อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1046 ไม่มีคนช่วยเหลือ
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

เป็นผู้ใดที่เปิดเผยข้อมูล? จงใจทำให้คนทั้งโลกประณามนาง?

“เจ้าบ้านหนิง ผู้หญิงคนนี้สังหารไป๋หลี่หมิงและคนอื่นๆ พวกเราไม่เอาความ แต่นางปล่อยสัตว์อสูรที่ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราสะสมมานับหลายศตวรรษ บัญชีหนี้นี้พวกเราจำเป็นจะต้องทวงหนี้ ตระกูลหนิงของพวกท่านคงไม่ได้ต้องการจะปกป้องนางอีกหรอกนะ?”

หลังจากคำพูดสิ้นสุด ซ่างกวนชิงก็เหาะเหินขึ้นมา ฝ่ามือหนึ่งผ่าลงไปที่กลางกระหม่อมของกู้ชูหน่วนอย่างรุนแรง

เขาเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีในทวีปปิงหลิง และฝ่ามือนี้ก็มาพร้อมด้วยความโกรธค้ำฟ้า ร่างกายของกู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่ได้บาดเจ็บสาหัส กระบวนท่านี้ลงไปก็ยากที่จะรับไว้ได้

รูม่านตาของทุกคนเบิกกว้าง เพราะกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะตาย ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีนั้นก็จะไม่มีทางหาเจอได้อีก

แขนเสื้อยาวๆของผู้เฒ่าหนิงโบก ร่างกายหายวับไปในพริบตา ปึงเสียงหนึ่งขวางกั้นฝ่ามือที่ต้องการสังหารไว้แทนกู้ชูหน่วน ทุกคนจึงค่อยๆโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

ผู้เฒ่าหนิงกล่าวว่า “ซ่างกวนชิง เจ้าเป็นตาแก่หนังเหนียวผู้หนึ่งที่ใกล้จะลงดินไปอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะลอบโจมตีเด็กผู้หญิงคนเดียวได้ เจ้ายังจะเอาหน้าตาอีกหรือไม่”

“นังเด็กบ้านี่ นางเปลื้องผ้าของข้า”

ทุกคนในสนามล้วนมองไปที่ซ่างกวนชิงอย่างไม่น่าเชื่อ

ซ่างกวนชิงโกรธจนหน้าเขียวหน้าม่วงในพริบตา

ผู้เฒ่าหนิงกล่าว “เจ้าบอกว่าเจ้าถูกนางเปลื้องผ้าซะหมดเกลี้ยง? เรื่องนี้มีพยานหรือไม่?”

ซ่างกวนชิง “…….”

กู้ชูหน่วนสีหน้างงงัน “ท่านบอกว่าข้าเปลื้องเสื้อผ้าของท่าน ข้าไปเปลื้องเสื้อผ้าของท่านเมื่อใด? ทำไมตัวข้าเองถึงไม่รู้? หรือท่านหวังว่าข้าจะเปลื้องผ้าท่าน หากว่าท่านปรารถนา ข้าก็ไม่ถือสาที่จะเปลื้องให้”

“เจ้า…….”

มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านล่าง มีหลายคนกลั้นหัวเราะไว้

ซ่างกวนชิงโมโหเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟอย่างสุดๆ

เห็นได้ชัดว่าเป็นนางที่เปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง

แต่ตอนนี้ หากเขายอมรับ ใบหน้าแก่ๆนี้จะเอาไปไว้ที่ไหน?

หรือจะบอกคนทั้งโลกว่า เขาที่เป็นผู้อาวุโสผู้สูงศักดิ์ของตระกูลซ่างกวน ถูกนังเด็กไม่ประสีประสาคนหนึ่งเปลื้องผ้าปล้นของไปงั้นหรือ?

ซ่างกวนชิงกล่าว “เป็นข้าที่จำผิดไป ไม่มีใครเปลื้องเสื้อผ้าข้า แต่……นางขโมยดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีไป ของศักดิ์สิทธิ์สองอย่างนี้นางจำเป็นต้องมอบออกมา”

“ไม่ต้องพูดถึงว่านางได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ไปหรือไม่ แต่มาพูดกันว่าสิ่งของในหุบเขาอสูรนั้นล้วนเป็นสิ่งของที่ไร้เจ้าของ ใครได้ไป ก็ต้องเป็นของผู้นั้น จึงไม่ถือว่านางขโมยสินะ”

ทันทีที่ผู้เฒ่าหนิงพูดคำเหล่านี้ออกมา ซ่างกวนชิงก็สำลักจนพูดไม่ออก

ไป๋หลี่ป้ากล่าว “คำพูดนี้ของเจ้าบ้านหนิงไม่ถูกต้อง หากดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของคนอื่นก็ไม่เป็นไร แต่บังเอิญไปตกอยู่ในมือนาง เจ้าบ้านหนิงอย่าลืม นางมีวิชามนต์ดำ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามารถทำให้ฟื้นคืนชีพจากความตายได้ และเพิ่มวิทยายุทธได้เป็นทวีคูณ ตอนนี้นางอายุยังน้อยและอวดดีหยิ่งผยองขนาดนี้ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ หากรอให้นางโตขึ้นมา ทั้งทวีปปิงหลิงยังจะมีคนเป็นคู่ต่อกรของนางอีกหรือ?”

ในสนามมีผู้ใดบ้างที่ไม่อยากได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์

เดิมทีเป็นประชาชนคนธรรมดาก็ไม่ได้มีความผิด

แต่เพราะมีของล้ำค่าอยู่กับตัวจึงมีความผิด

เสียงประณามกู้ชูหน่วนดังขึ้นเรื่อยๆ

“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีสามารถทำให้ศักยภาพพุ่งทะยานเพิ่มขึ้นได้หลายขั้น ดีไม่ดีหากว่าหลังจากที่นางกินลงไปแล้ว พุ่งทะยานจากระดับสามขึ้นไปถึงระดับหกโดยตรง กระทั่งถึงระดับเจ็ด ถึงเวลานั้นพวกเราทุกคนก็คงจะถูกนางทำให้นองเลือดแล้ว”

“ใช่น่ะสิ บวกกับการใช้วิชามนต์ดำเข้าช่วย ใครจะเอาชนะนางได้”

“จำเป็นจะต้องเอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายในเปลไปซะ”

“มอบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ออกมา”

“ถ้าเจ้าไม่มอบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ออกมา วันนี้ก็จะเป็นวันตายของเจ้า”

เจ้าบ้านไป๋หลี่กล่าว “เจ้าบ้านหนิง ที่ผ่านมาพวกท่านเห็นแก่ส่วนรวมไม่ถือประโยชน์ส่วนตัว คิดว่าคงจะไม่ช่วยนางอีกต่อไปแล้วสินะ?”

หนิงเทียนโย่วกล่าวอย่างรีบร้อน “ท่านปู่……”

ผู้เฒ่าหนิงด่าทอว่าไร้ยางอายสองสามคำอย่างต่อเนื่อง

หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ เช่นนั้นก็เป็นเพียงบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลหนิงและตระกูลไป๋หลี่สองตระกูลเท่านั้น

แม้ว่าพรรคต่างๆทั่วทั้งโลกจะปกป้องตระกูลไป๋หลี่อย่างไร ก็ไม่กล้าลงมือกับตระกูลหนิง

แต่ตอนนี้……

อยู่ต่อหน้าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ แต่ละพรรคแต่ละสำนักยังจะสนใจว่าอะไรคือตระกูลหนิงได้อีกอย่างไร

เมื่อตระกูลหนิงเข้าช่วย ตระกูลหนิงก็จะถูกเหล่าพรรคใหญ่ๆแต่ละพรรคโจมตีไปด้วย

ตระกูลไป๋หลี่ต้องการทำลายตระกูลหนิงมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็ต้องการจะฉวยโอกาสทำลายตระกูลหนิงให้ได้

กู้ชูหน่วนก็รู้ถึงความจริงจังหนักหน่วงของเรื่องนี้เช่นกัน

นางอดกลั้นต่อความเจ็บปวดแล้วยิ้มออกมา “ข้าและตระกูลหนิงไม่ได้รู้จักมักจี่กัน ข้าว่าทำไมพวกท่านถึงได้เพ่งเล็งอยู่แต่ที่ตระกูลหนิง ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือข้า มีความสามารถก็มาหาข้าตรงๆ”

เจ้าบ้านไป๋หลี่กล่าว “เจ้าบ้านมู่ ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”

เป็นธรรมดาที่เจ้าบ้านมู่คิดอยากจะช่วยหลานสาวของตัวเอง แต่ทำอะไรไม่ได้…….

ตระกูลมู่เล็กเกินไป พวกเขามีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง

เจ้าบ้านมู่กล่าว “เรื่องนี้ จวนมู่จะไม่ยุ่งเกี่ยว”

“ท่านพ่อ…..” มู่ซินสามพี่น้องทำใจไม่ได้ แต่ก็ไร้ความสามารถเช่นกัน

เจ้าบ้านไป๋หลี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงหันไปทางตระกูลซ่างกวน

“เจ้าบ้านซ่างกวน ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

ทุกคนล้วนคิดว่าตระกูลซ่างกวนจะก้าวเข้ามาแทรกด้วยเป็นแน่ เพื่อแย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน

คิดไม่ถึงว่าเจ้าบ้านซ่างกวนจะพูดอย่างเย็นชาออกมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น

“เรื่องนี้ ตระกูลซ่างกวนของพวกเราจะไม่ก้าวก่าย”

จิตใจของซ่างกวนชิงร้อนรนจนไฟลุกโชน “ท่านเจ้าบ้าน นังปีศาจผู้นี้มีวิชามนต์ดำ หากว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ถูกนางหลอมและกินลงไป เช่นนั้นจะไม่…….”

สีหน้าอันเย็นชาของเจ้าบ้านซ่างกวนกวาดไปทันที ไม่พอใจต่อซ่างกวนชิงเป็นที่สุด

ผู้ที่ขอให้ยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างมู่หน่วนและหลางเอ๋อร์ก็คือเขา

จับคู่มู่หน่วนและหลางเอ๋อร์ให้หมั้นหมายกันใหม่อีกครั้งก็เป็นเขา

ตอนนี้คิดจะฆ่ามู่หน่วนก็เป็นเขาอีก

กลับกลอกไปมาเช่นนี้ เกียรติของตระกูลซ่างกวนยังจะต้องการอีกหรือไม่?

ยิ่งกว่านั้น เขามักจะรู้สึกว่า……..ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาอยู่เสมอ

ในเมื่อตระกูลไป๋หลี่อยากที่จะออกหน้าออกตาขนาดนั้น ก็ปล่อยให้เขาออกหน้าไปก็ได้แล้ว

หลังจากที่ซ่างกวนชิงถูกเพ่งมองแล้ว ก็ยืนอยู่ข้างๆด้วยความโกรธเต็มท้อง

สุดท้ายเจ้าบ้านไป๋หลี่ก็เอาสายตากวาดไปทางเจ้าบ้านเวิน ถามไปอย่างดื้อๆว่า “เจ้าบ้านเวิน ความเห็นของท่านล่ะ”

ท่าทีของเจ้าบ้านไป๋หลี่พูดไม่ถูกว่าดูถูกหรือไม่อย่างไร

แต่กลับไม่ได้มีความเคารพนอบน้อมเหมือนกับที่ปฏิบัติต่อเจ้าบ้านซ่างกวนเช่นนั้น

แต่เขากลับมีการดูถูกดูแคลนเจ้าบ้านเวินที่อายุยังน้อยอีกด้วย

เวินเส้าหยียิ้มอย่างอ่อนโยน เหมือนดั่งต้นหลิวที่ถูกลมอ่อนพัดโชยในเดือนสาม “ตระกูลเวินมาเพื่อเข้าร่วมงานประชุมมอบรางวัลใหญ่”

คำพูดของเขามีความหมายโดยนัย และไม่ได้ขีดเส้นแบ่งขอบเขตอย่างจริงจัง

ทุกคนจึงไม่รู้ว่าเขาอยากจะสื่อความหมายอะไรกันแน่

แต่ว่าคนทั้งโลกรุมประณามอยู่พร้อมกัน เชื่อว่าคงไม่ผู้ใดที่จะกล้าไปช่วยนาง

เจ้าบ้านเวินอายุยังน้อย คิดว่าคงจะไม่ได้กล้าหาญขนาดที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกได้

“ท่านอ๋องเสวี่ย ท่านล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

เสด็จอาเสวี่ยกล่าว “หากว่านางมีวิชามนต์ดำจริง ก็เป็นธรรมดาที่จะมอบดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ให้นางไม่ได้ หากว่านาง……ช่างเถอะ เรื่องนี้พวกเราจะไม่ยุ่ง”

ไม่รู้ว่าหยางโม่ไปเบียดอยู่ข้างกายของเสด็จอาเสวี่ยตั้งแต่เมื่อใด เขากล่าวด้วยความร้อนใจ “เสด็จอา มู่หน่วนไม่ใช่ปีศาจ นางเคยช่วยชีวิตข้า”

“นางเคยช่วยเจ้า แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงเรื่องวิชามนต์ดำของนางได้ วิชากลับสู่สภาพเดิมเมื่อครู่เจ้ายังไม่เห็นอีกรึ นางดูดแก่นพลังเลือดของไป๋หลี่เจิ้นไปจริงๆ ทวีปปิงหลิงไม่อนุญาตให้มีของเช่นนี้ดำรงอยู่”

“แต่ว่า……”

“ไม่มีแต่ เจ้ามีฐานะเป็นองค์ชายของแคว้นปิง ก็ยิ่งจะต้องยืนด้วยความคิดที่ทำเพื่อส่วนรวมของแคว้นปิง”

มองไปทั่วทั้งสนาม กระทั่งทั่วทั้งโลก กลับไม่มีใครสักคนช่วยเหลือนางจริงๆ

มีเพียงหลินซือหย่วนเท่านั้น……

บุคคลตัวเล็กๆที่ศักยภาพต่ำต้อยจนต่ำไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ในตาเต็มไปด้วยความลังเล ราวกับกำลังลังเลว่าจะช่วยนางดีหรือไม่

กู้ชูหน่วนไม่รอให้หลินซือหย่วนเดินเข้ามาใกล้นาง แต่นางกลับดึงระยะห่างให้ไกลจากเขายิ่งขึ้น “ทำไม เจ้าก็อยากจะสังหารข้าพร้อมกับพวกเขาหรือ น่าเสียดาย ศักยภาพของเจ้าต่ำเกินไป ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าฆ่าข้าไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดในนั้น เจ้าก็ฆ่าไม่ได้”

นางอยากแอบบอกใบ้เขา อย่ารนหาที่ตายโดยเปล่าประโยชน์

ศักยภาพของเขาต่ำขนาดนั้น แม้ว่าจะช่วยนาง ก็เป็นการทิ้งชีวิตไปเปล่าๆ เก็บรักษาแรงกำลังไว้ ฝึกซ้อมให้ดีๆยังจะดีซะกว่า

ร่างกายของหลินซือหย่วนเย็นยะเยือกทันที

แค่เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถูกนางมองออกแล้วหรือ?

เขาอยากจะช่วยนาง

แต่ศักยภาพของตัวเอง ไม่เพียงพอจริงๆ รอดูสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจจะดีกว่า

กู้ชูหน่วนหัวเราะขึ้นฟ้า

นางรู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยว

หากว่าเซียวหยู่เซวียนอยู่ เขาจะต้องยืนอยู่ฝ่ายนางตรงนี้โดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน