คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1555

หลังจากที่อีเวตต์เข้ามาช่วยจักรพรรดินีแล้ว จักรพรรดิหนีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้น เมื่อจักรพรรดินีเหลือบไปเห็นเรือที่แตกออกเป็นสองท่อน เธอจึงหันมองแดร์ริลด้วยใบหน้าที่ดุเดือดและพูดขึ้นว่า “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเจ้า! แล้วเราจะไปเกาะเพลิงน้ำแข็งกันอย่างไร? เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำอะไรลงไป!”

พวกเขาพลัดพรากจากสเตลล่าและสี่พี่น้องสโคป และในตอนนี้เรือของพวกเขาก็อับปางลง แล้วพวกเขาจะไปเกาะเพลิงน้ำแข็งกันได้อย่างไร?

จักรพรรดินีกลัวว่าเธอจะต้องตายในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่แห่งนี้

บัดซบ!

แดร์ริลรู้สึกหมดหนทางเมื่อได้ยินจักรพรรดินีต่อว่าเขาเช่นนั้น แดร์ริลตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “แล้วกระหม่อมห้ามไม่ให้ฝนตกได้หรือ?”

จักรพรรดินีจะโทษเขาในเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมได้อย่างไร?

“เสด็จแม่!”

อีเวตต์รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับพฤติกรรมของแม่ของเธอ “เสด็จแม่จะทรงโทษแดร์ริลเช่นนั้นได้อย่างไร? หม่อมฉันเองที่เป็นคนเสนอให้สเตลล่าพาพวกเราไปยังเกาะเพลิงน้ำแข็ง”

จากนั้นอีเวตต์ก็หันมาขยิบตาให้แดร์ริลเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้เขาเลิกโต้เถียงกับแม่ของเธอ

“ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าจะสนใจแต่เขาเท่านั้น” จักรพรรดินีเหลือบมองแดร์ริลขณะกล่าวเช่นนั้น

“ดูนั่นสิแดร์ริล เสด็จแม่!”

ในเวลานั้น อีเวตต์เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ปลายขอบฟ้า จากนั้นเธอก็อุทานขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเกาะเล็ก ๆ !”

แดร์ริลและจักรพรรดินีรีบหันมองตามอีเวตต์ไปทันที จากนั้น พวกเขาก็ได้เห็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

เยี่ยมไปเลย!

แดร์ริลทั้งตกตะลึงและดีใจในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็หันไปหาอีเวตต์และตะโกนขึ้นว่า “เรารีบว่ายน้ำไปที่เกาะเล็ก ๆ นั่นกันเถอะ!”

จากนั้นแดร์ริลก็ว่ายน้ำนำอีเวตต์และจักรพรรดินีไปยังเกาะที่อยู่ตรงหน้าทันที

อีเวตต์พยักหน้าอย่างรู้สึกยินดี เธอรีบประคองจักรพรรดินีว่ายน้ำตามแดร์ริลไปทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของอีเวตต์ก็ดูซีดเซียวลง ในขณะที่แขนและขาของเธอก็เริ่มรู้สึกอ่อนล้า เธอรู้สึกราวกับว่าพลังงานของเธอกำลังจะหมดไปจากร่างกายของเธอ

ก่อนหน้านี้ อีเวตต์ได้ประคองจักรพรรดินีเอาไว้ภายในห้องโดยสารของเรือเมื่อมีพายุทะเล และในตอนนี้ เธอก็ต้องว่ายน้ำพร้อมกับประคองจักรพรรดินีเอาไว้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น พลังของเธอจึงลดลงอย่างรวดเร็ว

“อีเวตต์!”

เมื่อจักรพรรดินีตระหนักได้ว่าอีเวตต์ว่ายน้ำช้าลง เธอจึงรีบถามลูกสาวของเธอด้วยความเป็นห่วงทันทีว่า “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”

หลังจากที่จักรพรรดิแห่งโลกใหม่เสียชีวิตลงแล้ว อีเวตต์คือครอบครัวคนเดียวที่เหลือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้สิ่งเร็วร้ายเกิดขึ้นกับลูกสาวของเธอ

“หม่อมฉันไม่เป็นไรท่านแม่” อีเวตต์ฝืนยิ้มเมื่อเธอกล่าวเช่นนั้น แม้เธอจะแสร้งทำเป็นว่าเธอยังสบายดี แต่ความเร็วในการว่ายน้ำของเธอก็เริ่มช้าลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ใบหน้าของเธอดูอ่อนแรงลงและเหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นบนใบหน้าที่งดงามราวกับว่าเธอสามารถหมดสติลงได้ทุกเมื่อ

“อีเวตต์!”

เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แดร์ริลจึงรีบว่ายเข้าไปหาอีเวตต์อย่างรวดเร็วและพูดขึ้นว่า “ให้ผมเป็นคนพาจักรพรรดินีไปเถอะ!”

หัวใจของแดร์ริลเจ็บปวดเมื่อได้เห็นอีเวตต์เป็นทุกข์

อีเวตต์มีอาการอ่อนเพลีย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถประคองจักรพรรดินีว่ายน้ำต่อไปได้

อีเวตต์พยักหน้าและกำลังจะปล่อยจักรพรรดินีเพื่อให้แดร์ริลเป็นคนพาแม่ของเธอไปยังเกาะที่อยู่ตรงหน้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าแดร์ริลกำลังจะเข้ามาใกล้ จักรพรรดินีก็ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้ากล้าดียังไง? เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ใกล้ข้า!”

เธอเป็นจักรพรรดินีผู้สง่างาม แล้วเธอจะปล่อยให้แดร์ริลประคองเธอไปได้อย่างไร? มันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกเขยของเธอก็ตาม

มือของแดร์ริลที่ยื่นออกไปแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ

แดร์ริลไม่อยากจะเชื่อว่า จักรพรรดินียังกล้าตั้งกฎมากมายแม้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ตาม

ในขณะที่คิดเช่นนั้น แดร์ริลก็แอบชำเลืองมองร่างกายของจักรพรรดินี

เสื้อผ้าของจักรพรรดินีเปียกโชกซึ่งเผยให้เห็นส่วนเว้าโค้งที่เย้ายวนใจ เธอดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลจนเขาไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลย

“ฝ่าบาท!”

หลังจากที่แดร์ริลแอบชำเลืองมองจักรพรรดินีไม่กี่วินาที เขาก็กลับมามีสติและพูดขึ้นว่า “พระองค์จะต้องเลิกตั้งกฎพวกนั้น พระองค์ไม่เห็นเหรอว่าอีเวตต์กำลังจะหมดแรง? สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการช่วยชีวิตของพระองค์ เรายังอยู่ห่างจากเกาะเล็ก ๆ อีกหลายกิโลเมตร แล้วถ้าหากว่า พระองค์ยังดื้อดึงให้อีเวตต์เป็นคนพาไป อีเวตต์จะต้องไม่สามารถพาพระองค์ไปถึงฝั่งได้แน่นอน”