอีกด้านหนึ่งของจัตุรัสนักบุญฮิลลัน

 

มันได้พบเออร์เนส·โบยาร์ที่กำลังยืนตัวงอเล็กน้อย ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่ครึ่งก้าว เห็นรถม้าที่กำลังคว่ำ เห็นม้าที่กำลังคำราม เห็นคนขับรถม้าที่กำลังแสดงสีหน้าเจ็บปวด

 

เอ็มลินเดินเข้าไปใกล้ นำกระเป๋าสตางค์ออกจากอ้อมแขน ดึงเงินสด 100 ปอนด์และยื่นให้คนขับรถม้า

 

“ค่าเสียหาย”

 

“อะ…?” คนขับรถม้าเผยสีหน้ามึนงงและประหลาดใจ

 

มันไม่ใช่เจ้าของรถม้า เป็นเพียงลูกจ้างทั่วไป เมื่อเห็นม้าแตกตื่นจนรถม้าเสียหาย มันเกิดความลำบากใจและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เจือความตื่นตระหนกและสิ้นหวัง

 

อ้างอิงจากสิ่งที่เรียกว่าสัญญา รวมถึงประสบการณ์ที่มันเคยเห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา นี่คือความรับผิดชอบที่มันต้องชดใช้ และเมื่อพิจารณาจากรายได้และสถานการณ์ครอบครัว มันกำลังจะล้มละลาย!

 

ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อครู่ ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองคนขับรถม้า แบ่งออกเป็นสามทางเลือกใหญ่ ทางเลือกแรก ข่มขู่สุภาพบุรุษที่เอาแต่ยืนตัวแข็งรายนี้ให้ชดใช้ ลูกๆ ของตนจะได้ไม่ต้องเข้าเรือนทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ทางเลือกที่สอง รีบพาม้าไปขายให้กับสมาชิกแก๊งอันธพาลขาย จากนั้นก็กลับบ้าน นำเงินก้อนหนังกล่าวหนีออกจากเบ็คลันด์พร้อมกับภรรยาและบุตร ทางเลือกที่สาม พาครอบครัวย้ายออกจากสถานที่เก่า จากนั้นก็ไปหาเจ้าของรถม้าเพื่อขอร้อง หวังชดใช้คืนเป็นงวดๆ หากอีกฝ่ายไม่ยอม มันจะยอมติดคุกโดยไม่จ่ายเงิน

 

แต่ปัจจุบัน เงินสดจำนวนหนึ่งร้อยปอนด์ตรงหน้า สร้างอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อหัวใจของคนขับรถม้าจนมิอาจพรรณนา ศีรษะเกิดอาการวิงเวียน ตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก

 

หนึ่งร้อยปอนด์นี้เพียงพอที่จะซื้อห้องโดยสารใหม่ แถมยังเหลืออีกเพียบ!

 

เอ็มลินมิได้แยแสคนขับรถม้า เพียงจ้องหน้าเออร์เนสและกล่าว:

 

“ตอนนี้เจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว”

 

เจ้านั่นแหละตัวปัญหาที่ใหญ่ที่สุด! การที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ มันจะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร? เออร์เนสรำพันด้วยความฉุนเฉียว หมุนแหวนสีน้ำเงินในมือซ้าย

 

แต่ด้วยเหตุผลบางประการ มันรู้สึกว่าคำพูดของเอ็มลิน·ไวท์ฟังดูเข้าท่า ขณะเดียวกันก็รู้สึกอยากเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

 

เอ็มลินชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับและเดินเข้าไปในตรอกข้างๆ อย่างรวดเร็ว

 

เออร์เนสก้าวตามโดยไม่รู้ตัว ในมือยังถือหนังสือพิมพ์

 

ผีดูดเลือดสองตนอย่างออกวิ่ง การไล่ล่าเริ่มต้นขึ้นด้วยความเร็วสูง แต่มิได้ผิดแผกไปจากมนุษย์ปรกติ

 

เอิร์ลมิสทราลอยู่ห่างจากสองคนนั้นพอสมควร ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยพลังวิญญาณ จึงอาศัยความช่วยเหลือของ ‘คำสาบานแห่งกุหลาบ’ สร้างการเชื่อมต่อและไล่ตามไปอย่างไม่รีบร้อน

 

เอ็มลินบ้างวิ่งอ้อม บ้างวิ่งเฉียง บ้างวิ่งวนกลับมายังสถานีเดิม ทำให้ยากจะคาดเดาปลายทาง ส่วนเออร์เนสก็ทำตัวราวกับวัวตัวผู้มองเห็นธงแดง ตามติดใกล้ชิดอย่างไม่ลดละ

 

กว่าจะรู้ตัวอีกที ผีดูดเลือดทั้งสองมาถึงถนนกุหลาบทางตอนใต้ของสะพาน

 

ทันใดนั้น เอ็มลินเร่งฝีเท้ากะทันหัน ไม่กลัวว่าคนธรรมดาจะมองเห็นภาพตกค้างที่เกิดขึ้นขณะตนเดินเข้าไปในวิหารฤดูเก็บเกี่ยว

 

เออร์เนสก็กำลังทำในสิ่งเดียวกัน

 

ท่าไม่ดีแล้ว! ขณะเอิร์ลมิสทราลที่ตามอยู่ห่างๆ กำลังจะเผยตัวเพื่อหยุดสถานการณ์ ร่างของเออร์เนสได้ลับสายตาเข้าไปในประตูวิหารฤดูเก็บเกี่ยว

 

เปรี้ยะ!

 

หินใต้ฝ่าเท้าของมิสทราลพลันแตกละเอียด

 

หลังจากเข้ามาในวิหาร เออร์เนสได้สติกลับมาบางส่วน แต่ทันใดนั้น ณ ที่นั่งแถวหน้าสุด มันหันไปเห็นบุคคลหนึ่งในชุดนักบวชสีน้ำตาล กำลังยืนขึ้นด้วยร่างกายที่ใหญ่มหึมาราวกับภูเขา

 

ขณะเดียวกัน วิหารทั้งหลังดูมั่นคงแข็งแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน คล้ายกับกำลังเชื่อมต่อกับผืนโลก!

 

ท่ามกลางจิตใจที่สั่นสะท้านของเออร์เนส อีกเสียงหนึ่งดังก้อง:

 

“เมื่อตื่นจากการสะกดจิตขั้นแรก จงขว้างปาสิ่งของใส่เอ็มลิน·ไวท์”

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! เออร์เนสถอนผ้าคาดเอว ถอดเข็มกลัด และขว้างปาทุกสิ่งไปทางเอ็มลิน·ไวท์ฝั่งตรงข้ามทีละชิ้น รวมไปถึงนาฬิกาพกสีเงินและกระเป๋าสตางค์ที่เต็มไปด้วยธนบัตร

 

แปะ!

 

หนังสือพิมพ์ในมือของมันหล่นลงพื้น ไพ่ที่สอดไว้ด้านในกระเด็นออกมา

 

บนหน้าไพ่ บุคคลหนึ่งกำลังนั่งบนเก้าอี้หิน เป็นเทพธิดาแห่งความยุติธรรมที่กำลังถือดาบกับตาชั่ง

 

ไพ่ทาโรต์ ‘จัสติส’

 

…………………………….